รัฐสภา27 ต.ค.- สว.ห่วงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต มีแนวโน้มกระตุ้นเศรษฐกิจน้อย ไม่คุ้มค่า เมื่อแลกกับงบลงทุนของประเทศ ชี้ นโยบายประชานิยมเป็นการเมืองของนายทุน สร้างวัฒนธรรมผิดๆ ทำลายระบอบประชาธิปไตย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา จัดสัมมนาเรื่อง ปักหมุดประชานิยมอย่างไร ให้การเมืองไทยพัฒนา โดยมีนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 เป็นประธานกล่าวเปิดสัมมนาว่า ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ สิ่งสำคัญของการได้มาซึ่งคะแนนเสียง คือการหาเสียงโดยใช้นโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน และประเทศชาติ สร้างเสริมความเจริญมั่งคั่ง ยั่งยืน พร้อมกับทำให้ประเทศเกิดความมั่นคงไปด้วย ซึ่งกฎหมายในการหาเสียงทุกวันนี้เปิดกว้างทำให้เกิด การใช้นโยบายแบบประชานิยม ดังนั้น พรรคการเมืองต้องตระหนักถึงความคุ้มค่า และประโยชน์ต่อนโยบาย รวมทั้งมีความรับผิดชอบ เพราะนอกจากประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ต้องทำหน้าที่ในการตรวจสอบแล้ว ฝ่ายการเมืองจำเป็นต้องช่วยส่งเสริมเพื่อให้พลเมือง มีวัฒนธรรมที่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างสมบูรณ์ ดังนั้น สิ่งสำคัญคือ ต้องเริ่มต้นด้วยการปฏิรูปการเมือง สร้างสรรค์การเมืองใหม่ที่มีศีลธรรม
นายจเด็จ อินสว่าง รองประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ มองว่านโยบายประชานิยม ที่ก่อให้เกิดการลด แลก แจก แถม ไม่ได้ก่อให้เกิดเหตุและผลที่ดี โดยเฉพาะการแจกเงิน ไม่ใช่เรื่องของประชารัฐ แต่เป็นเรื่องของประชานิยมอย่างเดียว ทำให้สงสัยว่า การเมืองแบบนี้เป็นการเมืองของใคร ซึ่งไม่ใช่การเมืองของประชาชนอย่างแน่นอน แต่เป็นการเมืองของนายทุนที่เราเรียกว่าธุรกิจการเมือง
“เมื่อแจกเงินลดแลกแจกแถมมากๆ จะกลายเป็นวัฒนธรรมที่ผิดๆ และสิ่งเหล่านี้เป็นการทำร้ายและทำลายการพัฒนาการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้เห็นว่า ธุรกิจการเมืองมีมานานแล้ว และวันนี้ยิ่งมีมากขึ้น การเมืองไม่ใช่การเมืองของประชาชน อะไรก็ผิดฝั่งผิดฝาไปหมด เหมือนติดกระดุมผิดเม็ด เพราะพอทำเป็นธุรกิจการเมืองแล้ว ก็ต้องมีผลตอบแทน”นายจเด็จ กล่าว
นายจเด็จ กล่าวว่า การเมืองที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของประเทศ การแจก การให้ ไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และความหวังของเราที่อยากจะเห็นการเมืองเพื่อประชาชนก็ริบหรี่ ยิ่งเราปักหมุด ประชานิยมไว้ ในแง่ว่า ให้ยอมรับว่าประชานิยมเป็นเรื่องสำคัญ แม้กระทั่งพรรคการเมืองที่มีสส.เพียงคนเดียว ก็ยังมีประชานิยม ดังนั้นตนอยากจะเสนอ ให้ทุกฝ่ายโดยเฉพาะ วัยรุ่นที่จะมีสิทธิ์เลือกตั้ง มาช่วยกันคิดว่า ประชานิยมเรื่องของการลดแลกแจกแถมส่งผลเสียอย่างไร
“กฎหมายก็ดี เราผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งก็ดี วัยรุ่นทั้งหลายที่จะมีสิทธิ์เลือกตั้งในเร็วๆ นี้ก็ดี ต้องมาช่วยกันคิดว่าประชานิยมที่เป็นเรื่องของการลด แลก แจก แถม ก่อผลเสียอย่างไร และเห็นว่าประชานิยมที่เป็นลักษณะประชารัฐต่างหาก ที่ควรได้รับการพิจารณาอย่างชัดเจน ผมรู้ว่าคุณอยากหาเสียงกับผู้ใช้แรงงาน แต่อยู่ๆก็ประกาศว่าค่าแรงขั้นต่ำ ต้อง 600 800 บาทโดยที่ไม่ได้บอกเลยว่านายจ้างคิดอย่างไร อยู่ๆ ก็บอกว่าค่ารถไฟฟ้า 20 บาททุกสาย แล้วที่ผู้ดำเนินการขาดทุน เอาเงินมาจากไหน เอาเงินจากภาษีงบประมาณไปโปะให้แล้วมาหาเสียงหรือไม่ ย้ำประชานิยมมีมานานแล้วและจะมีต่อไป แต่ประชานิยมที่มีเหตุมีผลต่างหากที่เราต้องการ ไม่ใช่อะไรขอบเขตอะไรทิศทางเอาแต่สร้างกระแส เพราะจะทำลายทั้งชาติ สถาบันศาสนา พระมหากษัตริย์ และจะถึงขั้น ทำลายวัฒนธรรมประเพณีศาสนาและความเชื่อถือเก่าๆด้วยซ้ำ เพราะถ้าการเมืองถูกต้องก็จะไปได้โชติช่วงชัชวาล แต่ถ้าการเมืองบิดเบี้ยว การเมืองทุจริต ถ้าการเมืองเต็มไปด้วยการลดแลกแจกแถม ไม่มีการจะพัฒนาบ้านเมืองไปได้และเราก็จะอยู่ในวงจรเช่นนี้ไปเรื่อยๆ” นายจเด็จ กล่าว
ขณะที่การสัมมนา ผู้ร่วมสัมมนาเห็นไปในทิศทางเดียวกัน คือกังวลกับการขับเคลื่อน โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเลท 10,000 บาท เนื่องจาก ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องที่มาที่ไปของเงิน และแนวทางการแจกเงิน รวมทั้งการใช้งบประมาณ กว่า 560,000 ล้านบาท เทียบได้กับ การใช้งบลงทุนของ 1 ปีงบประมาณ ทำให้ต้องพักโครงการอื่นๆ จะมีความคุ้มค่าและความเสี่ยงหรือไม่หากการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ประสบความสำเร็จ อีกทั้งการกระตุ้นผ่านการบริโภคมีแนวโน้มการเติบโตน้อย และหากมีการกู้เงินจะเป็นภาระต้นทุนการประกอบอาชีพของประชาชนในอนาคตอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย