25 ก.พ. – “ธรรมนัส” ควง “อนุชา” ฟังเสียงสะท้อนชาวนาชัยนาท ลุยแก้ภัยแล้ง เล็งสร้างอาคารบังคับน้ำ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ เพิ่มน้ำต้นทุน ช่วยพื้นที่เกษตรกว่า 10,000 ไร่
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่รับฟังปัญหาของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว จ.ชัยนาท ซึ่งประสบปัญหาแหล่งน้ำในพื้นที่การเพาะปลูกข้าวไม่เพียงพอ ณ หนองชะโด ต.สรรพยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท โดยมีนายวิทยา ชพานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายมณเฑียร สงฆ์ประชา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ชัยนาท เขต 2 นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น และเกษตรกรชาวนา เข้าร่วม
รมว.เกษตรฯ เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อรับฟังประเด็นปัญหาของเกษตรกรผู้ทํานาในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.สรรคบุรี และ อ.สรรพยา โดย ต.ห้วยกรด ต.ห้วยกรดพัฒนา ต.เที่ยงแท้ อ.สรรคบุรี ต.บางหลวง ต.สรรพยา ต.ตลุก อ.สรรพยา ได้รับความเดือดร้อนในช่วงฤดูแล้ง ปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการเกษตร จึงต้องอาศัยน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ บ่อบาดาล และในช่วงฤดูน้ำหลากจะมีการระบายน้ำในที่ลุ่มต่ำ ทําให้ดึงน้ำในที่ดอนไปด้วย ซึ่งเป็นปัญหาในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่
ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน จึงได้มีแนวทางช่วยเหลือ โดยเห็นชอบให้เร่งดำเนินการก่อสร้าง 3 จุด วงเงินงบประมาณ 40 ล้านบาท โดยใช้งบเหลือจ่ายปี 2567 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร ดังนี้
จุดที่ 1 ก่อสร้างอาคารบังคับน้ำกลางคลองระบาย (คลองทิ้งน้ำหนองชะโด) วงเงินงบประมาณ 20 ล้านบาท พื้นที่รับประโยชน์ 4,000 ไร่ เพื่อให้ราษฎรที่อาศัยในบริเวณโครงการและใกล้เคียงมีน้ำอุปโภค-บริโภคทําการเกษตร จุดที่ 2 ก่อสร้างอาคารบังคับน้ำคลองระบาย (หนองน้ำร้อน) วงเงินงบประมาณ 10 ล้านบาท พื้นที่รับประโยชน์ประมาณ 3,800 ไร่ 200 ครัวเรือน จุดที่ 3 ก่อสร้างอาคารบังคับน้ำคลองระบาย (คลองทิ้งน้ำทุ่งหนองบัว) วงเงินงบประมาณ 10 ล้านบาท (อยู่ในแผนงบกลางภัยแล้ง 67) พื้นที่รับประโยชน์ 4,800 ไร่ 250 ครัวเรือน
สำหรับโครงการอื่นๆ ที่กลุ่มเกษตรกรได้นำเสนอ เช่น ขุดลอกคลองท่าหมาดอนงู การจัดทําโครงการบ่อบาดาลโซลาร์เซลล์ เพื่อเติมน้ำในสระไว้ใช้ในฤดูแล้ง การขุดลอกคลองลําน้ำบ้านหนองนั้น ได้มอบหมายให้กรมชลประทาน ลงพื้นที่สำรวจความพร้อมร่วมกับผู้นำท้องถิ่น และให้เร่งนำเข้าแผนของบประมาณปี 2568 ต่อไป
“รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ความสำคัญกับปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาภัยแล้งที่ประสบทุกปีของชาวนาผู้ปลูกข้าว จ.ชัยนาท ซึ่งเปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของประเทศ โดยเขื่อนเจ้าพระยาถือเป็นหัวใจสําคัญของโครงการชลประทานพัฒนาลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพื่อการเพาะปลูกสําหรับพื้นที่ราบภาคกลาง จึงได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาเร่งด่วนเพื่อให้ชาวนาได้มีน้ำใช้เพื่อการทำเกษตร
อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายที่สำคัญ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับพี่น้องเกษตรกร เช่น นโยบายลดต้นทุนการผลิต ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ และนโยบายปุ๋ยคนละครึ่ง ที่กำลังจะดำเนินการ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของเกษตรกร“ ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
”ขอขอบคุณรัฐมนตรีว่าการฯ ที่ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของชาวนา จ.ชัยนาท และได้ลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อรับฟังเสียงสะท้อนจากชาวนาโดยตรง โดยโครงการต่างๆ ที่กลุ่มเกษตรกรได้นำเสนอนั้น ทำให้เกษตรกรทำนาในพื้นที่ อ.สรรคบุรี และ อ.สรรพยา พื้นที่กว่า 10,000 ไร่ ได้มีน้ำทำการเกษตรอย่างทั่วถึงและเพียงพอ เกิดประโยชน์สูงสุดกับเกษตรกร เกษตรกรมีต้นทุนการทำนาลดลง มีรายได้เพิ่มขึ้น ตลอดจนทำให้เกษตรกรสามารถพัฒนาต่อยอดจากแหล่งน้ำเป็นการท่องเที่ยวทำให้มีรายได้เพิ่มนอกจากการทำนาได้อีกด้วย
ทั้งนี้ ตนในฐานะกำกับดูแลกรมการข้าว พร้อมขับเคลื่อนนโยบายสำคัญที่ รมว.เกษตรฯ ได้เน้นย้ำ และจะเร่งหาแนวทางที่หลากหลายมิติ เพื่อนำพาพี่น้องเกษตรกรให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน“ นายอนุชา กล่าว.-317-สำนักข่าวไทย