“ก้าวไกล” ฟัน 2 สส. ปมคุกคามทางเพศ  

รัฐสภา 1 พ.ย. – “ก้าวไกล” ฟัน สส.ปราจีนบุรี พ้นพรรค ขณะที่ “สส.ปูอัด” ยังรอด ตัดสิทธิ พร้อมให้รับผิด ขอโทษ และเยียวยาผู้เสียหาย เผยทั้ง 2 กรณี คุกคามทางเพศจริง


วันที่ 1 พ.ย.66 พรรคก้าวไกล ประชุมเครียดตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. ที่รัฐสภา โดยเป็นการประชุมของคณะกรรมการบริหารพรรคและ สส.ของพรรค เพื่อหาข้อยุติกรณีเรื่องร้องเรียนกล่าวหา สส.มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ ได้แก่ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี และนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. เขตจอมทอง-บางขุนเทียน-ท่าข้าม

ทันทีที่เริ่มการประชุม เจ้าหน้าที่พรรคก้าวไกลได้นำโต๊ะมากั้นให้ผู้สื่อข่าวออกจากบริเวณใกล้ห้องประชุม เพราะกลัวเสียงจากด้านในจะดังออกมาข้างนอก และมีการขอเก็บโทรศัพท์มือถือ รวมถึงอุปกรณ์สื่อสารอื่นๆ วางไว้นอกห้องด้วย ทำให้เมื่อเวลายิ่งดึกก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งพรรคก้าวไกลยืนยันว่า ภายในวันนี้จะมีคำตอบว่าจะมีบทลงโทษต่อ สส.ทั้ง 2 คนที่ถูกกล่าวหา จึงทำให้ต้องใช้เวลาพิจารณานานกว่า 6 ชั่วโมง


นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงมติการประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารพรรคและ สส.ของพรรคก้าวไกล ว่า คณะกรรมการบริหารพรรคเห็นว่า ทั้ง 2 กรณีมีความผิดจริง และมีมติให้ขับออกจากพรรคก้าวไกล ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ การที่จะขับสมาชิกพรรคให้พ้นจากพรรค จะต้องอาศัยเสียง 3 ใน 4 ของ สส. และกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ซึ่งในครั้งนี้มีกรรมการบริหารและ สส. มาประชุมร่วมกันทั้งหมด 128 คน ผลจากการพิจารณาในที่ประชุมร่วมกับ สส. เห็นตรงกันว่า ทั้ง 2 กรณีมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศจริง และขัดต่อวินัยของพรรคอย่างร้ายแรง โดยโทษสูงสุดสำหรับกรณีนี้ คือ ขับให้พ้นจากสมาชิกพรรค และโทษรองลงมา คือ ตัดสิทธิทั้งหมด รวมถึงคาดโทษตามแต่กรณี

โดยผลการลงมติของที่ประชุมร่วมระหว่างกรรมการบริหารพรรคและ สส.ของพรรค ให้นายวุฒิพงศ์ ออกจากพรรคก้าวไกล ด้วยมติ 120 เสียง ส่วนนายไชยามพวาน เสียงส่วนใหญ่เห็นควรให้ขับเอาสมาชิกพรรค 106 เสียง แต่เนื่องจากว่าเสียงไม่ถึง 3 ใน 4 คือ 116 เสียง ของจำนวนคณะกรรมการบริหารพรรคและ สส.ที่มีอยู่ ก็เท่ากับว่าไม่สามารถมีมติที่จะขับนายไชยามพวาน ออกจากพรรคได้ แต่ที่ประชุมเห็นว่าควรจะตัดสิทธิพึงมีทั้งหมด และให้คาดโทษไปตลอดสมัยประชุม หากมีพฤติกรรมใดๆ ที่เข้าข่ายคุกคามทางเพศอีก จะต้องให้พ้นจากสมาชิกพรรค

นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นว่า นายไชยามพวาน จะต้องออกมายอมรับผิดและขอโทษต่อสังคม และขอโทษต่อผู้เสียหายทั้งหมด รวมถึงจะต้องชดเชยเยียวยาตามที่ผู้เสียหายต้องการ หากนายไชยามพวาน ยืนยันว่า ตนเองไม่ได้กระทำผิด ไม่ยินดีที่จะขอโทษต่อผู้เสียหาย และไม่ยินดีที่จะชดใช้ความผิดของตนเอง ก็จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและ สส.พรรคก้าวไกล ร่วมกันอีกครั้ง เพื่อมีมติต่อไป


ส่วนที่อาจจะมีข้อสงสัยว่า อีกคนหนึ่งขับออกจากพรรค แต่อีกคนหนึ่งไม่ขับออกจากพรรคนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า เราประชุมกันนานมาก คณะกรรมการวินัยคณะกรรมการบริหารพรรคและ สส.ของพรรค เห็นตรงกันว่า สส.ทั้ง 2 คน มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศจริง และผิดวินัยร้ายแรง แต่เมื่อกระทำความผิด ก็มีบทลงโทษหลายระดับ ซึ่งในกรณีนี้จะเห็นว่า นายไชยามพวาน แม้จะเป็นสมาชิกพรรคอยู่ แต่เจ้าตัวจำเป็นจะต้องออกมายอมรับผิดและขอโทษ รวมถึงเยียวยาผู้เสียหาย และมีข้อถกเถียงกันมากในที่ประชุม ซึ่งต่างจากกรณีนายวุฒิพงศ์ ที่เห็นตรงกันเกือบทั้งหมดว่ามีการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่บทบาท ตั้งแต่เป็นว่าที่ผู้สมัคร สส. มาจนถึงการเป็น สส. และเป็นการใช้อำนาจโดยไม่ชอบในการคุกคามทางเพศ และพยายามที่จะใช้อำนาจของตนเองในการปกปิดความผิด จึงทำให้ สส.จำนวนหนึ่งเห็นว่า มาตรการในการลงโทษรุนแรงแตกต่างกัน ซึ่งในกรณีการขับออกจากพรรคของนายวุฒิพงศ์นั้น ไม่ใช่เป็นการตัดหางปล่อยวัด แต่ทำตามบทลงโทษของพรรคเท่าที่ทำได้

หลังจากนี้พรรคจะมีการตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษขึ้นมา ที่มี น.ส.เบญจา แสงจันทร์ รองหัวหน้าพรรค เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ที่จะปรับปรุงกระบวนการทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องนี้ขึ้นอีก รวมถึงมีมาตรการและกระบวนการที่มีประสิทธิภาพกว่านี้ เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นในพรรค ซึ่งรวมถึงการอบรมด้วย

ทั้งนี้ ยืนยันว่า พรรคย้ำคุณค่าและให้ความสำคัญกับการไม่อดทนต่อการคุกคามทางเพศ แต่ต้องยอมรับว่า ในหลักการคนจะรับรู้แต่ในทางปฏิบัติ ความเข้าใจในแต่ละคนไม่เท่ากัน ว่าอะไรคือการคุกคามทางเพศ อะไรไม่ใช่คุกคามทางเพศ สำหรับเรื่องนี้เป็นบทเรียนของพรรค ถ้าหากใช้บทบาทหน้าที่และอำนาจของตนเองไปมีพฤติการณ์ในการคุกคามทางเพศ แม้ว่าหลายคนอาจจะมองว่าไม่ได้เกิดการบังคับขืนใจ ไม่เกิดการปฏิเสธ และดูเหมือนจะเป็นการยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย แต่กรณีนี้จะชี้ให้เห็นว่า การยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่ายไม่ได้เป็นการยินยอมพร้อมใจอย่างแท้จริง แต่เกิดขึ้นภายใต้อำนาจที่ไม่เท่าเทียมกัน

หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมรับและให้ความร่วมมือ หากมีการยื่นร้องคณะกรรมการจริยธรรมของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก่อนหน้านี้คณะกรรมการบริหารพรรคและกรรมการวินัยก็มีมติตรงกันว่า ทั้งสองกรณีมีความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามข้อกล่าวหา และหากนายไชยามพวาน ไม่ยอมรับผิดและยืนยันว่าตนเองไม่ได้กระทำผิด ไม่ขอโทษ และไม่พร้อมที่จะเยียวยาผู้เสียหาย พรรคพร้อมที่จะนัดประชุมใหม่อีกครั้ง ก่อนจะชี้ว่าเรื่องนี้เป็นตัวอย่างให้เห็นว่า แม้จะรู้แล้ว แต่ก็ไม่ควรจะคุกคามหรือละเมิดทางเพศใคร แต่มีข้อเท็จจริงที่ผู้กล่าวหารู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้น เลยความยินยอมพร้อมใจ

หลังจากนี้คณะกรรมการวินัยของพรรคจะแจ้งบทลงโทษให้กับผู้ถูกร้องและผู้เสียหายได้รับทราบมติของกรรมการบริหารพรรคกับมติของที่ประชุม โดยทางพรรคไม่ได้มีการเจรจาหรือเรียกร้องให้ 2 สส.ที่กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ เพราะขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้ถูกร้อง

“บางครั้งการแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง เป็นเรื่องที่พึงทำ ซึ่งคนทำผิดหากแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง สังคมก็พร้อมที่จะให้โอกาส และการรับผิดชอบทางการเมืองไม่จำเป็นต้องรอให้ข้อเท็จจริงยุติ อย่าคิดว่าความรับผิดชอบทางการเมืองเป็นการยอมรับผิด และต้องรอให้กระบวนการยุติธรรมอย่างเป็นทางการสิ้นสุดก่อนเท่านั้น สนับสนุนหากผู้ที่ถูกกล่าวหาจะแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง เป็นนิมิตหมายที่ดี และเป็นมาตรฐานทางการเมืองที่ดี” นายชัยธวัช กล่าว

หัวหน้าพรรคก้าวไกล ชี้แจงข้อวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการใช้ระยะเวลาเนิ่นนานในกระบวนการตรวจสอบและได้ข้อสรุป โดยระบุว่า บางกรณีอาจล่าช้า แต่เป็นความจำเป็นที่กระบวนการสอบซับซ้อน และต้องฟังความอย่างรอบด้าน ต้องมีพยานและข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย ยกตัวอย่างกรณี สส.ปราจีนบุรี ว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ข้อมูลเพิ่มเติม เมื่อมีข้อเท็จจริงที่ยังไม่ได้ข้อยุติ พร้อมกับข้อมูลข้อเท็จจริงจากผู้เสียหาย ซึ่งถือเป็นประโยชน์ต่อกรรมการที่จะพิจารณา โดยเฉพาะมีผลต่อที่ประชุมที่จะลงมติในวันนี้ ดังนั้นจะรวบรัดกระบวนการมากเกินไปไม่ได้ ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ก่อนจะยืนยันว่า พรรคก้าวไกลจะมีการปรับปรุงกระบวนการทั้งของคณะกรรมการวินัยและมาตรการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ มีรายงานว่า บุคคลที่ใกล้ชิดกับผู้เสียหายได้มาร่วมสังเกตการณ์อยู่บริเวณหน้าห้องประชุมด้วย ซึ่งถ้าหากมติของพรรคไม่เป็นไปตามที่น่าพอใจ คาดว่าจะมีการเดินเรื่องต่อ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ไทยตอนบน ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง และฝนตกหนักมากบางพื้นที่

กทม. 28 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบน ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง และฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือและอีสาน ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้ […]

กองทัพภาคที่ 2 แจงภาพระเบิดอาคารร้างฝั่งกัมพูชา

กทม. 28 ก.ค.-กองทัพภาคที่ 2 แจงภาพระเบิดอาคารร้างฝั่งกัมพูชา พบฝ่ายกัมพูชาตั้งอาวุธยิงสนับสนุนวิถีโค้งโจมตีพื้นที่พลเรือนฝ่ายไทย ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงกรณีมีภาพการระเบิดที่อาคารร้างฝั่งกัมพูชา ตามที่ปรากฏข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์ เหตุการณ์การระเบิดบริเวณอาคารร้างฝั่งกัมพูชาซึ่งอยู่ใกล้แนวชายแดนไทย ฝ่ายไทยมีการตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้ตั้งอาวุธยิงสนับสนุนวิถีโค้งไว้บริเวณพื้นที่พลเรือน และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับภารกิจทางทหารในหลายพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมากัมพูชาใช้อาวุธดังกล่าวในการโจมตีพื้นที่พลเรือนของฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่อง นำมาซึ่งความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย อันถือเป็นการกระทำที่เข้าข่าย “ใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์” (Human Shield) ซึ่งเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรมสากล ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 จึงขอยืนยันว่า การใช้กำลังทางทหารของกองทัพไทยมุ่งเป้าเฉพาะไปยังเป้าหมายทางทหารที่ตรวจพบว่ามีการโจมตี หรือคุกคามต่อความมั่นคงของชาติไทย เท่านั้น ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ยังคงยึดมั่นในหลักสันติวิธี การเคารพในอธิปไตยของประเทศเพื่อนบ้าน และไม่ใช้ความรุนแรงกับพลเรือนทุกกรณี แต่ต้องดำเนินมาตรการป้องกันตนเองจากภัยคุกคามที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ และอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ.-สำนักข่าวไทย

เขมรยิงจรวดตกใส่ชาวบ้านกันทรลักษ์ เสียชีวิตอีก 1 ราย

ศรีสะเกษ 27 ก.ค. – ไม่เลือกเป้าหมาย! กัมพูชายิงจรวดตกใส่บ้านเรือนประชาชน ต.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชาวบ้านเสียชีวิตอีก 1 ราย บาดเจ็บ 1 คน ด้าน ผบ.ตร.ลงพื้นที่ศรีสะเกษ กำชับดูแลทรัพย์สินประชาชน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ทำหน้าที่แข็งขัน .-สำนักข่าวไทย

เหตุปะทะชายแดนสุรินทร์รุนแรง ขยายวงกว้าง ยอดอพยพเพิ่ม

สุรินทร์ 27 ก.ค. – สถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาด้าน จ.สุรินทร์ มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นและขยายวงกว้าง โดยเฉพาะด้านปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม ทำให้มีผู้อพยพตามศูนย์พักพิงชั่วคราวพุ่งทะลุกว่า 50,000 คน เวลาราว 04.30 น. วันนี้มีการเปิดฉากปะทะกันอย่างหนัก ทั้งปืนเล็ก และปืนใหญ่ บริเวณปราสาทตาควาย ต่อด้วยปราสาทตาเมือนธม ที่อยู่ไม่ไกลกัน พื้นที่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กระสุนจรวด BM 21 ตกใส่บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายทั้งหลัง ใกล้กัน ฟาร์มวัววากิว ยังมีวัวถูกสะเก็ดตาย 6 ตัว กระสุนยังตกกระจายตามทุ่งนารวม 9 ลูก ในพื้นที่ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท ส่วนตำบลตาเมียง และตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ก็มีกระสุนเข้าไปตกเป็นจำนวนมากเช่นกัน วิถีกระสุนที่มาตกไกลขึ้น ทำให้ศูนย์พักพิงชั่วคราวในตัวอำเภอปราสาทจังหวัดสุรินทร์ ต้องยุบเพิ่มเติมอีก 2 จุด ขณะที่ชาวอำเภอปราสาท ต่างแตกตื่นปิดบ้าน ปิดร้าน อพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย ทำให้บรรยากาศในตลาดสดที่ปกติมีพ่อค้าแม่ค้ามาขายของจำนวนมาก วันนี้ลดลงถึง 80% โดยนายอำเภอปราสาท ให้ข้อมูลว่า […]