รัฐสภา 14 พ.ย.-“คำนูณ” แนะรัฐบาลใช้งบฯ 67 แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ดีกว่าออก พ.ร.บ.กู้เงิน ชี้เสี่ยงขัด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ไม่ก้าวล่วงขณะนี้เป็นวิกฤติประเทศหรือไม่ ขอรอฟังความเห็นกฤษฎีกา
นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึง กรณีที่รัฐบาลจะออกพระราชบัญญัติกู้เงิน 500,000 ล้านบาท ดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า ยังไม่มีความชัดเจนในรายละเอียดทั้งหมด เท่าที่ติดตามตนเองไม่ได้มีประเด็นขัดแย้งด้านหลักการ เพียงแต่เมื่อรัฐบาลจะออก พ.ร.บ. กู้เงิน จึงมีความเป็นห่วงว่าจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะการกู้เงิน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 140 และ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มาตรา 53 ระบุชัดเจนว่า การออกกฎหมายพิเศษกู้เงินนั้น จากกระทำได้เฉพาะกรณีมีความจำเป็นเร่งด่วน ต้องใช้อย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้วิกฤติของประเทศ โดยไม่สามารถตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ทัน หากเข้า 4 เงื่อนไข จึงจะสามารถออกกฎหมายพิเศษกู้เงินได้
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ ยังอยู่ในกระบวนการ พิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณ 2567 ซึ่งจะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในเดือนธันวาคมนี้
“การบรรจุเงินที่จะใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตลงไปในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ2567 จะปลอดภัยกว่า และอยู่ในวิสัยที่สามารถทำได้ทัน ซึ่งการที่ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ 2567 ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา แล้วมาออกพ.ร.บ.กู้เงินอีก 5 แสนล้านบาท เห็นว่า จะเป็นการเสี่ยงต่อการขัดต่อ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มาตรา 53” นายคำนูณ กล่าว
นายคำนูณ กล่าวว่า ส่วนอีก 3 เงื่อนไข เรื่องความจำเป็นเร่งด่วน ถือเป็นปัญหาเช่นกัน หากมีความจำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วนเหมือนรัฐบาลที่ผ่านมา ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ก็เลือกออกพระราชกำหนด แต่การออก พ.ร.บ.ต้องใช้เวลา 2 สัปดาห์ กว่าจะผ่านกระบวนการต่างๆ ของสภาฯ ก็ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน นอกจากนี้ยัง มองว่า โครงการดังกล่าวไม่ใช่โครงการที่ต้องใช้เงินอย่างต่อเนื่อง แต่เป็นการใช้เงินครั้งเดียวในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วนจะเป็นการแก้ไขวิกฤติของประเทศหรือไม่นั้น นายคำนูณ กล่าวว่า ตนขอไม่ก้าวล่วง เพราะมีความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ ที่แตกต่างกันออกเป็นสองทาง และความเห็นของรัฐบาลที่มองว่า จีดีพีประเทศโตต่ำเกินไปอย่างต่อเนื่อง และต่ำกว่าประเทศอื่นเมื่อเปรียบเทียบแล้วถือเป็นวิกฤติของประเทศ ตนก็เคารพความเห็นของรัฐบาล เพราะรัฐบาลได้รับการเลือกตั้งมา และเป็นนโยบายที่หาเสียงไว้ จึงมองว่าประเด็นนี้สามารถถกเถียงกันได้
นายคำนูณ ยังกล่าวว่า เมื่อเมษายนที่ผ่านมา รัฐบาลเคยชี้แจงต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เรื่องที่มาของเงินสรุปโดยรวมว่า มาจากเงินงบประมาณ แต่ล่าสุด ระบุจะใช้เงินนอกงบประมาณด้วยการออกกฎหมายกู้เงิน
“หากเป็นไปตามกฎหมาย ส่วนตัวก็ไม่มีความขัดข้อง แต่เป็นห่วงว่าจะไม่ตรงตามข้อกฎหมาย เพราะมองว่าการที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่าจะขอความเห็นไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา จึงต้องรอว่า ครม. จะขอความเห็น ไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาอย่างไร และคณะกรรมการกฤษฎีกาจะตอบอย่างไร รวมถึง ครม. จะมีมติเสนอร่างพ.ร.บต่อรัฐสภาหรือไม่ จากนั้น ก็ต้องดูว่าร่าง พ.ร.บ. กู้เงิน มีลักษณะถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่” นายคำนูณ กล่าว
นายคำนูณ ยอมรับว่า รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 140 เป็นเรื่องใหม่ แตกต่างจากรัฐธรรมนูนฉบับก่อนที่เพิ่มการจ่ายเงินแผ่นดิน ตามกฎหมายวินัยการเงินการคลังของรัฐเข้ามาฉบับหนึ่ง ซึ่งกฎหมายวินัยการเงินการคลังของรัฐก็มีขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2561 ตามมาตรา 53 นี้ หากถามว่าออกกฎหมายกู้เงินได้หรือไม่ คำตอบคือได้ แต่เฉพาะกรณีเร่งด่วน ความต่อเนื่อง แก้วิกฤติ และตั้งงบไม่ทัน ซึ่งตนเห็นว่าข้อสุดท้ายนี้สำคัญที่สุด เพราะขณะนี้งบประมาณปี 2567 ยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ
นายคำนูณ กล่าวอีกว่า ในอดีต ก็เคยมีปัญหาการใช้เงินนอกงบประมาณ เช่น โครงการไทยเข้มแข็ง สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ปี 2552 จนถึงพรรคเพื่อไทยในปี 2554 และ 2556 จึงเป็นที่มาของรัฐธรรมนูญมาตรา 140 และกฎหมายวินัยการเงินการคลัง
ส่วนขณะนี้ประเทศไทยยังไม่ถึงขั้นวิกฤติจนต้องออก พ.ร.บ.กู้เงินใช่หรือไม่ นายคำนูณ ระบุว่า เรื่องนี้เถียงกันได้ นักเศรษฐศาสตร์บางส่วนมองว่าขนาดนี้ยังไม่ใช่วิกฤติของประเทศ แต่รัฐบาลมองว่าการที่จีดีพีโตต่ำเป็นวิกฤติ ดังนั้น ตนไม่อาจก้าวล่วงว่าใครถูกใครผิด แต่สิ่งที่เห็นว่าเป็นปัญหา คือ การเลือกแนวทางออก พ.ร.บ.กู้เงิน จะไม่เข้าตามมาตรา 53 ของพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ครบ 4 เงื่อนไข
ทั้งนี้ หากรัฐบาลดึงดันออก พ.ร.บ.กู้เงินต่อไปจะเป็นการขัดรัฐธรรมนูญและกฎหมายวินัยการเงินการคลังหรือไม่ นายคำนูณ บอกว่า ไม่ขอใช้คำว่าดึงดัน แต่มองว่า เป็นเจตนาดีต่อประเทศ และขอให้เครดิตนายกรัฐมนตรีที่เลือกวิธีนี้ แต่วิธีนี้จะไปได้หรือไม่ คงต้องรอความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกาซึ่งเป็นที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาล
นายคำนูณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการประชุมของคณะกรรมาธิการฯ วันนี้ ไม่ได้มีการหารือเรื่องนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตโดยตรง แต่เป็นการพิจารณารายงานศึกษานโยบายประชานิยมในภาพรวมในเชิงวิชาการ แต่ในเรื่อง นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต คณะกรรมาธิการฯได้เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงแล้ว
ทั้งนี้ นายคำนูณ ยังระบุถึงบทลงโทษหากมีการกระทำผิดตามกฎหมายวินัยการเงินการคลังด้วยว่า มาตรา 245 ของรัฐธรรมนูญ บัญญัติขั้นตอนไว้ว่า ให้ผู้ว่าสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ทำรายงาน เสนอต่อ คณะกรรมการสตง. หากคณะกรรมการเห็นด้วย ก็ให้จัดตั้งคณะกรรมการองค์กรอิสระสามหน่วยงาน ได้แก่ สตง. กกต. และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. หากมีความเห็นสองในสามว่าเข้าข่ายกระทำผิด ก็ให้ส่งรายงานเสนอไปยังครม. สภาผู้แทนราษฎร และ วุฒิสภา พร้อมเผยแพร่ต่อสาธารณะ ซึ่งไม่ได้บอกให้ยกเลิก แต่เป็นกลไกตามรัฐธรมมนูญ ที่จะทำให้กฎหมายวินัยการเงินการคลังมีความศักดิ์สิทธิ์และปฏิบัติได้ เรื่องนี้จึงเป็นภาพยนตร์เรื่องยาวที่ต้องติดตามกันต่อไป.-สำนักข่าวไทย