ยุทธศาสตร์ชาติต้องทันโลกที่เปลี่ยนแปลง

ทำเนียบรัฐบาล 27 ธ.ค.-นายกฯ ประชุมยุทธศาสตร์ชาติ สั่งสศช.ทบทวนปรับปรุงให้ทันกับบริบทการพัฒนาโลกอย่างสม่ำเสมอ-เห็นชอบ (ร่าง) โครงการเพื่อขับเคลื่อนการบรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จำนวน 309 โครงการ


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 2/2566 ร่วมกับนายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และผู้ที่เกี่ยวข้อง

นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในที่ประชุมเพื่อให้ยุทธศาสตร์ชาติเป็นเครื่องมือการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับบริบทการพัฒนาที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน อาทิ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ cloud computing พลังงานสะอาด ซึ่งจะส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายแรงงานคุณภาพ รวมทั้งภูมิรัฐศาสตร์ จึงขอให้คณะกรรมการร่วมกันคิดรูปแบบวิธีการดำเนินงานและการขับเคลื่อนประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติที่เหมาะสม โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ควรทบทวนปรับปรุงยุทธศาสตร์ชาติให้ทันกับบริบทการพัฒนาโลกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ยุทธศาสตร์ชาติเป็นกรอบแนวทางการพัฒนาประเทศที่มีความยืดหยุ่น ทันสมัย และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเพื่อให้ประชากรรุ่นใหม่ที่จะเป็นกำลังการพัฒนาประเทศที่สำคัญได้เป็นส่วนร่วมขับเคลื่อนประเทศต่อไป


“การวางยุทธศาสตร์ถือเป็นการวางกรอบโครงยุทธศาสตร์ที่ให้รัฐบาลและคนทั้งประเทศได้รับรู้และทำงานไปในทิศทางประเทศไทยในอนาคต ที่เราอยากให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน และเพื่อให้รู้ว่าจะไปสู่ภาพนั้นจะต้องทำอย่างไรบ้าง ผมคิดว่าการมียุทธศาสตร์ มีกลยุทธ์ในการทำงานเป็นเรื่องที่ดี แต่ผมไม่เชื่อกับการวางแผนแล้วล็อกตัวเองไว้ยาวนานเกินไป ไม่มีใครที่วางแผนไว้ยาวนานถึง 20 ปี เพราะแม้กระทั่ง 5 ปียังทำได้ยาก โลกนี้เปลี่ยนไปแล้วและจะเปลี่ยนเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จากเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งอาจจะเมื่อ 6 เดือนที่แล้วหรือ 10 เดือนที่แล้วเราไม่เคยได้ยิน Chat GPT เรื่อง Artificial Intelligence เรื่องของเทคโนโลยี หรือแม้กระทั่งพลังงานสะอาดรูปแบบใหม่ ๆ ที่จะมากำหนดทิศทางโลก เรื่องพลังงานสะอาดเป็นเรื่องที่เวลาเดินทางไปเจรจากับต่างประเทศจะเป็นเรื่องแรกที่หยิบยกมาพูดคุยกัน เป็นเรื่องที่โลกเราเปลี่ยนไปมาก โดยเรื่องเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นของ war of talent ที่ทุกบริษัท ทุกรัฐบาล ทุกประเทศทั่วโลกดึงดูดคนที่มีความสามารถไปทำงาน และเป็นเรื่องของภูมิรัฐศาสตร์ ประเทศไทยต้องคอยปรับยุทธศาสตร์ให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงเวลาด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยากให้แผนยุทธศาสตร์มีความคล่องตัว ทบทวนและมีความยืดหยุ่นไปตามสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลก โดยขอฝากให้ที่ประชุมช่วยกันพิจารณารูปแบบการดำเนินงานที่เหมาะสม จะทำอย่างไรให้ยุทธศาสตร์เกิดประโยชน์ได้จริง ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของโลกในวันนี้และไม่ปิดกั้นอนาคตของประเทศชาติ เพื่อให้การพัฒนาของลูกหลานพวกเราในอีก 20 ปีข้างหน้าไม่ถูกผูกมัดด้วยความคิดของคนรุ่นเรา ให้พวกเขาได้มีโอกาสปรับเข้ากับคนรุ่นใหม่ที่จะเติบโตขึ้น ให้มีโอกาสที่จะเลือกทิศทางในการวางยุทธศาสตร์และก้าวไปพร้อม ๆ กับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมว่า คณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบ 4 เรื่อง และมีมติรับทราบ 3 เรื่อง สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ 1. รับทราบผลการประเมินความคุ้มค่าการปฏิบัติภารกิจของสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง หรือ สำนักงาน ป.ย.ป. โดยให้สำนักงาน ป.ย.ป. ยังคงคงปฏิบัติหน้าที่ที่รัฐบาลมอบหมายต่อไปเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยให้สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงาน ก.พ. ร่วมกันพิจารณาทบทวนและปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของ สำนักงาน ป.ย.ป. ให้มีความสอดคล้องและเหมาะสมกับภารกิจที่ได้รับมอบหมาย รวมทั้งให้ประเมินความคุ้มค่าของสำนักงาน ป.ย.ป. ต่อไป


โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว 2. เห็นชอบ (ร่าง) โครงการเพื่อขับเคลื่อนการบรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จำนวน 309 โครงการ โดยมอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สำนักงานฯ) นำเสนอผลการพิจารณาเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป รวมทั้งเห็นชอบแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินการโครงการสำคัญตามที่สำนักงานฯ เสนอ โดยทุกหน่วยงานควรเร่งสร้างบุคลากรผู้ที่สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ในการจัดทำโครงการฯ (ครู ก.) เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดกระบวนการ หลักการ และขั้นตอนการทำโครงการสำคัญฯ ที่สามารถนำไปสู่การจัดทำโครงการแบบคานงัดที่สามารถตอบโจทย์การพัฒนาประเทศได้อย่างแท้จริง โดยให้ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการจัดทำโครงการภายใต้เป้าหมายแผนแม่บทย่อยที่ยังไม่มีโครงการสำคัญมารองรับ โดยให้ความสำคัญกับเป้าหมายฯ ที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล

“3. เห็นชอบการปรับเปลี่ยนหน่วยงานเจ้าภาพขับเคลื่อนแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติเพิ่มเติม เพื่อให้เหมาะสมระหว่างเนื้อหาของแผนแม่บทฯ กับภารกิจหน้าที่หน่วยงานมากขึ้น โดยมอบหมายสำนักงานฯ นำผลการพิจารณา เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป โดยประธานในที่ประชุมได้กำชับให้หน่วยงานเจ้าภาพทุกระดับต้องเร่งประสานและบูรณาการการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานร่วมขับเคลื่อน เพื่อจัดทำโครงการการ/การเนินงานให้สามารถบรรลุตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติได้แบบพุ่งเป้าต่อไป” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

นายชัย กล่าวว่า 4. เห็นชอบการจัดทำคำสั่งกลไกการดำเนินการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้การดำเนินการพัฒนาคนทุกช่วงวัยและการแก้ไขปัญหาความยากจนสามารถเป็นไปอย่างบูรณาการ มีประสิทธิภาพ ต่อเนื่อง เป็นประโยชน์สูงสุด และมีความยั่งยืนในการพัฒนา รวมทั้งมอบหมายทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเร่งจัดส่งข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงด้วยเลขบัตรประชาชน 13 หลักให้สำนักงานฯ เพื่อที่สำนักงานฯ จะได้นำไปประมวลผลหากลุ่มคนเป้าหมายประจำปี 2567 ต่อไป

“คณะกรรมการมีมติรับทราบ 3 เรื่อง ดังนี้ 1. รับทราบความก้าวหน้าการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติของ สศช. ในฐานะสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติร่วมกับทุกหน่วยงานของรัฐในห้วง 5 ปีแรก (พ.ศ. 2561 – 2565) ของยุทธศาสตร์ชาติ รวมทั้งแนวทางการดำเนินงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติในห้วงที่ 2 (พ.ศ. 2566 – 2570) ตามกรอบหลักการบริหารงานคุณภาพ (PDCA) ที่มีการมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่าง ๆ เพื่อให้การดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และสามารถนำไปสู่การพุ่งเป้าการดำเนินงานได้ โดยทุกหน่วยงานของรัฐต้องมุ่งเน้นการทำงานบนฐานข้อมูลเชิงประจักษ์ เพื่อสามารถยกระดับและปิดช่องว่างการพัฒนาต่าง ๆ ตามนโยบายรัฐบาลได้อย่างเป็นรูปธรรม” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

นายชัย กล่าวว่า 2. รับทราบแนวทางการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ โดยสำนักงานฯ ในฐานะสำนักงานเลขานุการ จะดำเนินการสรรหาผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และเสนอรายชื่อต่อนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อเห็นชอบการแต่งตั้งรายชื่อดังกล่าวต่อไป รวมทั้งแนวทางการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ โดยเป็นการแต่งตั้งขึ้นใหม่ 1 คณะ ประกอบด้วยผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์ที่ครอบคลุมยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 6 ด้าน จำนวน ไม่เกิน 15 คน และให้สำนักงานฯ ในฐานะสำนักงานเลขานุการ ดำเนินการสรรหารายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิที่มีคุณสมบัติ และเสนอคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติตามขั้นตอนต่อไป

“3. รับทราบผลการประเมินผลสัมฤทธิ์พระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2560 และพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. 2560 ซึ่งเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของของพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 ที่กำหนดให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบกฎหมายดำเนินการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายเมื่อครบ 5 ปี โดยให้พระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2560 ยังมีผลบังคับใช้ต่อไป และสำนักงานฯ ในฐานะผู้รับผิดชอบกฎหมายดำเนินการยกเลิก พ.ร.บ. แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. 2560 ภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด และให้หน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าวอย่างบูรณาการ” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยกระดับห้าม จยย.-รถเข็น จากกัมพูชาเข้าไทย

สระแก้ว 23 มิ.ย.-ตอบโต้ทันควัน! ไทยสั่งห้ามรถเข็น-จยย.เขมร เข้ามาเด็ดขาด บรรยากาศด่านคลองลึกตึงเครียด เจรจาระดับเจ้าหน้าที่ หลังกัมพูชางดนำเข้าน้ำมันไทย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนการเปิดด่านฝั่งกัมพูชา ในเวลา 09.00 น. ว่า มีตึงเครียดผิดปกติ โดยปกติจะมีแรงงานกัมพูชาจำนวนมากขี่รถจักรยานยนต์ รถพ่วงข้าง และรถชาลี มารอข้ามแดนเข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ แต่เช้าวันนี้ภาพดังกล่าวหายไปอย่างสิ้นเชิง หลังทางฝั่งไทย “ยกระดับตอบโต้” ต่อมาตรการของกัมพูชาที่ประกาศงดรับน้ำมันและก๊าซจากไทย กองกำลังบูรพา ได้กำหนดมาตรการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการป้องกันลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขั้นไป), รถจักรยานยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถจักรยานยนต์ ดัดแปลงทุกประเภท ของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี๋ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ โดยให้หน่วยที่รับผิดชอบ บังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. เวลา […]

ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระ-แม่ชี ขึ้นปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 23 มิ.ย.-มาแบบไหนอีก ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระสงฆ์ แม่ชีนับพัน ขึ้นปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ หลังจากมีคณะปั่นจักรยานไทยเข้าทำกิจกรรมที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อย่างคึกคัก และมีชาวไทยจากหลายพื้นที่แห่เที่ยวให้กำลังใจทหารแนวหน้า หลังมีข่าวทั้ง 2 ฝ่ายประกาศปิดด่านเพิ่ม ขณะที่ฝั่งกัมพูชา ก็ตอบโต้ฝ่ายไทยอย่างไม่ลดละ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.68) ตลอดทั้งวัน มีชาวบ้าน พระสงฆ์ และแม่ชี นับพันคนขึ้นมาเที่ยวบนตัวปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยต้องคุมเข้มอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ทำผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เตรียมลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพล และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.-715.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ วางขายโจ๋งครึ่ม

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ ล่อใจเยาวชน ทำคล้ายยาดม ลูกอม วางขายโจ๋งครึ่ม ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เตือนผู้ปกครองเข้าถึงเยาวชนง่าย อันรายถึงชีวิต นายอนกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการ ในการจับกุมยาเสพติดและสารเสพติดในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจไซเบอร์และส่วนราชการอื่นๆ ให้ดำเนินการจับกุมและปราบปรามให้เข้มข้นขึ้น โดยสถานการณ์และสถิติการใช้ยาเสพติดในไทย ปี 2568 แม้ภาครัฐจะดำเนินมาตรการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและจำหน่าย รวมถึงบำบัดผู้ติดยาเสพอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยยังคงเป็นภัยเงียบที่สร้างปัญหาและทำลายเศรษฐกิจและประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ นายอนุกูล กล่าวว่า จากข้อมูลผลการติดตาม เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อันตรายต่อสุขภาพของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้พบสารเสพติดพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์แปลงร่าง ปรับรูปแบบหน้าตาผลิตภัณฑ์ให้สวยงามน่ารักมากขึ้น โดยผลิตเลียนแบบลูกอม ปรุงรสชาติผลไม้ และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงามสดใส มีดีไซน์คล้ายกล่องขนม ดูยากขึ้น จนแยกไม่ออกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสพติด หรือกล่องขนม ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในไทย โดยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยในแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์อันตรายที่พบมีดังนี้1.บุหรี่ไฟฟ้าพันธุ์ใหม่ GEN 6ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ดูเหมือนยาดมแท่งจนแยกไม่ออก มีการโฆษณาว่าคล้ายยาดม แต่มีส่วนผสมเป็นนิโคติน 3-5% โดยรู้จักในชื่อ พอดจมูก พอดยาดม สูบได้ทั้งทางจมูกและทางปาก […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ชะตากรรมชาวตลาดโรงเกลือ หลังปิดด่านคลองลึก

สระแก้ว 25 มิ.ย. – เสียงสะท้อนจากพ่อค้าแม่ค้าในตลาดโรงเกลือ หลังปิดด่านพรมแดนคลองลึก จากที่ต้องดิ้นรนค้าขายในยุคเศรษฐกิจย่ำแย่อยู่แล้ว ยิ่งย่ำแย่ลงกว่าเดิม.-สำนักข่าวไทย

EOD ทำลายระเบิดซุก จยย.จอดทิ้งหน้าอาคารสนามบินภูเก็ต

ภูเก็ต 25 มิ.ย. – ตำรวจชุด EOD ตรวจสอบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยซุกระเบิด จอดทิ้งหน้าอาคารผู้โดยสารสนามบินภูเก็ต ล่าสุดยิงทำลายวัตถุระเบิดได้แล้ว อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ ยืนยันมีลูกเดียว ไม่มีผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิต .-สำนักข่าวไทย

นายกฯ ย้ำแผนช่วยเหลือคนไทยออกจากอิสราเอล-อิหร่าน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย.- นายกฯ ย้ำแผนช่วยเหลือ-อำนวยความสะดวกคนไทยต้องการออกจากอิสราเอลและอิหร่าน เผยล่าสุดมี 73 คน ประสงค์จะเดินทางออกจากอิหร่าน และ 18 คนจากอิสราเอลต้องการกลับไทย ขอคนที่อยู่ต่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุรัฐบาลได้เตรียมการดูแลพี่น้องคนไทยทั้งในอิสราเอลและอิหร่าน ในกรณีที่ต้องการเดินทางกลับไทย เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง โดยกระทรวงการต่างประเทศได้วางแผนช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้คนไทยที่ต้องการออกจากอิสราเอลและอิหร่านโดยรวดเร็วและปลอดภัยค่ะ ในอิหร่าน มีคนไทยรวมประมาณ 300 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานและนักศึกษา ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ช่วยเหลือให้ไปพำนักชั่วคราวที่ศูนย์พักพิงที่เมือง Amol ในอิหร่านแล้ว 35 คน และอีก 4 คนไปที่ศูนย์พักพิงที่เมือง Van ในตุรกี นอกจากนั้น กระทรวงการต่างประเทศกำลังเร่งประสานงานให้คนไทย 73 คนที่ประสงค์จะเดินทางออกจากอิหร่าน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะหารือกับฝ่ายอิหร่าน เพื่อให้เร่งออก exit visa ให้ ในส่วนของอิสราเอล มีคนไทยอยู่ประมาณ 40,000 คน เกือบทั้งหมดเป็นแรงงาน สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ติดตามสอบถามความเป็นอยู่อย่างใกล้ชิด รวมทั้งไปเยี่ยมเยียนด้วย ซึ่งในชั้นนี้ […]

นายกฯ เปิดประชุมนานาชาติหน่วยยามฝั่งอาเซียน ไร้ตัวแทนกัมพูชาร่วม

พัทยา 25 มิ.ย.-ไร้เงาตัวแทนกัมพูชา นายกฯ เปิดการประชุมนานาชาติหน่วยยามฝั่งอาเซียน ชมสาธิตวิธีการช่วยอากาศยานประสบภัยในทะเล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี และกล่าวเปิดการประชุมนานาชาติหน่วยยามฝั่งอาเชียน (ASEAN Coast Guard Forum 2025: ACF 2025) และการฝึกค้นหา และช่วยเหลืออากาศยานประสบภัยในทะเล และการแพทย์ฉุกเฉินในทะเล ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ระหว่างวันที่ 24-27 มิถุนายน 2568 เพื่อส่งเสริมความปลอดภัย มั่นคง มั่งคั่ง ในอาเซียน ณ โรงแรมฮิลตัน พัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยมีพลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือให้การต้อนรับ โดยนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวต้อนรับผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศผู้สังเกตการณ์ และพันธมิตรสำคัญที่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้สู่เมืองพัทยา และแสดงความยินดีที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมในพิธีเปิดเวทีความร่วมมืออันสำคัญของภูมิภาค ซึ่งเป็นเวทีที่หน่วยรักษาความปลอดภัยชายฝั่ง หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทางทะเล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศสมาชิกอาเซียน ได้มาพบปะ แลกเปลี่ยนมุมมอง และเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อยกระดับความมั่นคงทางทะเลร่วมกัน นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงความสำคัญของความมั่นคง และความปลอดภัยทางทะเล ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อภูมิภาค เนื่องจากท้องทะเลไม่เพียงเป็นเส้นทางการค้าสำคัญ […]