เจ ดับบลิว แมรีออท 20 พ.ย.-กระทรวงการต่างประเทศ จัดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2566 เน้นนำจุดแข็งของประเทศไทยมาเป็นตัวพิจารณาว่าประเทศไทยควรจะอยู่จุดไหน เพื่อให้การทูตตอบโจทย์ประเทศไทยมากที่สุด
นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าวันนี้(20 พ.ย.) กระทรวงการต่างประเทศจัดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2566 ซึ่งมีผู้เข้าร่วมการประชุม 97 คน จากสถานเอกอัครราชทูต 65 แห่ง สถานกงสุลใหญ่ 28 แห่ง คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติและอาเซียน 3 แห่ง รวมทั้งสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย 1 แห่ง โดยมีประเด็นสำคัญคือเรื่องการทูตในโลกแบ่งขั้ว สำหรับประเทศไทยที่เพิ่งมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ จึงต้องมีการเรียกทูตและกงสุลใหญ่เข้ามาร่วมรับทราบนโยบายของรัฐบาล นับเป็นโอกาสในการร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ระดมสมอง เพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญยังเป็นโอกาสให้ทูตและกงสุลใหญ่ได้ร่วมพบปะกับผู้ช่วยทูตฝ่ายพาณิชย์ ซึ่งมาจากกระทรวงพาณิชย์ จะทำให้เห็นได้ว่าทุกภาคส่วน เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่จะช่วยกันดูว่าที่ไหนเป็นประเทศเป้าหมาย เป็นสาขาสำคัญของไทยที่จะใช้ประโยชน์จากการลงทุนได้ในช่วงหลังสถานการณ์โควิด-19
นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวเน้นย้ำ ให้นำจุดแข็งของประเทศไทยมาเป็นตัวพิจารณาว่าประเทศไทยควรจะอยู่จุดไหน สถานะไหน และควรดำเนินนโยบายอะไร เพื่อให้การทูตตอบโจทย์ประเทศไทยมากที่สุด ซึ่งได้เน้นย้ำในหลักการ begin at home ที่ทักษะทางการทูตจะต้องสามารถรับรู้ได้ว่าอะไรคือโจทย์ที่เป็นความท้าทายสำหรับประเทศไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถจับต้องได้ และประชาชนได้ผลประโยชน์อย่างแท้จริงจากการต่างประเทศ
สำหรับในวันพรุ่งนี้ ( 21 พ.ย.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเข้าร่วมและมอบนโยบายให้กับเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ ซึ่งภายในสัปดาห์นี้ ทั้งเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่จะได้ร่วมพบปะหารือกันในหลายประเด็น กับนักวิชาการด้านต่างๆ ซึ่งมีหน่วยงานภาคเอกชนที่จะมาเข้าร่วม เพื่อหารือกับภาคเอกชนด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีคาดหวังให้กงสุลใหญ่ทำหน้าที่เซลล์แมน ซึ่งนำโดยตัวนายกรัฐมนตรีเอง โดยสามารถสังเกตได้ว่าหลังจากเข้ารับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีก็เดินทางพบปะหารือกับประเทศต่างๆ มาแล้วกว่า 10 ประเทศ.-สำนักข่าวไทย