ทำเนียบ 8 พ.ย.- “วุฒิสาร” เผย อนุศึกษาแนวทางทำประชามติ เชิญเลขาฯ กกต. แจงขั้นตอน-ประเมินงบฯ เล็งทำประชามติพร้อมเลือกตั้ง อบจ. ต้นปี 68
นายวุฒิสาร ตันไชย ประธานคณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 กล่าวว่า ในวันนี้ (8 พ.ย.) ได้เชิญ นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เข้าชี้แจงหลักเกณฑ์และขั้นตอนในการทำประชามติ รวมถึงงบประมาณที่ต้องใช้ในการทำประชามติ ตามกรอบของกฎหมาย และเงื่อนเวลา ในการจัดทำประชามติ
ส่วนรูปแบบการลงคะแนนเสียงประชามติ นายวุฒิสาร กล่าวว่า อนุกรรมาธิการศึกษาประชามติ อยากหารือกับ กกต. ว่าจะสามารถใช้การลงคะแนนแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้หรือไม่ เพื่อให้การทำประชามติง่ายขึ้น เนื่องจากการทำประชามติครั้งนี้อาจจะแตกต่างจากการเลือกตั้งทั่วไป เพราะไม่มีส่วนได้เสียตรงไปตรงมาต่อบุคคล ดังนั้นหากจะทำให้ง่ายขึ้น จะสามารถทำได้อย่างไร รวมถึงประเด็นต้องทำประชามติกี่ครั้ง
สำหรับประเด็นการตั้งคำถามในประชามติ และวันทำประชามติ นายวุฒิสาร กล่าวว่า จะสอบถามถึงการตั้งคำถามประชามติ ซึ่งพบว่าการตั้งคำถามประชามติมีผลผูกพันกันกับคำถามหรือกับรัฐบาล หรือ เป็นประชามติแบบปรึกษาหารือ เพราะประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ต้องมีการสอบถาม ในเชิงหารือประชาชน ดังนั้นสิ่งเหล่านี้จะเป็นคำถาม รวมไปถึงกรอบเวลาในการจะมีการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดหรือ อบจ. ในต้นปี 2568 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งทั้งประเทศ สามารถพ่วงการจัดทำประชามติได้หรือไม่ ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาว่าจะทำได้หรือไม่ ในขณะเดียวกันจะมีการออกแบบและ กำหนดจำนวนครั้งในการทำประชามติภายใต้กรอบเวลาและข้อกฎหมายที่มีอยู่
นายวุฒิสาร กล่าวย้ำกรอบไทม์ไลน์ในการจัดทำประชามติ ว่า การทำงานของอนุกรรมการฯ เป็นไปตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย ประธานคณะกรรมการเพื่อศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้วางไว้ ชี้แจงคือ จะได้ข้อยุติภายในเดือนธันวาคมนี้ เกี่ยวกับการจัดทำประชามติให้กับคณะกรรมการชุดใหญ่ โดยคณะอนุกรรมการทั้ง 2 คณะจะทำงานคู่ขนานกัน และจะมีการสอบถามนักกฎหมาย และผู้เกี่ยวข้อง ที่จะช่วยให้คำตอบ อย่างไรก็ตามในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ จะมีการประชุม คณะกรรมการชุดใหญ่อีกครั้ง และวันที่15 พ.ย. นี้ จะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็น เกี่ยวกับเนื้อหาการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล.-สำนักข่าวไทย