ชลบุรี 4 พ.ย. – นายกฯ มอบ “สุริยะ” ตั้งคณะทำงานย่อยดูปัญหาอีอีซี บอกท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ต้องเสร็จกลางปีหน้า อีก 2 เดือน กลับมาตรวจความคืบหน้า ชี้ต้องเชื่อมั่นนักลงทุน ไปเจรจาเวทีเอเปคพูดเต็มปากทำได้จริง
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ณ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 2 (WHA ESIE2) อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ว่าการลงพื้นที่ในวันนี้เพื่อมารับฟังปัญหาที่เกิดขึ้นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดความล่าช้าของโครงการ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการน้ำ พลังงานสะอาด ระบบรางการเชื่อม 3 สนามบิน พร้อมกับยืนยันว่าโครงการเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี เป็นโครงการที่ดีมาก ถือเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดที่จะตอบสนองรัฐบาลว่ารัฐบาลไทยเปิดแล้วให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน การมาวันนี้เพื่อดูปัญหาและแก้ปัญหาไปแต่ละเรื่อง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำในพื้นที่ นักลงทุนถามว่ามีแหล่งน้ำเพียงพอต่อการทำอุตสาหกรรมหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ สทนช. กับกรมชลประทาน ต้องตอบปัญหานักลงทุนให้ได้ ที่ผ่านมาปัญหาข้อความขัดแย้งระหว่างบริษัทท่อส่งน้ำวงษ์สยาม และอีสวอเตอร์ วันนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่เลขาธิการอีอีซีได้มาพูดคุย ก่อนหน้านี้มีการเจรจาระหว่าง 2 บริษัทที่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ เพราะปัญหานี้ต่างชาติกังวลใจ และวันนี้เห็นแล้วว่าปัญหาน้ำในพื้นที่ได้รับการแก้ไขแล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะที่ความล่าช้าในการก่อสร้างรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รับปากจะไปเจรจากับภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนการสร้างท่าเรือแหลมฉบัง เฟสที่ 3 ในขณะนี้ถือว่าติดอันดับที่ 19 ของโลก เพราะมีปริมาณสินค้าเข้าออกจำนวนมาก แต่หากสร้างเสร็จจะเป็น 1 ใน 15 ของโลก ขณะที่ผู้ว่าการการท่าเรือแห่งประเทศไทยยอมรับว่าเกิดความล่าช้าในการก่อสร้าง ตนสั่งการว่าเรื่องนี้ยอมรับไม่ได้ เมื่อผู้รับเหมามีปัญหาก็ต้องเรียกมาคุย จะอ้างเรื่องถมทะเลล่าช้า หรืออ้างเรื่องโควิดไม่ได้
ขณะที่นักลงทุนสนใจเข้ามาใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในพื้นที่อีอีซีจำนวนมาก หากท่าเรือแหลมฉบัง เฟสที่ 3 สร้างไม่แล้วเสร็จ การขนถ่ายรถยนต์จะทำอย่างไร ดังนั้น กลางปีหน้าจะต้องแล้วเสร็จ โดยอีก 2 เดือนข้างหน้าตนจะลงมาติดตามความคืบหน้าอีกครั้งหนึ่ง
ขณะที่เรื่องพลังงานสะอาด นักลงทุนอยากจะมาลงทุนยังพื้นที่อีอีซี รูปแบบ PPP หรือสร้างไฟฟ้าหลังอ่างเก็บน้ำ 10,000 กิโลวัตต์ ซึ่งใช้สายส่งของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าปัญหาในพื้นที่อีอีซีนั้นมีมาก คณะที่ลงพื้นที่ร่วมกันในวันนี้จึงเห็นตรงกันว่าให้ตั้งคณะทำงานชุดย่อยขึ้นมา โดยมีนายสุริยะเป็นประธาน ติดตามการแห้ปัญหาอีอีซี โดยจะมีขนาด 9-10 คน สามารถแก้ไขปัญหาในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว
นายเศรษฐา กล่าวว่า การลงพื้นที่อีอีซีในวันนี้เป็นการบ่งบอกว่ารัฐบาลนี้ให้ความสำคัญและให้ความมั่นใจอย่างสูงสุดกับนักลงทุน ที่รัฐบาลเมื่อเดินทางไปต่างประเทศสามารถพูดได้เต็มปากว่าพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษนี้ทำงานได้จริง และสามารถเชิญนักลงทุนอย่างตรงไปตรงมา ถูกต้องและรวดเร็ว หากสามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ ประเทศไทยจะเป็นแหล่งลงทุนแหล่งใหญ่ที่สุดของโลก รวมถึงการสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถอีวี ซึ่งสอดคล้องกับการเดินทางไปร่วมประชุมเอเปคที่สหรัฐในสัปดาห์หน้า ถือเป็นนิมิตหมายดีที่คณะเดินทางลงพื้นที่มาที่นี่ เพราะจะได้เข้าใจปัญหา และนำไปพูดคุยนักลงทุนต่างชาติได้เต็มปาก และหวังว่าในระยะเวลาไม่กี่เดือนเราน่าจะได้เรื่องการลงทุนอีกหลายอย่างในประเทศ.-สำนักข่าวไทย