รัฐสภา 6 มี.ค.-“ชัยวัฒน์” พร้อมสู้คดีหลังส.ป.ก.โคราชแจ้งความ ย้ำคนได้ส.ป.ก. ต้องไม่มีที่ทำกิน ชี้เท่ากับยอมรับว่าเป็นหมุดของตัวเอง บอกไม่ใช่อยากปักตรงไหนก็ปัก ระบบราชการทำไม่ได้
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีถูกส.ป.ก.โคราชแจ้งความเอาผิดปมถอน 27 หมุด ว่า เป็นเรื่องปกติ ซึ่งเป็นข้อดี เพราะเขายืนยันว่าเป็นหลักของส.ป.ก. เราไม่ต้องไปพิสูจน์ เพราะปกติต้องนำหลักส.ป.ก. ไปให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบว่าหลักนี้มาจากไหน ซื้อล็อตไหน ใครเป็นคนจัดซื้อจัดจ้าง ใครเป็นผู้รับ แต่เมื่อ ส.ป.ก.โคราชบอกว่าเป็นหลักของเขาก็มาแจ้งความว่าตนลักทรัพย์สินของรัฐเท่านั้น
“ผมไม่กังวล จะได้มั่นใจว่าเป็นหลักของเขาจริง ๆ จากการฟังคำชี้แจงของ ส.ป.ก.ทำให้ไม่มั่นใจว่าหลักส.ป.ก.ถือได้ด้วยหรือ ใส่ถุงหิ้วไปแล้วอยากปักที่ไหนก็ได้ใช่หรือไม่ เพราะปกติการออกไปรังวัดหรือปักหลักปักหมุดต้องใช้แผนงาน แผนเงิน ต้องจ้างแรงงาน ต้องใช้รถยนต์ขนหลักไปปักให้กับชุมชน ต้องมีช่างรังวัดไปปักด้วย ตรงนี้ต้องให้ความชัดเจนต่อสังคม แต่ผมฟังแล้วเหมือนกับว่าเดินถือมา อยากจะปักริมห้วยริมแม่น้ำก็ปัก เป็นเรื่องตลก ซึ่งในระบบราชการทำไม่ได้” นายชัยวัฒน์ กล่าว
ส่วนการชี้แจงในห้องประชุมกรรมาธิการ ดูเหมือนกรมอุทยานฯ กับกรมแผนที่ทหาร ยังเถียงกันเรื่องเส้นแผนที่ นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า กรมแผนที่ทหารพยายามโชว์ร่องรอย จึงทำให้เห็นการย้อนหลังถึงปี 2496 ทางเราก็อธิบายว่าที่เห็นร่องรอยเป็นตารางล็อก ๆ คือสวนป่า ไม่ใช่ชาวบ้านเข้าไปทำกินหรือเป็นการจัดที่ทำกินของชาวบ้านดั้งเดิม ซึ่งตรงนี้เคลียร์แล้ว เป็นไปในทางเดียวกัน ขณะเดียวกันกรมแผนที่ทหารยอมรับว่าไม่ได้ยึดหมุด แต่ยึดจากฟิลด์บุ๊คหรือการบันทึกในสมุดรังวัด รวมถึงพื้นที่ข้างเคียงว่ามีร่องห้วย และถามชาวบ้านว่าตรงนี้เป็นยอดเขาอะไร แต่ห้วยยาว 10-20 กม. ไม่ใช่ว่าจะเอาตรงนี้ แต่ไม่เป็นไรเพราะได้ข้อสรุปแล้วในกรรมาธิการ และแจ้งกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ(สคทช.) แล้วว่าจากนี้หน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกรมอุทยานฯ ส.ป.ก. กรมแผนที่ทหาร กรมพัฒนาที่ดิน ฝ่ายปกครองให้ลงไปรังวัดพร้อมกัน โดยนำเครื่องมือของแต่ละหน่วยงานไปด้วย แล้วไปวางกันในระบบ เชื่อว่าจะยอมรับกันได้ ดังนั้น แผนที่ที่จะเดินหน้าต่อไปไม่ต้องคุยเรื่องแผนที่ทหารแล้ว ถ้าตนรับได้ก็ไม่ต้องถึงศาลปกครอง หรือฟ้องศาลต่อไป
เมื่อถามว่าเส้นที่ขีดออกมาหลงัจากลงพื้นที่ด้วยกหันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร รับได้ใช่หรือไม่ นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ใช่ เพราะตนไปเอง กรมแผนที่ทหาร หน่วยงานต่างๆ ก็ไปเอง จะได้มีพยานยืนยันว่าที่เดินกันมันถูกต้อง เพราะเป็นการทำงานร่วมกัน ไม่มีความขัดแย้ง ถ้าทุกคนหวังดีต่อประเทศชาติ ไปด้วยกันได้แน่นอน
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าให้ยึดเส้นของแผนที่ทหาร จะทำให้เส้นของกรมแผนที่ทหารมีสถานะเหนือเส้นแผนที่ของหน่วยงานอื่นหรือไม่ นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังไม่ได้รับรองว่าเส้นของแผนที่ทหารเอามาใช้ในกรณีนี้ แต่วันนี้ส.ป.ก.เอาเส้นนี้มาฟ้องว่าอยู่ในเขตส.ป.ก.จึงมาแจ้งความตน ซึ่งในหลักการก็ต้องคุยกัน แต่ตนไม่ได้โกรธเป็นไปตามที่คาดหมายไว้ เส้นแผนที่นี้ต้องมาตกลงกันครั้งต่อไปว่าจะต้องเริ่มแบบไหนถึงจะถูกที่สุด
ส่วนกรณีกรรมาธิการฯ เชิญส.ป.ก.มาชี้แจง แต่ไม่มาสักครั้ง นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า วันนี้ก็เสียใจ เพราะ 2 ครั้งที่มาชี้แจงกรรมาธิการ ทางส.ป.ก. ไม่มีผู้แทนมาตอบ อย่างวันนี้อ้างว่าเป็นวันสถาปนาส.ป.ก. ซึ่งต้องมีความรับผิดชอบ เพราะวันนี้มีประชุม ต้องมาชี้แจงและนำข้อมูลมาให้กรรมาธิการรับทราบและตอบข้อโต้แย้ง แต่วันนี้ได้ฟังตัวแทนจากคณะกรรมการกฤษฎีกาพูดชัดเจนว่า พื้นที่ดังกล่าวต้องถูกจำแนก โดยมีแผนงาน แผนเงินลงไปจึงจะจัดทำรูปแปลงได้
สำหรับรายชื่อผู้ที่ได้รับการจัดสรรส.ป.ก.ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ กรมอุทยานฯ มีสิทธิ์ใช้อำนาจเพิกถอนได้หรือไม่ นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ทางกรรมาธิการฯ มีรายชื่อมาแล้ว ว่ากว่า 10 คนจาก 58 คนที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ แต่ได้รับการจัดสรร ไม่ว่าข้าราชการกลุ่มใดก็ควรมีสิทธิ์ได้รับจัดสรร หากไม่มีที่ดินทำกินจริง ๆ ไม่ใช่เป็นกลุ่มทุนที่มีที่ทำกิน มีหลักทรัพย์ มีอะไรต่าง ๆ ไม่ควรจะได้ ต้องแยกกัน อีกทั้งการที่ตนต่อว่าส.ป.ก.ก็ว่าคนที่ทำผิด ทำทุจริต ไม่ได้ว่าเหมารวม.-314.-สำนักข่าวไทย