ทำเนียบ 19 ธ.ค.- “สุทิน” เสนอ รัฐบาลของบกลาง 600 ล้านบาท รองรับทหารเข้าโครงการเออรี่รีไทร์ ช่วง 3 ปี พร้อมจับมือ ก.ศึกษาฯ-อว. พัฒนาศักยภาพ-ความรู้ทหารเกณฑ์ จูงใจชายไทย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนางสาวศุภมาศ อิสรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ เรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ให้กับทหารกองประจำการ ระหว่าง กระทรวงกลาโหม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน)
นายสุทิน กล่าวว่า พิธีการลงนามข้อตกลงวันนี้ เกิดขึ้น ความมุ่งหมายของกระทรวงกลาโหม ที่คิดว่าต่อไปนี้กำลังพลทุกระดับ จะต้องเพิ่มเติมเรื่องการศึกษา และให้โอกาสกำลังพลพัฒนาตัวเอง เพื่อเป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้กับประเทศชาติ จุดสำคัญที่สุดก็คือ ทหารกองประจำการ หรือทหารเกณฑ์ ที่เข้ามาเป็นทหาร 2 ปี กระทรวงกลาโหมจะเปลี่ยนกระบวนทัศน์ หรือแนวคิดของคนในสังคมเสียใหม่
“ซึ่งเดิมทีประชาชนคิดว่าเป็น 2 ปีของการสูญเสียโอกาส และหยุดชะงักของการพัฒนาของเยาวชน แต่ปัจจุบันจะเปลี่ยนเป็น 2 ปีของการเพิ่มศักยภาพ และโอกาสการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เช่น ทำให้เลิกยาเสพติด พร้อมเติมการศึกษาถึงระดับสูงสุด ผ่านระบบการเรียนออนไลน์ การฝึกวิชาชีพ จนได้ใบประกาศและใบรองรับคุณวุฒิ โดยมีสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ที่จะเข้าไปวัดมาตรฐานฝีมือ ซึ่งสัปดาห์หน้าจะมีการลงนาม MOU กับสถานศึกษาสถาบันเอกชน รวมถึงภาคธุรกิจ”นายสุทิน กล่าว
นายสุทิน กล่าวว่า สำหรับเรื่องรายได้ของทหารกองประจำการ จะได้รับ 11,000 บาทต่อเดือน โดยไม่หักค่าประกอบเลี้ยง ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ชายไทยเข้ามาเป็นทหาร และโอกาสที่จะได้เห็นทหารสมัครใจ 100% โดยไม่ต้องเกณฑ์ ซึ่งจะเป็นรูปธรรมใน 2 ปี แต่ในภาพรวมของกระทรวงกลาโหมตั้งเป้าเอาไว้ในปี 2570
นายสุทิน ยังระบุอีกว่า ตนได้รับรายงานจากคณะกรรมการเรื่องการปรับโครงสร้างกองทัพและลดกำลังพล ที่ได้ทำงานในระดับหนึ่ง ซึ่งได้ข้อสรุปว่า ต่อไปนี้กระทรวงกลาโหมเดินหน้าปรับโครงสร้างให้ทันสมัย ลดกำลังพล 2 ระยะ โดยระยะเร่งด่วน 3 ปีแรก งบประมาณ 2568-2570 จะมีการปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงกลาโหม ปิดหน่วย ควบรวมหน่วย ปิดอัตรา ซึ่งใน 3 ปี คาดว่าจะปิดได้ 1,713 อัตรา และสามารถนำไปใช้จ่ายในการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพในด้านอื่นๆ เพื่อให้กองทัพมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพ มีขนาดเล็กลงแต่คล่องแคล่ว
นอกจากนี้ จะนำระบบเออรี่รีไทร์ สำหรับทหารที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยจะมีการปรับยศให้สูงขึ้นและได้เงินเพิ่ม โดยงบประมาณที่จะนำไปรองรับส่วนนี้ จะของบกลางจากรัฐบาลปีละ 200 ล้าน 3 ปีรวม 600 ล้าน ซึ่งประหยัดกว่าที่จะรอให้คนเหล่านี้เกษียณตามอายุ ที่จะต้องใช้งบประมาณถึง 4,000 ล้านบาท.-316.-สำนักข่าวไทย