นายกฯ ปาฐกถาพิเศษ ย้ำไทยเปิดกว้างภาคธุรกิจ

กรุงเทพฯ 25 ต.ค.-นายกฯ ปาฐกถาพิเศษงาน AMCHAM’s Annual General Meeting ย้ำไทยเปิดกว้างสำหรับภาคธุรกิจ ชู 3 ประเด็น “ความยั่งยืน-เสริมสร้างพันธมิตร-ผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล” ขับเคลื่อนการค้าการลงทุนไทย-สหรัฐฯ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นกล่าวปาฐกถาพิเศษในงานประชุมสามัญประจำปีของคณะนักธุรกิจจากหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย (AMCHAM’s Annual General Meeting) ภายใต้หัวข้อ “Thailand’s Trajectory : The Future is Bright”


นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีอย่างยิ่งในโอกาสที่ได้เข้าร่วมการประชุมสามัญประจำปีของ AMCHAM ประจำปี 2566 โดยเน้นย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมนโยบายด้านเศรษฐกิจเป็นลำดับแรก รวมทั้งพร้อมส่งเสริมการมีส่วนร่วมเชิงรุกของไทยกับมิตรระหว่างประเทศ ทั้งนี้ รัฐบาลได้ดำเนินการในการผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจกับนานาประเทศไปแล้วบางส่วนในห้วงการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (UN General Assembly: UNGA) ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยสหรัฐฯ ถือเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของไทย และยังเป็นอันดับ 3 ในด้านการลงทุน ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีที่แล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเพิ่มตัวเลขเหล่านี้ให้มากขึ้นในปีต่อ ๆ ไป พร้อมเน้นย้ำว่า “ประเทศไทยเปิดกว้างสำหรับธุรกิจ และขณะนี้ถึงเวลาลงทุนในไทยแล้ว”

จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้ตอบคำถามกับผู้ร่วมประชุม ว่า ประเทศไทยมีโอกาสอะไรให้นักธุรกิจสหรัฐฯ ว่า รัฐบาลมีวิสัยทัศน์ที่เปิดกว้าง ยั่งยืน และครอบคลุม โดยยึด 3 ประเด็นสำคัญที่ทำให้ไทยร่วมมือกับธุรกิจของสหรัฐฯ ดังนี้


ประเด็นแรก ความยั่งยืน เป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินงานในทุกภาคส่วน ผ่านการริเริ่มโครงการเศรษฐกิจสีเขียวและการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานหมุนเวียน ซึ่งไทยมีความพยายามอย่างแน่วแน่ที่บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ให้ได้ภายในปี ค.ศ. 2050 ซึ่งไทยพร้อมรองรับการลงทุนและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ของสหรัฐฯ ในด้านพลังงานทดแทน เทคโนโลยีไฮโดรเจน ระบบกักเก็บพลังงาน รวมไปถึงเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (CCUS) พร้อมกล่าวเชิญชวนกลุ่มธุรกิจให้ร่วมเป็นหุ้นส่วนที่ทันสมัยของประเทศไทย ซึ่งจะสำคัญต่อการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน ตั้งแต่ภาคการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ การเกษตรขั้นสูง เทคโนโลยีชีวภาพ ไปจนถึงยานยนต์ไฟฟ้า (EVs) ขณะเดียวกันในด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน รัฐบาลยังมีแนวทางที่จะออกพันธบัตรเพื่อความยั่งยืน (SLBs) เพิ่มขึ้น และยินดีต้อนรับนักลงทุนในสหรัฐฯ ให้เป็นส่วนหนึ่งการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน (ESG) และต่อความมุ่งมั่นต่อสภาพภูมิอากาศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเด็นที่สอง การสร้างการทำงานร่วมกันกับพันธมิตร รัฐบาลจะดำเนินการทูตเชิงรุกและเชื่อมโยงพันธมิตร ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก และเพื่อปรับปรุงการเชื่อมต่อในระดับภูมิภาค รัฐบาลวางแผนที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย เช่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ออกแบบการศึกษาและแผนการดำเนินงานโครงการแลนด์บริดจ์ (LandBridge) สะพานเศรษฐกิจภาคใต้ที่เชื่อมระหว่างจังหวัดระนองฝั่งทะเลอันดามันกับจังหวัดชุมพรฝั่งอ่าวไทย ถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ภายใต้แนวคิด “หนึ่งท่าเรือ สองฝั่ง” (one port, two sides) ที่จะช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางผ่านช่องแคบมะละกา เพิ่มขีดความสามารถด้านโลจิสติกส์ของไทย โดยขอเชิญชวนนักลงทุนสหรัฐฯ เข้าร่วมโครงการนี้ด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า รัฐบาลยังมุ่งหวังที่จะเร่งการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศเศรษฐกิจสำคัญ ๆ เพื่อขยายตลาดส่งออกของไทย รวมทั้งเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของไทยภายใต้กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด – แปซิฟิก (IPEF) ซึ่งไทยจะทำงานอย่างใกล้ชิดและไม่เหน็ดเหนื่อยกับสหรัฐฯ และพันธมิตร IPEF อื่น ๆ เพื่อเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานให้แข็งแกร่ง เพิ่มโอกาสทางการค้าและการลงทุน สำหรับประเด็นที่สาม การเติบโตผ่านเศรษฐกิจดิจิทัล ประเทศไทยมีระบบนิเวศดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และได้รับแรงผลักดันจากจำนวนประชากรที่เข้าใจเทคโนโลยีมากขึ้น กลยุทธ์เศรษฐกิจดิจิทัลที่มุ่งเน้นอนาคตและมีที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะพัฒนาระบบนิเวศนี้ให้เข้มแข็งด้วยการใช้นโยบายและมาตรการเชิงนวัตกรรมหลายประการ รวมทั้งการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนที่กำลังจะมีขึ้นในช่วงสัปดาห์ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (AELW) ในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะช่วยพัฒนาวิสัยทัศน์ดังกล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยมีความก้าวหน้ามากในด้านธุรกิจและเทคโนโลยีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีชื่อเสียงในด้านภาคการผลิตที่มีความยืดหยุ่น มีโครงสร้างพื้นฐานและการเชื่อมต่อที่มีคุณภาพ e-commerce เศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังเติบโต และแรงงานที่มีทักษะ โดยหวังว่าจะได้ร่วมงานเพิ่มเติมกับสมาชิก AMCHAM และธุรกิจอื่น ๆ ในสหรัฐฯ เพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี องค์ความรู้ และทรัพยากรอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของระบบนิเวศดิจิทัล ทั้งในแง่ของการลงทุนและการพัฒนาทักษะบุคลากร

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในปีนี้ ไทยและสหรัฐฯ เฉลิมฉลองครบรอบ 190 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งขอให้ทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกันเพื่อผลประโยชน์และความเจริญรุ่งเรืองของประชาชนของเรา โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงวลี “Trade flies the flag” สะท้อนความสัมพันธ์ไทย – สหรัฐฯ ที่เน้นการค้าเป็นหลัก ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ซึ่งเป็นเวลาเกือบสองศตวรรษ นับตั้งแต่สนธิสัญญาไมตรีและพาณิชย์ ค.ศ. 1833 จวบจนปัจจุบัน ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศยังคงแข็งแกร่งและเจริญรุ่งเรือง โดย AMCHAM สามารถทำหน้าที่เป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเพื่อเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจให้มากขึ้น โดยทุกคนสามารถมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในฐานะ “ทูตการค้า” ช่วยเหลือผู้อื่นในด้านการค้า การลงทุน ตลอดจนเสนอแนะวิธีการสร้างความร่วมมือใหม่ ๆ

“ขณะนี้ถึงเวลาที่จะลงทุนในไทยแล้ว ซึ่งประเทศไทยเปิดกว้างและพร้อมเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ สามารถเป็นห่วงโซ่อุปทานที่หลากหลายและยืดหยุ่น เป็นประเทศไทยที่ยั่งยืน ผสานความร่วมมือเพื่อสร้างโอกาสอันยิ่งใหญ่ร่วมกัน พร้อมเชื่อมั่นว่า เราสามารถก้าวไปสู่อนาคตที่สดใสและแบ่งปันความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันได้ ในขณะที่ทั้งสองประเทศพัฒนาจนกลายเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น และเป็นพันธมิตรที่ครอบคลุมมากขึ้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย