นายกฯ พร้อมขับเคลื่อนให้ประเทศเป็นศูนย์กลางทุกมิติ

ทำเนียบรัฐบาล 22 ก.พ.-นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์ จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยว รักษาพยาบาล การบิน การเงินของเอเชีย เล็งยกระดับรายได้เกษตรกรใน 4 ปี ชี้ ดิจิทัล วอลเล็ตช่วยเหลือประชาชนแบบพุ่งเป้า


 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND : จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง” ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ว่า ความขัดแย้ง ปัญหาการเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บดบังศักยภาพ แสงสว่างของประเทศไทย ตั้งแต่ 6 เดือน รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ความสงบ ความสมัครสมานสามัคคี ความร่วมมือร่วมใจกันของทุกคน เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการที่จะให้ชาวโลกรู้ว่าแสงสว่างของประเทศไทยเกิดขึ้นแล้ว ทำให้ไทยก้าวเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยว เพราะนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยมากเป็นอันดับ 8 ของโลก นำรายได้เข้าสู่ประเทศ 2.3 ล้านล้านบาท และจะโตขึ้นอีกในช่วง 4 ปีข้างหน้าอย่างมโหฬาร

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มาตรการการท่องเที่ยวทุกจังหวัด ไม่ว่าจะเมืองหลัก เมืองรองต้องเป็นเมืองท่องเที่ยว ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสร้างจุดแข็งซอฟต์พาวเวอร์ ชวนเชิญนักท่องเที่ยวเข้าประเทศด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดทั้งปี เช่น มวยไทย งานศิลปะ คอนเสิร์ต  ยกระดับการเดินทางในภูมิภาคในกลุ่ม CLMV ด้วยการเปิดวีซ่าเพิ่ม ขณะเดียวกันแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว ทั้งขยายเวลาบริการสถานบริการ การอนุญาตขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น เพื่อให้ประเทศไทยเป็นโฮมสเตย์ของคนทั่วโลก มีร้านอาหารที่พักของดีของเด่นประจำเมือง และจะมีลูกค้าเข้ามาเที่ยวมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง นำเงินมาส่งถึงมือทุกคน ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว


“จะจุดพลังประเทศไทยเป็นที่1 ศูนย์กลางการรักษาพยาบาล การดูแลสุขภาพ หรือ Medical Hub ซึ่งเป็นจุดของประเทศไทย ดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยในปี 2566 การท่องเที่ยวเพื่อการแพทย์และสุขภาพ สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยกว่า 4 หมื่นล้านบาท จึงมีเหตุผลที่ทำให้ประเทศไทยเป็นเลิศทางการแพทย์สำหรับคนทั่วโลก สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศได้ หากทุกคนช่วยกันโปรโมทการท่องเที่ยวทางการแพทย์ ประสานโรงพยาบาลไทยรับประกันของต่างชาติได้ นอกจากการแพทย์แล้ว ประเทศไทยยังมีชื่อเสียงด้านการดูแลสุขภาพ ดังนั้น จะผลักดันสปาไทย การแพทย์แผนไทย นวดไทย สมุนไพรไทยให้เป็นสินค้าส่งออกไปทั่วโลก ขณะเดียวกันรัฐบาลให้ความสำคัญกับการ พัฒนาระบบรักษาพยาบาลที่ดี ยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ อีกทั้งรัฐบาลจะพัฒนาระบบการใช้ AI เชื่อมฐานข้อมูล เพิ่มบุคลากรทางการแพทย์ ดูแลความเป็นอยู่ของแพทย์ พยาบาล ซึ่งมาตรการทั้งหมดจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลนี้จะยกระดับเกษตรกรรมในประเทศไทย วางแผนการปลูก เพื่อให้ได้สินค้าเกษตรมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยนำความแม่นยำทางการเกษตรมาใช้ เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของตลาดโลก นอกจากนี้ จะยกระดับเป็นเมืองอาหารเป็นครัวของโลก ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมฮาลาล และเพิ่มการท่องเที่ยวในร้านอาหารที่ได้รับดาวมิชลิน โดยจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอาหารของภูมิภาค จะเป็นหนึ่งในปัจจัยปัจจัย4 เป็นครัวของโลก และเกษตรกรไทยจะมีรายได้ขึ้น 3 เท่าใน4 ปีของรัฐบาลนี้

นายกรัฐมนตรี ชี้ถึงจุดแข็งทางภูมิศาสตร์ของประเทศ ว่าประเทศไทยจะเป็นที่ 1 ศูนย์กลางการบิน ศูนย์กลางการคมนาคมขนส่ง การขนส่งสินค้าไปยังทั่วโลก จึงต้องลงทุนขยายศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็นการขยายรันเวย์ การขยายอาคารผู้โดยสารให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง แต่จะเป็นฮับ(HUB) การบินอย่างเดียวไม่เพียงพอ จำเป็นต้องยกระดับระบบคมนาคม ทั้งถนนสายหลัก สายรอง ขยายทางหลวงมอเตอร์เวย์ พัฒนาระบบรถไฟรางคู่ รถไฟกรุงเทพและภูมิภาค จะมีระยะทางเพิ่มขึ้น 2.5 เท่า ครอบคลุมเส้นทางเกือบ 700 กิโลเมตร เดินหน้ารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และเชื่อมไปยังชายแดนหนองคาย เพื่อขนส่งทั้งคนและสินค้า และยังต้องเชื่อมต่อไปยังท่าเรือน้ำลึกที่แหลมฉบังที่กำลังขยายตัว ที่สำคัญ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะโครงการแลนด์บริดจ์เป็นโครงการสำคัญเชื่อมอ่าวไทย-อันดามัน จะช่วยลดระยะเวลาการขนส่งสินค้า และความแออัดที่ช่องแคบมะละกา แต่ยังต้องพูดคุยเป็นวงกว้าง พร้อมรับฟังความคิดเห็น ดังนั้น การพัฒนาด้านระบบคมนาคมขนส่งจึงเป็นขุมทรัพย์นำเงินเข้ากระเป๋าของคนไทยทุกคน


“รัฐบาลยังต้องการผลักดัน ให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางยานยนต์แห่งอนาคต ในวันที่อุตสาหกรรมกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่รถ EV ซึ่งถือว่าประเทศไทย ตอบรับเรื่องการใช้รถ EV เป็นอย่างดี รัฐบาลจึงมีเป้าหมายลงทุนแผนการลงทุน 1 ล้านล้านบาทในระยะเวลา 4 ปี ทั้งนี้ ไทยเป็นศูนย์กลางทางเทคโนโลยี เศรษฐกิจดิจิทัล รัฐบาลต้องการจะพัฒนาอุตสาหกรรมไฮเทค ทั้งพัฒนาคนและดึงดูดนักลงทุน ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาในประเทศไทย เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยี เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล รองรับคนไทยที่จะเป็นเศรษฐีเทคโนโลยี

“ที่สำคัญยังจะสร้างประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางการเงิน โดยจะดึงดูดสถาบันการเงิน กองทุน ธนาคารระดับโลก ให้มาตั้งสำนักงานในประเทศไทย เพราะประเทศไทยเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดและจะมี Wall Street ของอาเซียน ดังนั้น จะต้องเตรียมความพร้อมทางด้านกฎหมาย ขณะเดียวกัน ต้องให้ความสำคัญ เรื่องคาร์บอนเครดิต ซึ่งถือเป็นเทรนด์ของสิ่งแวดล้อม มลพิษ และปัญหาโลกร้อน ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ และในวันนี้ภูมิภาคนี้ ยังไม่มีผู้นำผู้นำตลาดด้านการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ดังนั้น จำเป็นที่จะต้องดึงดูดสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม ในการสร้างตลาดสินทรัพย์รูปแบบใหม่ จะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาคได้อย่างแน่นอน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะยกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางต่าง ๆ ซึ่งจะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกคน โดยมีเป้าหมายสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจ พร้อมกับการพัฒนาทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาด้านการศึกษา การปรับปรุงการทำงานภาครัฐ พร้อมย้ำว่า นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต จะต้องเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลของรัฐ ที่ทำให้ รัฐสามารถช่วยเหลือประชาชนแบบพุ่งเป้าได้ในอนาคต รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญ ชีวิตความเป็นอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี ให้มีการเลือกเพศสภาพ เลือกประกอบอาชีพได้ เปลี่ยนการเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ ขณะเดียวกันวัฒนธรรมไทยจะต้องเปิดกว้างและต่อยอด บ้านเมืองจะต้องสะอาด ยาเสพติดจะต้องหมดไป พัฒนาเปิดการเรียนสองภาษา ทั้งหมดนี้ประเทศไทย จะยังคงมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ที่มีพลังงานในราคาที่เหมาะสม มีพลังงานสะอาด

“สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด นายกรัฐมนตรีจะทำคนเดียวไม่ได้ ทีมงานจะต้องมาขับเคลื่อน เพื่อให้มีความแข็งแกร่ง พร้อมจะเดินไปด้วยกัน ส่งต่ออนาคตที่ดีดีกว่าให้กับลูกหลานของพวกเราทุกคน” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-316.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี

ชลบุรี 26 มิ.ย. – คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท ห้างดังกลางเมืองชลบุรี ระหว่างหนีเจอตำรวจนอกเครื่องแบบ คนร้ายยิงปืนใส่ 1 นัด โดนหมวกกันน็อก ตำรวจหลบทันแย่งปืนได้ แต่คนร้ายวิ่งหลบหนี คนร้ายชายสวมเสื้อแขนยาวสีเทาดำสวมหมวกสีชมพูใส่แมสก์ปิดบังใบหน้ากางเกงขายาว ทำทีเข้ามาซื้อทองภายในร้านทอง ในห้างสรรสินค้าย่านบ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี ก่อนจะชักปืนออกมาจี้บังคับพนักงานให้หยิบ สร้อยคอทองคำรูปพรรณหนัก 10 บาท จำนวน 2 เส้น และหนัก 9 บาท จำนวน 2 เส้น ก่อนจะเอาทองใส่กระเป๋าแล้วรีบวิ่งหลบหนีออกจากห้าง ระหว่างหลบหนี มีตำรววิ่งไล่ติดตามคนร้าย และตำรวจนอกเครื่องแบบที่มาทำธุระเห็นเหตุการณ์ได้เข้าไปจับกุม แต่ถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่สุดท้ายสามารถแย่งปืนจากคนร้ายเอาไว้ได้ พนักงานร้านทอง เล่าว่าตอนเกิดเหตุเป็นช่วงกำลังจัดร้านเพราะเพิ่งเปิดมีผู้ก่อเหตุสวมหมวกสีชมพู ใส่แมสก์ปิดบังใบหน้าเข้ามาขอดูทองหนัก 10 บาท จึงบอกให้ถอดหมวกและแมสก์ แต่พูดยังไม่ทันขาดคำผู้ก่อเหตุได้ชักปืนออกมาพร้อมกับจี้บังคับให้เอาทองหนัก 10 บาท มาให้สองเส้นและสร้อยคอหนัก 9 บาทอีกสองเส้น รวมเป็น 4 เส้น น้ำหนักรวม […]

ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone สอยร่วง 4 ลำโดรนไม่ทราบฝ่าย

กองทัพเรือ 26 มิ.ย.-ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone ตอบโต้โดรนไม่ทราบฝ่ายที่บินเหนือฐานชายแดนจันทบุรีช่วงต้นสัปดาห์ สอยร่วง 4 ลำ พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ ระบุถึงกรณี จนท.เฝ้าตรวจการณ์นาวิกโยธิน ใช้ Anti-Drone ตัดสัญญาณโดรน ไม่ทราบฝ่ายตก 4 ลำ ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังจันทบุรีตราด ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า โดรนไม่ทราบฝ่าย บินเหนือฐาน ชายแดนจันทบุรี ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ Anti-Drone ยิงตกไป 4 ลำ ทั้งนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลายวันแล้ว และเป็นไปตามที่ได้ชี้แจง ถึงแนวทางปฏิบัติของกองทัพเรือไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยกองทัพเรือมีมาตรการควบคุมการใช้โดรนบริเวณแนวชายแดน และแจ้งเตือนหากมีโดรนเข้ามาในเขตหวงห้ามก็จะใช้มาตรการต่อต้านโดรน.-313.-สำนักข่าวไทย

สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย. – เลขาธิการ กพฐ. สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ พร้อมตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทันที เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ กรณีโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จัดอาหารมื้อเช้าให้นักเรียนเป็นข้าว พะโล้ไก่ กับไข่ต้ม 1 ใบนั้น สพฐ.ได้รับทราบเหตุและไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอนโดยทันที เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนและเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย พร้อมทั้งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่ยังสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เป็นการชั่วคราวจนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านการบริหารภายในสถานศึกษา โดย สพฐ. จะกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ได้กำชับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่งให้กำกับติดตามสถานศึกษาในสังกัดให้ดำเนินการโครงการต่างๆ ตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักเรียนและครูต่อไป.-417-สำนักข่าวไทย

เลื่อน! “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ลงทะเบียน 1 ก.ค.

25 มิ.ย. – เลื่อน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” 5 แสนสิทธิ์ ประชาชนเริ่มลงทะเบียน 1 ก.ค. เวลา 08.00 น. เดินทางได้ตั้งแต่ 4 ก.ค. – 31 ต.ค.68 เมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าครม. มีมติเห็นชอบโครงการและรายการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 110,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท หนึ่งในนั้นคือโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง วงเงิน 1,750 ล้านบาท โดยมีการแจ้งว่า จะเริ่มเปิดลงทะเบียนให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการ 5 แสนสิทธิ์ เที่ยงคืนที่ผ่านมา และสามารถเที่ยวได้ 1 ก.ค.เป็นต้นไป แต่ปรากฏว่า มีการแจ้งเลื่อนเมื่อคืนนี้เช่นกัน โดย ผู้ว่าการ ททท. แจ้งว่าจะเปิดลงทะเบียนวันที่ 1 กรกฎาคม เวลา 08.00 น. […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ถกเหตุ “ภูเก็ต-พังงา” ขอมั่นใจทุกหน่วยงานดูแลอย่างดี

ทำเนียบ 27 มิ.ย.- นายกฯ เรียก ผบ.ตร.-ผบช.ทท.-ปลัดท่องเที่ยว รายงานสถานการณ์ลอบวางระเบิด “ภูเก็ต-พังงา” ขอประชาชน-นักท่องเที่ยวมั่นใจทุกหน่วยงานดูแลอย่างดี ขณะที่ “ภูมิธรรม” เรียกหน่วยงานความมั่นคงถกช่วงบ่าย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีโพสต์ข้อความภายหลังเชิญ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (ผบช.ทท.) และน.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่าจากสถานการณ์ที่มีความพยายามวางระเบิดในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต-พังงา วันนี้ (27 มิ.ย.) ดิฉันได้เชิญท่าน ผบ.ตร. ท่านผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และท่านปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เพื่อติดตามสถานการณ์ดังกล่าว โดยได้รับรายงานจากทุกภาคส่วนว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ก่อความวุ่นวายในพื้นที่เพื่อให้เกิดความไม่สงบ ดิฉันได้ย้ำทุกภาคส่วนให้มีการสืบสวนติดตามสถานการณ์นี้มาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ดำเนินทุกมาตรการความปลอดภัย เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดแก่พี่น้องประชาชน อย่างไรก็ตามค่ะ รัฐบาลจะไม่ประมาท ทางสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ จะดำเนินการติดตามและยกระดับการทำงานต่อไปอย่างเข้มงวด โดยในช่วงบ่ายวันนี้ ทางท่านรองนายกฯ ภูมิธรรม จะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินสถานการณ์ เฝ้าระวัง และเร่งออกมาตรการที่เด็ดขาดต่อไป ในนามรัฐบาล ดิฉันขอให้พี่น้องประชาชนทุกคนมั่นใจว่าทุกหน่วยงานจะดูแลเรื่องนี้อย่างดีที่สุด และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ที่ทำหน้าที่นี้ด้วยความตั้งใจ เสียสละ […]

“ชัยเกษม” ลั่นหากจำเป็น พร้อมเป็นนายกฯ เพื่อชาติบ้านเมือง

27 มิ.ย. – “ชัยเกษม” ลั่นพร้อมทำเพื่อชาติ หากจำเป็นต้องทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ตอนนี้แข็งแรง ไม่มีปัญหา ท่ามกลางกระแสการเมืองร้อนแรง ปมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก ทำให้บุคคลที่ถูกจับตามองตอนนี้ คือ นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ ลำดับที่ 3 ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ อาจถูกมองว่ามีปัญหาด้านสุขภาพแต่ล่าสุด มีภาพนายชัยเกษม โชว์สวิงออกรอบตีกอล์ฟ แสดงให้เห็นถึงร่างกายที่แข็งแรง ล่าสุด เจ้าตัวได้เปิดเผยในรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ทางช่อง 9 MCOT HD ว่า “ตอนนี้แข็งแรง เรียบร้อยหมดทุกอย่าง เพราะก้อนเลือดที่ท้ายทอย สลายไปหมดแล้ว ชีวิตก็ปกติ ไม่มีปัญหา ตอนไปพบหมอครั้งล่าสุด หมอก็บอกว่าโชคดีมหาศาลที่หายแล้ว เมื่อวานไปตีกอล์ฟได้สบายเลย ตอนนี้สุขใจ สบายใจแล้ว” เมื่อถามว่า พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายชัยเกษม ตอบว่า “ไม่จำเป็นต้องให้เป็นหรอก ถ้าเลี่ยงได้ ก็ให้คนอื่นเขาทำเถอะ ผมทำมาเยอะแล้ว แต่ถ้าจำเป็นก็ได้เพราะไม่มีอะไร แต่อย่าให้จำเป็นเลย คนอื่นก็มีเยอะแยะ […]

แม่ทัพภาคที่ 2 ปัดให้ความเห็น “ฮุนเซน” ไลฟ์พาดพิง

ทำเนียบ 27 มิ.ย.-แม่ทัพภาคที่2 ปัดให้ความเห็น “ฮุนเซน” ไลฟ์พาดพิง บอกเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องจัดการเอง ยันขอทำหน้าที่ของตนเอง ไม่เคยหวั่นไหว ชี้สถานการณ์ชายแดน ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง​ ไม่ถึงขั้นใช้อาวุธ​ ขอรอกัมพูชาตัดสินใจร่วมวงเจรจา RBC เชื่อสถานการณ์ไทย-กัมพูชา จบก่อนเกษียณ พลโทบุญสิน​ พาด​กลาง​ แม่ทัพ​ภาค​ที่​ 2 กล่าวถึงกรณีสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ไลฟ์พาดพิงประเทศไทยได้รับรายงานเรื่องนี้แล้วหรือไม่ ว่า คงเป็นเรื่องของรัฐบาล แต่ตนก็ติดตามอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีและทีมงานที่ต้องไปแก้ไข ส่วนกองทัพก็ดูแลเรื่องของความมั่นคง พื้นที่ตามชายแดนเป็นหลัก​ เมื่อถามถึงสถานการณ์ชายแดนขณะนี้เป็นเช่นไร​ พลโทบุญสิน​ กล่าวว่า เราก็ตรึงกำลังอยู่ ส่วนทางกัมพูชาก็ยังไม่ได้มีการถอนกำลังออกจากพื้นที่ เพื่อรอความชัดเจนจากทั้งสองประเทศ แต่อย่างไรก็ต้องยึดตามนโยบายของผู้นำทั้ง 2 ประเทศเช่นกัน ว่าจะคุยกันอย่างไรต่อ ส่วนทหารก็ต้องทำหน้าที่ของทหารต่อไป คือการควบคุมกำกับดูแลตามแนวชายแดน ให้เป็นปกติดีที่สุด เมื่อถามว่าได้รับสัญญาณบวกจากทางกัมพูชาบ้างหรือไม่ พลโทบุญสิน​ ระบุว่า ก็ดีมีการพูดคุยกันตลอด มีสัญญาณบวกตั้งแต่การปรับกำลังที่ช่องบก​ อำเภอน้ำยืน​ จังหวัดอุบลราชธานี แต่รอการเจรจาระหว่างผู้นำ 2 ประเทศ ส่วนกรณีที่สมเด็จฮุนเซน มีการเปลี่ยนตำแหน่งเป็นเสนาธิการทหารสูงสุด […]

‘ฮุน เซน’ ไลฟ์สดกล่าวถึงปัญหาไทย-กัมพูชา

พนมเปญ 27 มิ.ย. – วันนี้นายฮุนเซน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแต่เช้า พูดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สรุปประเด็นได้ดังนี้ 7. ประเด็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อตอนที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่ประเทศไทย เห็นกับตาว่า เวลานายทักษิณจะถ่ายรูปด้วยกัน ต้องหยิบปลอกคอทางการแพทย์มาสวมก่อน พอถ่ายรูปเสร็จก็ถอดออก แล้วไปกินข้าวด้วยกันเป็นปกติ 8.นายฮุน เซนระบุว่า กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นกองทัพหรือผู้นำกองทัพ และนายฮุน เซน ถือว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง.-810.-สำนักข่าวไทย