2 รมต.ลุกโต้ป้องนายกฯ-ทักษิณ

รัฐสภา 3 เม.ย.-หลัง “จุรินทร์” ซักฟอก ทำ 2 รมต.นั่งไม่ติด “จุลพันธ์” โดดป้องนายกฯ โวจะได้เห็น “สึนามิการลงทุน” เจรจาลงทุนแสนล้าน ต้องใช้เวลา ไม่มีใครตัดสินใจทันที ยัน “เศรษฐา” หัวหน้าคนเดียว ขณะ “พ.ต.อ.ทวี” โต้พ.ร.บ.ราชทัณฑ์เกิดยุครัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” “จุรินทร์” ลุกสวน คิดแบบนี้ตรรกะวิบัติ ถามเรื่องอนาคตที่อยู่ในความรับผิดชอบรัฐบาลนี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรทำหน้าที่ประธานที่ประชุม วาระการประชุมอภิปรายทั่วไปรัฐบาลแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 บรรยากาศเป็นไปด้วยการถกเถียงระหว่างฝ่ายค้านและรัฐบาล โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายงคนแรก แต่มีรัฐมนตรีถึง 2 คนขอใช้สิทธิ์ชี้แจงทันที

คนแรกคือนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ลุกขึ้นชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรีเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณในภาพรวมของรัฐบาล ยอมรับว่ามีส่วนที่รัฐบาลได้ใช้เงินไปแล้ว แต่เป็นส่วนของเงินเดือนรายจ่ายประจำ เงินผูกพันที่มีมาก่อนหน้า ไม่มีโครงการที่รัฐบาลอนุมัติลงทุนใหม่ ซึ่งเป็นข้อจำกัดที่รัฐบาลเผชิญ จนถึงขณะนี้เมื่องบประมาณ ปี 67 ผ่าน หากประกาศใช้จะมีงบประมาณสำหรับการขับเคลื่อนให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและของแต่ละกระทรวง


“ผมเป็นห่วงการอภิปรายพอสมควร เนื่องจากใช้คำพูดค่อนข้างแรงเช่น เศรษฐีไหนจะมาร่วมลงทุน ต้องเรียนว่า แม้นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปต่างประเทศ ไปแสวงหาเม็ดเงินลงทุนแสวงหาพันธมิตร แต่ต้องยอมรับว่ากระบวนการลงทุนลักษณะนี้ เงินแสนล้าน ไม่มีใครตัดสินใจได้ในวันเดียว ต้องมีกระบวนการพูดคุยเจรจาให้เกิดความต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งที่นายกรัฐมนตรีเปิดการเจรจาและเปิดการหารือไว้ได้รับสัญญาณเชิงบวก ตอนนี้สัญญาณเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยศักยภาพของประเทศไทยเรื่องที่ตั้งของประเทศ ทรัพยากรธรรมชาติ แรงงาน เรามีแรงจูงใจ มีศักยภาพที่จะไปขาย เพื่อเกิดเม็ดเงินเพิ่มขึ้นในอนาคต ผมเชื่อว่าเราจะได้เห็นสึนามิการลงทุนเกิดขึ้นในประเทศ จากการลงทุนของต่างชาติที่จะไหลเข้ามา สร้างงาน สร้างอาชีพ การถ่ายโอนความรู้ เทคโนโลยี เพื่อให้คนไทยมีความพร้อม รองรับตลาดโลก” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าว

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เรื่องที่สมาชิกห่วงยังมีการสั่งการผ่าน “ท่าน” ใดอีกหรือไม่ นอกเหนือจากนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรี สามารถพูดแทนรัฐมนตรีทุกคนได้ว่า “สิ่งนี้เป็นจินตนาการของท่านเอง ไม่ได้มีข้อเท็จจริงใด ๆ” (หัวเราะ) ประเทศไทยมีนายเศรษฐาเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของคณะรัฐมนตรี และในการดำเนินการของพวกเราเป็นไปตามกลไกของคณะรัฐมนตรีและกฎหมายทุกประการ เรื่องดิจิทัล วอลเล็ต10 เม.ย.นี้ มีข่าวดีให้ประชาชนคนไทยทุกคนแน่นอน

ภายหลังนายจุลพันธ์ชี้แจง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลุกขึ้นชี้แจงโดยอธิบายที่ต้องรีบชี้แจงว่า ถ้าไม่ชี้แจงตอนนี้ อาจทำให้สังคมสับสน เพราะนายจุรินทร์ได้พูดถึงกระบวนการกระบวนการยุติธรรม เชื่อมโยงไปถึงกรมราชทัณฑ์ อยากให้รับทราบว่าพ.ร.บ.ราชทัณฑ์ปี 2560 เป็นพ.ร.บ.ที่ออกในยุคสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ไม่ใช่รัฐบาลเศรษฐา ยืนยันว่าตนไม่มีอำนาจอะไรอยู่ใน พ.ร.บ.ฉบับนี้ เนื่องจากในการร่างกฎหมายบัญญัติโทษไว้ชัดเจน ไม่อนุญาตให้ใช้ดุลยพินิจ


“ท่านจุรินทร์คงจะหมายถึงท่านอดีตนายกฯทักษิณ ท่านได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อนรัฐบาลนี้จะเข้ามาบริหารประเทศ ก่อนรัฐบาลนี้คือรัฐบาลของท่านจุรินทร์ เป็นผู้บริหารประเทศร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านได้เข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม รัฐบาลของท่านนั้น ในวันเดียวก็อนุญาตให้อดีตนายกฯ ทักษิณไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ และอยู่ในชั้น 14 ถ้าเป็นการกระทำอยู่ในยุคของท่าน ท่านใช้คำพูดอีกแบบหนึ่ง แต่พอเหตุการณ์ต่อเนื่องมาในยุคปัจจุบัน ท่านกล่าวว่าเป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรม” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าว

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ที่ผ่านมาหลักนิติธรรมไม่เคยนิยามไว้ในพจนานุกรม ตั้งแต่ 2550 แต่หลังจากนั้นมาบัญญัติไว้ว่าต้องใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน แสดงให้เห็นว่ากฎหมายเป็นใหญ่ ที่บอกว่าติดคุกทิพย์ ถือว่าเลวร้ายมาก ผู้ป่วยก็ต้องส่งรักษา ลองไปดูในเจตนารมย์ของกฎหมาย จะเห็นได้ว่าไม่ให้รัฐมนตรีมีดุลยพินิจเลย ให้ใช้ความเห็นของแพทย์ เมื่อแพทย์ส่งไปรักษาแล้ว เขาบอกว่าให้โรงพยาบาลสถานที่รักษาคือเรือนจำ ใช้สถานที่จำคุกก็คือโรงพยาบาล เมื่อกฎหมายบัญญัติไว้ลักษณะนั้น ตนไม่ได้อะไรกับนายทักษิณ และไม่อยากให้สังคมเกิดความสับสน เราต้องมองผลกระทบต่อสังคมด้วย อยากให้ฟังความให้รอบด้าน ไม่อยากให้ใช้อคติในการอภิปราย

นายจุรินทร์ใช้สิทธิ์พาดพิง ลุกขึ้นตอบโต้ว่า พ.ต.อ.ทวีพูดมาหลายเวทีก็พูดแบบนี้ ว่ากฎหมายเกิดสมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ และว่า “ตรรกะของท่านคือถ้ากฎหมายเกิดสมัยรัฐบาลประยุทธ์ มาถึงรัฐบาลนี้ท่านจะทำถูกทำผิดอย่างไรไม่ได้หรือ ถ้าตรรกะแบบนี้มันตรรกะวิบัติ ผมอภิปรายเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาลนี้เต็มร้อย คือระเบียบที่คนที่ติดคุกที่บ้าน จะรวมคดีคอร์รัปชันหรือไม่ มันอยู่ที่ท่านแล้ว ถ้าท่านมองมุมกลับจะมองว่าเป็นการส่งเสริมให้คอร์รัปชัน รวมถึงเรื่องนิรโทษกรรมจะเกิดหรือไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ ผมจึงต้องถามว่าจะรวมคดีทุจริตและละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 หรือไม่” นายจุรินทร์ กล่าว.-312.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง