รัฐสภา 21 ก.พ. – “พิทักษ์เดช” ขอประชาชน-สส. ร่วมผลักดันร่าง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์เพื่อความเท่าเทียมต่อผู้ต้องขัง ป้องกันทำซ้ำ ผิดหลักนิติรัฐ-นิติธรรม
นายพิทักษ์เดช เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงกรณียื่นร่างการแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กรมราชทัณฑ์ ว่าร่างแก้ไข พ.ร.บ. ที่จัดเตรียมร่างไว้เรียบร้อยแล้ว และเป็นหลักสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขอยืนยันว่าไม่ได้มีความขัดแย้งกับใคร แต่เมื่อกรมราชทัณฑ์ที่เป็นกระบวนการยุติธรรมใช้อำนาจในลักษณะทำให้เกิดข้อสงสัยกับสังคม ขัดต่อหลักบ้านเมืองและหลักนิติรัฐ-นิติธรรม จึงจำเป็นต้องยื่นแก้ไขกฎหมายราชทัณฑ์ เพื่อให้เกิดการถ่วงดุลอำนาจมากยิ่งขึ้น ร่างกฎหมายฉบับนี้ พรรคประชาธิปัตย์เคยยื่นในสภาฯ ชุดที่ 25 ที่ผ่านมา แต่เมื่อสภาฯ หมดวาระไป ทำให้กฎหมายฉบับดังกล่าวตกไปอย่างน่าเสียดาย และสภาฯ ชุดที่แล้วไม่ได้หยิบยกกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมาพิจารณาใหม่
นายพิทักษ์เดช กล่าวว่า สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ มีหลักการและเหตุผลอย่างชัดเจนเพื่อให้สอดคล้องกับกระบวนการทางอาญาสากล การใช้อำนาจหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ต้องละเอียดรอบคอบ มีความโปร่งใส ตรงไปตรงมา ทั้งเรื่องการลดโทษหรือการพักโทษผู้ต้องขัง นอกจากนี้การร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว ยังกำหนดให้มีคณะกรรมการอิสระ เพื่อพิจารณาประโยชน์ของผู้ต้องขัง ที่ประกอบด้วยผู้มีความรู้ ความความเชี่ยวชาญ ความน่าเชื่อถือ ตั้งแต่ผู้พิพากษาในศาลฎีกา ตุลาการในศาลปกครอง ผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะกรรมการสิทธิ์ เพื่อพิจารณาคัดเลือกมาองค์กรละ 1 คน ประธานกรรมการ อัยการและผู้เชี่ยวชาญ ที่เกี่ยวข้องด้านสิทธิมนุษยชน และด้านจิตวิทยาที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาที่ประโยชน์ของผู้ต้องขัง รวมถึงผู้แทนองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนรวมทั้งหมด 9 คน
“จะเป็นคณะกรรมการอิสระที่มาถ่วงดุลการทำหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ และใช้อำนาจหน้าที่ในการรวบรวมตรวจสอบและไต่สวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการจำคุกการลดโทษ รวมทั้งการลดวันต้องโทษจำคุก-การพักโทษ เมื่อคณะกรรมการอิสระได้พิจารณาเสร็จสิ้น ให้ยื่นคำร้องต่อศาลถึงที่สุด ว่าองค์กรที่พิจารณาคดีมาตั้งแต่ต้น เป็นผู้กำหนดโทษมาตั้งแต่เริ่มต้นได้พิจารณาการและลดโทษและการพักโทษ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการกระทำความผิดในคดีทุจริต คดีอาญา รวมทั้งคดียาเสพติด อื่นๆ ที่สำคัญ ในกรณีวันลดโทษหรือการพักโทษจะต้องกำหนดให้จำคุกมาก่อนที่จะลดโทษตามอัตราให้เหมาะสม การยื่นร่างฉบับนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ปลายทางของกระบวนการยุติธรรม คือ กรมราชทัณฑ์ การบังคับโทษให้มีความศักดิ์สิทธิ์ ขึ้นอยู่กับร่องกับรอยมากยิ่งขึ้น และอยู่บนหลักการของบ้านเมือง” นายพิทักษ์เดช กล่าว
นายพิทักษ์เดช กล่าวว่า ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ากรณีที่เป็นข่าวดังอยู่ขณะนี้ ถือเป็นบาดแผลของกระบวนการยุติธรรม หากต้นน้ำที่เป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรมมีความใสสะอาด มีความรอบคอบในการพิจารณา แต่หากปลายทางของกระบวนการยุติธรรมไร้ความสะอาด ไร้ความรอบคอบ และไร้ความบริสุทธิ์ น้ำที่ลงสู่อ่าวลงสู่ทะเลก็ถือว่าเป็นน้ำที่สกปรกเช่นเดียวกัน
“วันนี้ถือได้ว่าเป็นบาดแผลสำคัญของกระบวนการยุติธรรม ที่กระทบต่อหลักบ้านเมือง และจะเป็นที่พึ่งหวังของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมได้อย่างไร หลักนิติธรรมที่รัฐบาลเคยให้คำมั่นต่อประชาชน เป็นแค่เพียงลมปากเท่านั้น แต่กลับกันเป็นการทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม อย่างยับเยิน เชื่อว่ากรณีเช่นนี้เป็นการใช้บรรทัดฐานที่มีความแตกต่างกันและจะทำให้บุคคลที่หนีคดีอีกหลายคน ใช้กรณีเช่นนี้เป็นตัวอย่างเพื่อหลบเลี่ยง ในการกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม” นายพิทักษ์เดช กล่าว
นายพิทักษ์เดช กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดทั้งในสภาฯ และนอกสภาฯ แล้วตนยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงตัวของตนไม่ได้มีความขัดแย้งกับใครเป็นส่วนตัว แต่การขัดแย้งกับการละเมิดหลักการของบ้านเมืองกับการละเมิดความยุติธรรม ตนจึงขอร้องเรียนให้ประชาชนและเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกันผลักดันกฎหมายฉบับดังกล่าว ให้เกิดผลสำเร็จในเร็ววัน เพื่อให้เกิดความถ่วงดุลและความยุติธรรมให้กับประชาชนในพื้นที่ของประเทศไทยอย่างเท่าเทียมกัน.-317.-สำนักข่าวไทย