หวั่น ปชช.ออกมาทำประชามติ ไม่เกินกึ่งหนึ่ง

ทำเนียบ 8 พ.ย. – อนุฯ รับฟังความเห็นประชาชนการทำประชามติ รับฟัง 7 กลุ่ม นศ. “นิกร” หวั่น ประชาชนออกมาใช้สิทธิไม่เกินกึ่งหนึ่ง ชี้ อาจต้องแก้กฎหมายประชามติ ด้าน กกต. ประเมินใช้งบฯ 3,250 ล้านบาท


นายนิกร จำนง ประธานคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 เปิดเผยว่า วันนี้ได้เชิญตัวแทนนิสิตนักศึกษา เยาวชนคนรุ่นใหม่ 7 กลุ่ม รวมถึงกลุ่มที่ร่วมชุมนุมทางการเมือง เพื่อมารับฟังความเห็น โดยก่อนหน้านี้ได้ให้คำถามเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการทำประชามติ ซึ่งเป็นคำถามชุดเดียวกับที่จะให้สมาชิกรัฐสภา ในช่วงเปิดสมัยประชุม ก่อนสรุปเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร พุทธศักราช 2560 ช่วงปลายเดือนธันวาคมและจะนำไปสอบถามประชาชน

โดยในคำถามระบุว่า เห็นสมควรให้มีการจัดทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ,ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ทั้งฉบับ คงหมวด 1 หมวด 2 หรือเห็นว่าไม่สมควรแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยในกรณีนี้จะถามว่า สมควรจะแก้ไขรายมาตรา หรือไม่ต้องแก้เลย และถามถึงผลกระทบที่เกิดจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เช่น เรื่องการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน และการมีส่วนร่วมทางการเมือง กระบวนการตรวจสอบถ่วงดุลระหว่างนิติบัญญัติ ตุลาการและฝ่ายบริหาร มีปัญหาหรือไม่อย่างไร หรือวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปได้ยาก ต้นเหตุที่นำไปสู่การแก้ไข หรือให้ระบุความเห็นอื่น รวมถึงคำถามเกี่ยวกับการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. หรือองค์กรอื่นขึ้นมาแก้ไข


นายนิกร ยังระบุถึง คำถามประชามติจะถามก่อนดำเนินการ ว่าประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ ที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เพื่อสอบถามว่าจะอนุญาตให้ทำหรือไม่ ส่วนการทำครั้งที่ 2  กรณีแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 เพื่อเปิดช่องให้มี ส.ส.ร. และหลังการแก้ไขจะต้องถามประชาชนว่า เห็นด้วยหรือไม่กับรัฐธรรมนูญก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ โดยจะนำคำถามนี้ไปสอบถามสมาชิกรัฐสภาในสมัยเปิดประชุม

วันที่ 13-14 ธ.ค. และวุฒิสภา วันที่ 18-19 ธ.ค. หลังจากนั้นจะมีการนัดประชุมในวันที่ 22 ธ.ค. อีกครั้ง โดยให้นายภูมิธรรม​ เวชยชัย ในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อศึกษาแนวทางในการทำประชามติฯ เป็นผู้สรุปจบ

สำหรับการประชุมคณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางทำประชามติฯ  ที่ได้เชิญนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. มาหารือในวันนี้ นายนิกร กล่าวว่า งบประมาณในการจัดทำประชามติเบื้องต้น คาดว่าจะใช้งบประมาณ 3,250 ล้านบาท ส่วนการทำประชามติด้วยวิธีการอื่น เช่น การใช้แอปพลิเคชั่น คาดว่าต้องใช้งบประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งที่ประชุม ได้สอบถาม ว่าหากใช้วิธีการดังกล่าวจะเสถียรหรือถูกแฮกข้อมูลได้หรือไม่ ซึ่ง กกต. จะเสนอข้อมูลกลับมาอีกครั้ง


ส่วนการจัดทำประชามติ พร้อมกับการเลือกตั้งอื่นนั้น นายนิกร กล่าวว่า กกต.ระบุว่าจะต้องใช้กฎหมาย 3 ฉบับ และการทำครั้งแรกอาจไม่ทัน ต้องรอจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2567 เพราะต้องรอแก้ไขกฎหมายประชามติก่อน แต่ถ้าเป็นการทำประชามติครั้งที่ 2 น่าจะสามารถทำพร้อมกับการเลือกตั้งอื่นได้

“ยอมรับว่า มีข้อกังวลเกี่ยวกับกฎหมายประชามติ ที่กำหนดว่า หากจะทำประชามติ ต้องใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น คือ 1.ประชาชนต้องออกมาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่ง ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งจะเท่ากับ 25 ล้านเสียง มีโอกาสที่ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ไม่ครบ และ 2.เสียงเห็นชอบต้องเกินครึ่งหนึ่งของผู้ที่มาใช้สิทธิ์ ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะไม่มีหัวคะแนน ไม่มีคนเหนี่ยวนำออกมาใช้สิทธิ์” นายนิกร กล่าว

นายนิกร ยังเห็นว่าการ ทำประชามติครั้งแรก ประชาชนอาจตื่นตัวออกมา เพราะมองว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน แต่การทำประชามติครั้งที่ 2 ที่มีการแก้ไขมาตรา 256 ที่หากตรงกับการเลือกตั้งนายก อบจ. ซึ่งจะเกิดขึ้นในต้นปี 2568 อาจเป็นตัวเร่งประชาชนได้ แต่ก็เกรงว่าจะตกม้าตายตรงนี้ ตรงที่ประชาชนออกมาไม่ครบตามเงื่อนไข ดังนั้นจึงมีความกังวล

เมื่อถามว่า หากมีการแก้ไขกฎหมายประชามติจะทันกับกำหนดการทำประชามติหรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า ทันกันอยู่แล้ว โดยการแก้ไขกฎหมายประชามติ ให้ไม่ต้องให้ผู้มีสิทธิใช้เสียงออกมาเกินกิ่งหนึ่ง เหลือเพียงเสียงข้างมากในการผ่านประชามติ โดยคาดว่าการทำประชามติครั้งแรก น่าจะเกิดขึ้นในเดือนเมษายน ซึ่งวันเวลาในการทำประชามติ จะไม่น้อยกว่า 90 วันและไม่เกิน 120 วัน หรือประมาณ 3 เดือนครึ่ง เพราะต้องให้เวลา กกต. ไปดำเนินการทำความเข้าใจกับประชาชน นายนิกร กล่าวว่า ในวันที่ 15 พ.ย. คณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนฯ จะเชิญประชาชนอีก 17 กลุ่ม เพื่อมารับฟังควทมคิดเห็นอีกครั้ง อาทิกลุ่มความหลากหลายทางเพศ กลุ่มคนพิการ กลุ่มเกษตรกร กลุ่มสมัชชาคนจน เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกเอกราช

ศาลสั่งจำคุก 5 ปี 93 เดือน “เอกราช” สส.ภูมิใจไทย

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก 5 ปี 93 เดือน นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย พร้อมสั่งชดใช้เงินกว่า 405 ล้านบาท คดียักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น 1,275 ล้านบาท

ลูกนายกเบี้ยว

“อนุทิน” ลั่นต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว”

“อนุทิน” ลั่นไม่มีใครใหญ่กว่าผม ต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว” ฮึ่มเป็นลูกใครทำผิดกฎหมายก็โดน ถามใหญ่กว่าผมไหม ถ้าไม่ใช่ก็โดนหมด

สลด แม่คลอดลูกเสร็จ ไปเล่นสงกรานต์ต่อ ปล่อยเด็กตาย

สลด สาววัย 27 ปี คลอดลูกทิ้งไว้ข้างกระถางต้นไม้ แล้วไปเล่นน้ำสงกรานต์ต่อ นานกว่า 1 ชม. มีคนแจ้งกู้ภัย พยายามปั๊มหัวใจ แต่ช่วยเด็กไม่ทัน

ผู้ป่วยแจ้งกู้ภัยเข้ามาช่วย แต่บอกบ้านเลขที่ผิด สุดท้ายเสียชีวิต

สลด หญิงวัย 54 ปี หายใจไม่ออกโทรแจ้งกู้ภัยให้เข้ามาช่วยพาส่งโรงพยาบาล แต่ปรากฏว่าแจ้งบ้านเลขที่ผิด เจ้าหน้าที่หลงทาง สุดท้ายไปไม่ทัน เสียชีวิตอยู่ข้างแม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง พบทั้งบ้านมีกองขยะสูงเท่าหลังคา

ข่าวแนะนำ

ผบ.ตร.สั่งดำเนินคดีทุกข้อหาชายซิ่งเก๋งชนกระบะ ระบุน่ารังเกียจ-ไร้วุฒิภาวะ

ผบ.ตร.จวกพฤติกรรมชายซิ่ง BMW ชนกระบะ “น่ารังเกียจ-ไร้วุฒิภาวะ” สั่งดำเนินคดีทุกข้อหา แม้เป็นลูกหลานนักการเมืองดังไม่มีละเว้น

ค้านนำเข้าเนื้อวัวสหรัฐ

“สมาคมโคเนื้อ” นำมวลชนคัดค้าน “วัวอเมริกา”

สมาคมโคเนื้อแห่งประเทศไทย นำเกษตรกรผู้เลี้ยงโคจาก 60 กลุ่มทั่วประเทศ กว่า 100 คน ชุมนุมหน้ากระทรวงเกษตรฯ​ เพื่อยื่นหนังสือถึง​นายกฯ และ​รัฐมนตรี​ 3 กระทรวง​ คัดค้านนโยบายการเปิดนำเข้าเนื้อโคและเครื่องในโคจากสหรัฐ​ หวั่นราคาตกต่ำซ้ำรอย​และ​กระทบ​สุขภาพประชาชน

ลูกนายกเบี้ยว

“อนุทิน” ลั่นต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว”

“อนุทิน” ลั่นไม่มีใครใหญ่กว่าผม ต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว” ฮึ่มเป็นลูกใครทำผิดกฎหมายก็โดน ถามใหญ่กว่าผมไหม ถ้าไม่ใช่ก็โดนหมด