จี้ราชทัณฑ์ส่งเหตุผลต่อเวลารักษา-รูปถ่ายกับผู้คุม

รัฐสภา 26 ธ.ค.-“สมชาย” เผยคำแถลงการณ์กสม.ถูกราชทัณฑ์บิดเบือนการจำแนกนักโทษ ชี้คุมขังนอกคุกต้องไม่ใช่บ้าน จี้เปิดหนังสือต่อเวลารักษา “ทักษิณ” พร้อมรูปถ่ายร่วมกับผู้คุมที่ต้องส่งรายงานทุก 2 ชั่วโมง


นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวในที่ประชุมวุฒิสภาถึงผลการประชุมของคณะกรรมาธิการฯ วานนี้ (25 ธ.ค.) ที่เชิญกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) และผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรมมาชี้แจงกรณีการออกระเบียบการคุมขังนอกเรือนจำ การพักโทษ และคำแถลงการณ์ของกสม.ที่ถูกกระทรวงยุติธรรมนำไปใช้อ้างอิง ซึ่งกสม.ยืนยันว่าไม่ตรงตามที่กระทรวงยุติธรรมแถลงข่าว

“แต่สอดคล้องกับความเห็นของกรรมาธิการฯ ที่เคยเสนอความเห็นไปยังรัฐบาล ถึงการลดปัญหาความแออัดของเรือนจำ ที่ควรแยกขังผู้ที่ยังไม่ได้ถูกศาลพิพากษา รวมถึงผู้ป่วย ผู้เปราะบางในวาระสุดท้าย เช่น ผู้ติดเชื้อ HIV ภูมิคุ้มกันบกพร่อง มะเร็งระยะสุดท้าย หรือสตรีตั้งครรภ์ และระยะเวลาการต้องโทษเหลือไม่มากที่ควรได้รับการลดโทษ พักโทษ หรือปล่อยตัวแบบมีเงื่อนไข หรือไปอยู่ในสถานที่คุมขังอื่น ดังนั้น คำแถลงการณ์ของ กสม.จึงไม่ตรงกับการสื่อสารของฝ่ายการเมืองที่จะใช้พักโทษสำหรับนักโทษบางคน” นายสมชาย กล่าว


นายสมชาย กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจมีผลกระทบต่อกฎหมายที่เกี่ยวข้องจำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ กฎกระทรวงปี 2563 ที่ออกมาบังคับใช้ก่อนหน้านี้ รวมถึงระเบียบราชทัณฑ์เรื่องการคุมขังนอกเรือนจำ ที่ประกาศเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2566 และขัดต่อประกาศกรมราชทัณฑ์ เรื่องหลักเกณฑ์การคัดเลือกนักโทษเข้ารับพักโทษ เนื่องจากจำเป็นร้ายแรง พิการ หรืออายุ 70 ปีขึ้นไป ซึ่งตามเนื้อหาในกฎกระทรวงระบุถึงการใช้สถานที่คุมขัง ให้เป็นไปตามที่กฎกระทรวงกำหนด สามารถป้องกันการหลบหนีของนักโทษได้ และได้รับโทษจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของโทษที่ระบุตามคำพิพากษา หรือไม่น้อยกว่า 10 ปี ในกรณีต้องโทษจำคุกเกิน 30 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งขัดต่อระเบียบกระทรวงที่ระบุถึงบ้านพัก ที่อยู่อาศัย เป็นสถานที่คุมขังได้

“ตามเจตนารมณ์คือเมื่อนักโทษที่เหลือโทษน้อย ผ่านคัดกรองผ่านแล้ว สามารถไปทำงานในโรงงานเขตนิคมอุตสาหกรรมและพักค้างแรมได้ แต่ไม่ใช่การกลับไปพักอาศัยที่บ้านที่สะดวกสบาย และไม่มีลักษณะคุมขัง รวมถึงยังออกระเบียบราชทัณฑ์มารับรองอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งจะเห็นได้ว่ากฎกระทรวงและระเบียบกรมราชทัณฑ์อาจเกิดปัญหา และหลักเกณฑ์การคัดเลือกนักโทษนั้น นักโทษเด็ดขาดที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป ให้อนุกรรมการพิจารณาวินิจฉัยพักโทษ โดยนักโทษจะต้องไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือช่วยเหลือตัวเองได้น้อย และมีโทษจำคุกเหลือไม่ถึง 10 ปี จึงเรียกร้องไปยังกระทรวงยุติธรรม พิจารณาเรื่องนี้ให้รอบคอบ” นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวว่า กรรมาธิการฯ ได้รับคำชี้แจงการกรมราชทัณฑ์เรื่องการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่โรงพยาบาลตำรวจที่เกิน 120 วันแล้ว ซึ่งผู้บัญชาการเรือนจำใช้หลักเกณฑ์เกณฑ์อนุมัติให้นายทักษิณพักรักษาตัวต่อ โดยยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์และส่งถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมแล้ว เพราะเมื่อครบ 30 วันผู้บัญชาการเรือนจำได้ส่งความเห็นไปยังอธิบดี เมื่อครบ 60 วันขออนุมัติอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และแจ้งปลัดกระทรวงยุติธรรมทราบ และเมื่อครบ 120 วัน ผู้บัญชาการเรือนจำได้ทำความเห็นผ่านไปยังรัฐมนตรีเพื่อทราบ พร้อมหลักฐานความเห็นคำวินิจฉัยของแพทย์


“กรมราชทัณฑ์ไม่มีอำนาจนำตัวผู้ต้องขัง ออกจากโรงพยาบาล เพราะแพทย์ได้ลงนามรับรองในใบการรักษาประกอบที่แนบไปพร้อมกับคำขอให้นักโทษพักรักษาตัวต่อเนื่อง จึงเรียกร้องไปยังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้ตรวจสอบอาการป่วยของนายทักษิณ เพราะโรคที่ทราบทั้งความดันโลหิตสูง โควิด-19 เส้นเลือดตีบ และติดเชื้อที่ปวด รวมถึงข้อกระดูกเสื่อม ถือเป็นโรคปกติที่ไม่จำเป็นต้องพักรักษาตัวเกิน 120 วัน คณะแพทย์ที่ประชุมร่วมกับกรรมาธิการฯ เมื่อวานนี้ (25 ธ.ค.) ให้ความเห็นว่า หากเป็นอาการเกิน 120 วัน อาจจะต้องป่วยร้ายแรง เป็นวาระสุดท้าย หรือร้ายแรงมากถึงขั้นติดเตียง” นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวว่า กรรมาธิการฯ ได้สอบถามผู้แทนกรมราชทัณฑ์ รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชทัณฑ์ทราบว่าไม่เคยไปพบนักโทษที่โรงพยาบาลตำรวจเลย ทั้งที่ตามระเบียบจะต้องใส่กุญแจมือ ตีตรวน ส่งเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าผลัดละ 2 คน และจะต้องตรวจเวชระเบียน ลงบันทึกผู้เยี่ยม รวมถึงถ่ายภาพคู่กับผู้ต้องขังเพื่อรายงานต่อผู้บังคับบัญชา แต่ที่ทราบมีเพียงผู้คุมนักโทษผลัดละ 2 คนเท่านั้น จึงเรียกร้องให้กรมราชทัณฑ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมไปตรวจที่โรงพยาบาลตำรวจว่าแพทย์ผู้รักษาโรงพยาบาลตำรวจ ให้การเท็จหรือไม่ และนายทักษิณ ป่วยด้วยโรคใดถึงต้องรักษาตัวต่อเนื่องเกิน 120 วัน เพื่อให้สังคมรับทราบ

“ขณะนี้ยังมีความเคลือแคลบสงสัย ซึ่งกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯ กรรมาธิการสาธารณะสุขและกสม.พร้อมให้ความช่วยเหลือ และร่วมติดตามตรวจสอบด้วย พร้อมเรียกร้องให้ผู้บัญชาการเรือนจำส่งเอกสารและใบรับรองแพทย์ที่ขออนุญาตอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เมื่อคราวขอต่ออายุการรักษานายทักษิณ 30 วัน, 60 วัน และ 120 วัน เพื่อให้กรรมาธิการฯ พิจารณาว่า เหตุใดแพทย์จึงลงความเห็นให้นายทักษิณต้องรักษาตัวต่อเนื่อง เพราะแพทย์โรงพยาบาลตำรวจยืนยันว่าไม่มีอำนาจอนุญาต ขอให้กรมราชทัณฑ์ส่งรูปถ่ายผู้คุมขังถ่ายคู่กับนักโทษทุก ๆ 2 ชั่วโมงมายังกรรมาธิการฯ ตั้งแต่วันแรก จนครบ 125 ในวันนี้ (26 ธ.ค.)” นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวว่า รู้สึกเห็นใจกรมราชทัณฑ์ที่หลายคนขอย้ายตัวออกจากหน่วยไปอยู่กรมหรือกระทรวงอื่น ขอให้ข้าราชการลุกขึ้นชี้แจงความจริงให้ผู้บริหารฝ่ายการเมืองได้เข้าใจ เหมือนปัญหาในกระทรวงพาณิชย์ที่ผ่านมาในอดีต จนสามารถดำเนินคดีจำนำข้าวได้ แต่หากข้าราชการ เผลอไปทำตามคำสั่งฝ่ายการเมือง เพื่อประโยชน์อื่นใด จะต้องคำนึงถึงอดีตข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ ที่ถูกจำคุกอยู่ จึงขอให้กระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ควบคุมนักโทษอย่างมีประสิทธิภาพ ให้การแก้ปัญหาบ้านเมืองเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมอย่างตรงไปตรงมา

“แต่หากยังขาดความสามารถ จึงขอให้ฝ่ายค้าน ได้ตัดงบกรมราชทัณฑ์ให้หมด เพราะถือว่าหน่วยงานนี้ขาดความจำเป็นแล้ว หากให้นักโทษไปคุมขังที่บ้านได้ รวมถึงการแก้ไขพระราชบัญญัติให้ใช้พระธรรมนูญศาลยุติธรรม เพื่อจัดตั้งศาลแผนกบังคับโทษ หลังระเบียบราชทัณฑ์ เหนืออำนาจตุลาการ สามารถลดโทษคำพิพากษาจำคุกของศาลได้” นายสมชาย กล่าว.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

รัฐมนตรีส่ง จนท.ทยอยขนของออกจากทำเนียบ

ทำเนียบ 6 ก.ย. – รัฐมนตรีในรัฐบาลชุดเดิม ส่งเจ้าหน้าที่ทยอยขนของออกจากทำเนียบรัฐบาล​ หลัง​สภาฯ โหวตเลือก “อนุทิน​” นั่งนายกรัฐมนตรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เริ่มมีการทยอยขนของออกจากทำเนียบรัฐบาล หลังสภาฯ มีมติโหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่ บรรดารัฐมนตรีและทีมงานของรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้ส่งทีมงานทยอยเก็บของ ก่อนเวลาประมาณ​ 10.00 น.​ พบรถบรรทุก​ 6 ล้อ​ คลุมผ้าใบทึบ ออกจากบริเวณหลังตึกไทยคู่ฟ้า​ รวมไปถึงมีเจ้าหน้าที่มาล้างทำความสะอาดและเปลี่ยนน้ำยาเครื่องปรับอากาศใหม่ ทั้งตึกไทยคู่ฟ้า และตึกบัญชาการ 1 และมีการขนภาพวาดติดฝาผนังออกจากห้องทำงานของนางสาวหทัย ทิวไผ่งาม​ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี​ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ แม้ว่าจะเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์​ มีการแจ้งเตรียมขนของของรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดเดิมออก ทั้งวันเสาร์และอาทิตย์.-314-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” สุดชิล ใส่เสื้อฮาวาย เข้าพรรคประชุมแกนนำ

ภูมิใจไทย 6 ก.ย. – “อนุทิน” ว่าที่นายกฯ สุดชิล ใส่เสื้อฮาวายลายใบไม้ เดินทางเข้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ประชุมแกนนำในวันหยุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ด้วยท่าทีผ่อนคลาย สีหน้ายิ้มแย้ม สวมเสื้อฮาวายลายใบไม้ เมื่อมาถึงผู้สื่อข่าวพยายามขอสัมภาษณ์ แต่นายอนุทิน ขอตัวขึ้นไปประชุมก่อน และระบุว่าขณะนี้ยังไม่มีข่าว ขณะที่พรรคภูมิใจไทย เตรียมความพร้อมในการจัดงานพิธีสำคัญ ภายหลังมีแกนนำพรรค และว่าที่รัฐมนตรีตามโผ ครม.อนุทิน 1 เช่น นายภราดร ปริศนานันทกุล นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ นอกจากนี้ยังมีผู้ที่ส่งช่อดอกไม้มาแสดงความยินดี รวมไปถึงต้นกล้วยไม้สีขาวก้านยาว ในกระถางพลาสติกสีเขียวอ่อนขนาดใหญ่ ประมาณ 1 คนโอบ ติดนามบัตรมีชื่อของนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด.-314-สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เตือน “อีสาน กลาง ใต้” รับมือฝนถล่ม

6 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ รับมือฝนถล่ม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี และตราด ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 8 – 9 ก.ย. โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” บอกฟอร์มทีม ครม.เรียบร้อยแล้ว-เร่งเดินหน้าแก้ปัญหา

พรรคภูมิใจไทย 5 ก.ย.-“อนุทิน” ขอบคุณเสียงโหวตนั่งนายกฯ คนที่ 32 เร่งเดินหน้าแก้ปัญหาทดแทนโอกาสที่เสียไป เผย วินาทีกราบพ่อ เป็นสิ่งแรกที่อยากทำ ฟอร์มทีม ครม.เรียบร้อยแล้ว บอกผมโอเค พรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องโอเค นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าที่ทำการพรรคภายหลังร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร พร้อมเปิดใจเป็นครั้งแรก หลังจากได้รับการโหวตเห็นชอบให้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยนายอนุทินได้กล่าวขอบคุณประชาชน ในโอกาสที่ได้รับเสียงสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะถือเป็นเสียงของประชาชนที่ได้ใช้สิทธิ์ ผ่านสส. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สส.พรรคประชาชน และพรรคการเมืองที่ได้ลงคะแนนให้กับตน หรือพรรคที่ไม่ได้ลงคะแนนให้กับตน โดยการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่มีนายชัยเกษม นิติสิริ ได้รับการเสนอชื่อโหวตชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อการโหวตผ่านพ้นไปแล้ว ก็อยากให้ทุกอย่างมันจบไปด้วยดี และอยากให้เราหันหน้าเข้าหากัน เพื่อทำงานให้กับประชาชน ให้กับประเทศ ในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้า ด้วยความรวดเร็ว เพื่อทดแทนโอกาสที่เสียไป ซึ่งตนเชื่อว่าหากเราหันหน้าทำงานด้วยกัน ก็จะทำให้ทะลุเป้าหมายต่างๆ ได้ ส่วนจะผลักดันนโยบายอะไรต่อขอยังไม่ลงรายละเอียด เมื่อถามถึงการเข้าพบนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ผู้เป็นบิดา หลังจากได้รับการโหวตเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี นายอนุทินเล่าว่า นายชวรัตน์ ไม่ค่อยสบาย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งตนก็คิดว่านายชวรัตน์ ก็อยากให้ไปหา จึงเร่งไปกราบเป็นอันดับแรก เมื่อถามว่านายชวรัตน์ให้พรอะไรบ้าง […]