หลัง 22 ต.ค.อพยพคนไทย พักรอที่ดูไบ ก่อนกลับประเทศ

กระทรวงการต่างประเทศ 18 ต.ค.-กต.แจงคนไทยในอิสราเอลที่ต้องการกลับประเทศ วอล์คอินได้ที่ศูนย์พักพิง เผย หลัง 22 ต.ค.เตรียมอพยพไปพักรอที่ดูไบก่อนกลับไทย การันตี 17 ตัวประกันปลอดภัย


นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงความคืบหน้าการอพยพคนไทยและแรงงานไทยในอิสราเอล จากเหตุความรุนแรงในตะวันออกกลางว่า ขณะนี้ รัฐบาลพยายามจัดเที่ยวบินเทลอาวีฟ-กรุงเทพฯ ทุกวัน เพื่อให้สามารถอพยพคนไทยได้วันละ 400 คน โดยตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคมนี้ เป็นต้นไป จะมีการลำเลียงคนไทยที่ต้องการกลับประเทศ ไปเปลี่ยนเครื่องที่นครดูไบ ซึ่งจะมีเครื่องบินขนาดใหญ่ ที่รัฐบาลจะจ้างเหมาลำเลียงระหว่างเทลอาวีฟมายังดูไบ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้น จะมีสายการบินพาณิชย์ที่ได้ประสานงานกันไว้ ทั้งเครื่องบินกองทัพอากาศ การบินไทย นกแอร์ แอร์เอเชีย และไลออนแอร์ เพื่อรับคนไทยจากดูไบ กลับมายังประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ ได้กำหนดตารางการบินไว้พร้อมแล้ว ว่าสายการบินใด จะทำการบินเมื่อใด ในเวลาใด และมีผู้โดยสายเท่าไร ซึ่งหากมีผู้โดยสารตกหล่น สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงอาบูดาบี สหรัฐอารับเอมิเรตส์ และสถานกงสุลใหญ่นครดูไบ ก็จะเปิดห้องพักไว้รับรอง เพื่ออำนวยความสะดวกคนไทย และทั้งสถานทูตฯ และสถานกงสุลใหญ่ จะอำนวยความสะดวกในการออกวีซ่าเพื่อเข้าประเทศให้ด้วย และยังได้ประสานกับทางการท้องถิ่น ท่าอากาศยาน และโรงแรมพร้อมแล้ว แต่ในระหว่างนี้ทุกวัน ก็จะยังคงมีเที่ยวบินตามปกติ ทั้งของกองทัพอากาศ การบินไทย อิสราเอลแอร์ไลน์ และสไปร์ทเจ็ท เพื่ออพยพคนไทยที่ต้องการกลับประเทศให้รวดเร็วที่สุด

“ตั้งแต่มีการอพยพนั้น สามารถนำคนไทยกลับประเทศได้แล้ว 926 คน จากทั้งหมด 7 เที่ยวบิน โดยยังไม่รวมจำนวนคนไทย และแรงงานไทยที่เดินทางกลับมาเอง พร้อมยังขอบคุณพี่น้องคนไทย ที่ช่วยคนเคลื่อนย้าย รับคนไทย และแรงงานไทยในอิสราเอล โดยเฉพาะ “พี่แจ๋น” ที่ได้ช่วยกันดูแลคนไทยในอิสราเอล และส่งคนไทยให้ถึงสถานทูต เพื่อเดินทางกลับบ้าน และมั่นใจว่า สิ้นเดือนตุลาคมนี้ หรือต้นเดือนพฤศจิกายน จะสามารถอพยพคนไทยได้ตามเป้าหมาย”นางกาญจนา กล่าว


โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังย้ำด้วยว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเทลอาวีฟ ได้จัดให้คนไทยเข้าศูนย์พักพิง เพื่อรอเดินทางกลับประเทศไทย ที่โรงแรมเดวิดอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทลอาวีฟ และยังมีโรงแรมใกล้เคียงอีก 7 แห่ง เพื่อรอเดินทางขึ้นเครื่องบินกลับประเทศ ซึ่งคนไทยในอิสราเอลที่ต้องการเดินทางกลับประเทศ ทั้งที่ลงทะเบียนไว้แล้ว หรือไม่ได้ลงทะเบียน สามารถเดินทางไปที่โรงแรมดังกล่าว เพื่อกลับประเทศได้ ซึ่งหากแรงงานไม่มีหนังสือเดินทาง สถานทูตฯ ก็พร้อมออกเอกสารเดินทางชั่วคราวระหว่างพักอยู่ที่ศูนย์พักพิงให้ได้ ซึ่งขณะนี้ มีผู้ลงทะเบียนขอเดินทางกลับประเทศไทยแล้วทั้งสิ้น 8,160 คน และยังไม่ประสงค์เดินทางกลับ 110 คน

ส่วนการอพยพคนไทยใกล้ฉนวนกาซากว่า 5,000 คนนั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า คนไทยส่วนใหญ่ได้อพยพออกมาแล้ว แต่อาจจะมีบางส่วนที่ยังไม่สามารถอพยพได้ แต่กระทรวงฯ และสถานทูตฯ ได้พยายามติดตามทุกช่องทาง เพื่อให้ความช่วยเหลือ รวมถึงการส่งข้อความแจ้งเตือนแก่พลเมืองไทยในพื้นที่ที่ใช้บริการโรมมิ่งในอิสราเอล เพื่อส่งข้อมูลแจ้งเตือน รวมถึงการส่งข้อมูลต่าง ๆ ที่มีผู้ส่ง หรือแจ้งมาตามช่องทางการสื่อสารของกระทรวง เพื่อแจ้งต่อกรมการกงสุล ให้ความช่วยเหลือต่อไป และขอให้คนไทย แรงงานไทย มั่นใจในความปลอดภัยก่อนอพยพมายังศูนย์พักพิง เพราะแม้จะมีผู้โดยสารตกหล่น ก็สามารถนำผู้ที่รอการอพยพขึ้นไปทดแทนได้ และเที่ยวบินก็จะมีทุกวัน

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังชี้แจงกรณีที่จำนวนผู้เดินทางกลับในเที่ยวบินต่าง ๆ ที่ลงทะเบียนไว้ แต่ในการเดินทางกลับจริง มีจำนวนไม่ตรงกันว่า มีหลายสาเหตุ เช่น ลงทะเบียนไว้ แต่สละสิทธิ์ หรือไม่สามารเดินทางออกมาจากพื้นที่ได้ หรืออยู่ในพื้นที่อื่นๆ ยืนยันว่า สถานทูตฯ จะติดตามผู้ที่ลงทะเบียนไว้ทุกคน เพื่อให้ผู้ที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศสามารถกลับบ้านได้


พร้อมกันนี้ ยังชี้แจงถึงกรณีที่มีผู้ตั้งข้อสงสัยเหตุใดเที่ยวบินไทยจึงต้องบินอ้อม ไม่บินเส้นทางตรงเข้าสู่อิสราเอลว่า เนื่องจาก บางประเทศไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล ดังนั้น บางประเทศเหล่านั้น ก็จะไม่อนุญาตให้ไทยทำการบินผ่านประเทศนั้นๆ ทำให้ต้องบินอ้อม และกระทรวงการต่างประเทศ ก็กังวลว่า หากขออนุญาตบินผ่านประเทศนั้นๆ แล้ว จะเกิดความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับอนุญาต หรือเกิดความล่าช้า จึงได้ตัดสินใจให้ทำการบินอ้อม 3-4 ชั่วโมง เพื่อความชัวร์ และความแน่ใจ เพื่อไม่ให้คนไทยในอิสราเอลต้องเสี่ยง หรือรอความล่าช้าที่เกิดขึ้น

“เราไม่ได้ขอบินผ่านประเทศที่จะมีความเสี่ยงว่า อาจจะไม่ได้รับอนุญาต หรืออาจจะได้รับอนุญาต แต่ล่าช้า ซึ่งประเทศเหล่านี้ เราไม่ได้ขอบินผ่าน เพราะเราคิดว่า การเสียเวลาอ้อมสัก 3-4 ชั่วโมง ดีกว่าต้องไปขออนุญาตกับประเทศที่ไม่อนุญาตให้บินไปปลายทางสู่อิสราเอล ทำให้ต้องไปหลายประเทศ และต้องขอเป็นกรณีพิเศษเพื่อทำการบิน อาจต้องใช้เวลา สู้เราเอาให้ชัวร์ๆ ว่า เราขอแล้วเราจะได้แน่ๆ ซึ่งโดยปกติการขออนุญาตทำเส้นทางการบิน ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ และที่ผ่านมาได้เร่งรัดให้ทุกสถานทูตในพื้นที่ ติดต่อกับกระทรวงการต่างประเทศนั้นๆ ดังนั้น เราจึงไม่ได้ขอ เพื่อทำให้เกิดความรวดเร็ว และไม่เสี่ยงที่จะทำให้เกิดความล่าช้า ส่วนประเทศอื่นที่บินได้ ก็อาจจะมีข้อตกลงกัน หรือหากไทยขอ ในห้วงเวลาสงครามนี้ อาจจะได้ก็ได้ แต่เราไม่อยากเสี่ยง และไม่อยากรอ ไม่อยากทำให้คนไทยต้องเสียเวลารอการขออนุมัติต่างๆ ดังนั้น การบินเพิ่ม 3-4 ชั่วโมงจึงไม่ใช่ประเด็น” นางกาญจนา กล่าว

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตนั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ส่งผลให้มีจำนวนผู้เสียสะสม 30 ราย บาดเจ็บคงเดิม 16 คน และถูกจับเป็นตัวประกัน 17 คน พร้อมกล่าวถึงการโจมตีโรงพยาบาลในฉนวนการซา เมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) ว่า ถือเป็นการผิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างรุนแรง เนื่องจาก เป้นการโจมตีโรงพยาบาล เพราะตามปกติ จะไม่มีการโจมตีโรงพยาบาล โรงเรียน หรือพลเรือน จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศของไทยขอแสดงความเสียใจต่อความสูญเสียครั้งนี้ และกระทรวงการต่างประเทศ จะมีการแถลงการณ์ต่อเหตุการณ์ดังกล่าวต่อไป เนื่องจาก เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้สถานการณ์แย่ลงไปมาก เพราะเดิมทีจะมีการหารือระหว่างผู้นำสหรัฐอเมริกา กับผู้นำประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค ก็ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังขอให้ประชาชนคนไทยที่พำนักในต่างประเทศ ติดตามสถานการณ์ในประเทศนั้น ๆ หลังมีการโจมตีโรงพบาบาลในฉนวนกาซา จนเกิดการประท้วงในหลายประเทศว่า มาตรการต่าง ๆ ที่ทางการท้องถิ่นมีรายละเอียดอย่างไร มีการประกาศเตือนการก่อการร้าย การยกระดับความปลอดภัยหรือไม่ และขอให้คนไทย มีเบอร์ติดต่อ หรือช่องทางการติดต่อสถานทูต สถานกงสุลในประเทศนั้น ๆ เพื่อสามารถติดต่อรับความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที พร้อมยังแจ้งเตือนประชาชนที่ยังเดินทางไปยังในประเทศพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะกรุงเยรูซาเล็ม เมืองหลวงของอิสราเอล ให้พิจารณางดเว้นการเดินทางไว้ก่อนด้วย เพราะอาจเกิดปัญหาไม่สามารถเดินทางกลับได้

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังชี้แจงย้ำถึงแนวทางการเจรจา เพื่อช่วยเหลือคนไทยที่ถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกันว่า ทั้งนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือทุกระดับ ทั้งระดับผู้นำ รัฐบาล รัฐมนตรี หรือสถานทูต เพื่อเรียกร้อง และยืนยันความปลอดภัยของตัวประกัน และปล่อยตัวผู้ถูกจับทั้งหมด ซึ่งได้รับการยืนยันว่า คนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันทั้งหมด ยังมีความปลอดภัย และทราบว่า ยังไม่มีการสังหารตัวประกัน เพื่อการต่อรองใดๆ แต่ยังไม่ทราบว่า จะมีการปล่อยตัวเมื่อใด และยอมรับว่า ข้อมูลการเจรจาต่างๆ เป็นข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ที่ไม่มีการเปิดเผย แต่ขอให้วางใจได้ว่า ทุกฝ่ายจะดำเนินการอย่างดีที่สุด เพื่อให้คนไทยมีความปลอดภัย และสามารถกลับประเทศได้ และสถานทูตกรุงเทลอาวีฟ ก็ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]