หลัง 22 ต.ค.อพยพคนไทย พักรอที่ดูไบ ก่อนกลับประเทศ

กระทรวงการต่างประเทศ 18 ต.ค.-กต.แจงคนไทยในอิสราเอลที่ต้องการกลับประเทศ วอล์คอินได้ที่ศูนย์พักพิง เผย หลัง 22 ต.ค.เตรียมอพยพไปพักรอที่ดูไบก่อนกลับไทย การันตี 17 ตัวประกันปลอดภัย


นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงความคืบหน้าการอพยพคนไทยและแรงงานไทยในอิสราเอล จากเหตุความรุนแรงในตะวันออกกลางว่า ขณะนี้ รัฐบาลพยายามจัดเที่ยวบินเทลอาวีฟ-กรุงเทพฯ ทุกวัน เพื่อให้สามารถอพยพคนไทยได้วันละ 400 คน โดยตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคมนี้ เป็นต้นไป จะมีการลำเลียงคนไทยที่ต้องการกลับประเทศ ไปเปลี่ยนเครื่องที่นครดูไบ ซึ่งจะมีเครื่องบินขนาดใหญ่ ที่รัฐบาลจะจ้างเหมาลำเลียงระหว่างเทลอาวีฟมายังดูไบ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้น จะมีสายการบินพาณิชย์ที่ได้ประสานงานกันไว้ ทั้งเครื่องบินกองทัพอากาศ การบินไทย นกแอร์ แอร์เอเชีย และไลออนแอร์ เพื่อรับคนไทยจากดูไบ กลับมายังประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ ได้กำหนดตารางการบินไว้พร้อมแล้ว ว่าสายการบินใด จะทำการบินเมื่อใด ในเวลาใด และมีผู้โดยสายเท่าไร ซึ่งหากมีผู้โดยสารตกหล่น สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงอาบูดาบี สหรัฐอารับเอมิเรตส์ และสถานกงสุลใหญ่นครดูไบ ก็จะเปิดห้องพักไว้รับรอง เพื่ออำนวยความสะดวกคนไทย และทั้งสถานทูตฯ และสถานกงสุลใหญ่ จะอำนวยความสะดวกในการออกวีซ่าเพื่อเข้าประเทศให้ด้วย และยังได้ประสานกับทางการท้องถิ่น ท่าอากาศยาน และโรงแรมพร้อมแล้ว แต่ในระหว่างนี้ทุกวัน ก็จะยังคงมีเที่ยวบินตามปกติ ทั้งของกองทัพอากาศ การบินไทย อิสราเอลแอร์ไลน์ และสไปร์ทเจ็ท เพื่ออพยพคนไทยที่ต้องการกลับประเทศให้รวดเร็วที่สุด

“ตั้งแต่มีการอพยพนั้น สามารถนำคนไทยกลับประเทศได้แล้ว 926 คน จากทั้งหมด 7 เที่ยวบิน โดยยังไม่รวมจำนวนคนไทย และแรงงานไทยที่เดินทางกลับมาเอง พร้อมยังขอบคุณพี่น้องคนไทย ที่ช่วยคนเคลื่อนย้าย รับคนไทย และแรงงานไทยในอิสราเอล โดยเฉพาะ “พี่แจ๋น” ที่ได้ช่วยกันดูแลคนไทยในอิสราเอล และส่งคนไทยให้ถึงสถานทูต เพื่อเดินทางกลับบ้าน และมั่นใจว่า สิ้นเดือนตุลาคมนี้ หรือต้นเดือนพฤศจิกายน จะสามารถอพยพคนไทยได้ตามเป้าหมาย”นางกาญจนา กล่าว


โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังย้ำด้วยว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเทลอาวีฟ ได้จัดให้คนไทยเข้าศูนย์พักพิง เพื่อรอเดินทางกลับประเทศไทย ที่โรงแรมเดวิดอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทลอาวีฟ และยังมีโรงแรมใกล้เคียงอีก 7 แห่ง เพื่อรอเดินทางขึ้นเครื่องบินกลับประเทศ ซึ่งคนไทยในอิสราเอลที่ต้องการเดินทางกลับประเทศ ทั้งที่ลงทะเบียนไว้แล้ว หรือไม่ได้ลงทะเบียน สามารถเดินทางไปที่โรงแรมดังกล่าว เพื่อกลับประเทศได้ ซึ่งหากแรงงานไม่มีหนังสือเดินทาง สถานทูตฯ ก็พร้อมออกเอกสารเดินทางชั่วคราวระหว่างพักอยู่ที่ศูนย์พักพิงให้ได้ ซึ่งขณะนี้ มีผู้ลงทะเบียนขอเดินทางกลับประเทศไทยแล้วทั้งสิ้น 8,160 คน และยังไม่ประสงค์เดินทางกลับ 110 คน

ส่วนการอพยพคนไทยใกล้ฉนวนกาซากว่า 5,000 คนนั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า คนไทยส่วนใหญ่ได้อพยพออกมาแล้ว แต่อาจจะมีบางส่วนที่ยังไม่สามารถอพยพได้ แต่กระทรวงฯ และสถานทูตฯ ได้พยายามติดตามทุกช่องทาง เพื่อให้ความช่วยเหลือ รวมถึงการส่งข้อความแจ้งเตือนแก่พลเมืองไทยในพื้นที่ที่ใช้บริการโรมมิ่งในอิสราเอล เพื่อส่งข้อมูลแจ้งเตือน รวมถึงการส่งข้อมูลต่าง ๆ ที่มีผู้ส่ง หรือแจ้งมาตามช่องทางการสื่อสารของกระทรวง เพื่อแจ้งต่อกรมการกงสุล ให้ความช่วยเหลือต่อไป และขอให้คนไทย แรงงานไทย มั่นใจในความปลอดภัยก่อนอพยพมายังศูนย์พักพิง เพราะแม้จะมีผู้โดยสารตกหล่น ก็สามารถนำผู้ที่รอการอพยพขึ้นไปทดแทนได้ และเที่ยวบินก็จะมีทุกวัน

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังชี้แจงกรณีที่จำนวนผู้เดินทางกลับในเที่ยวบินต่าง ๆ ที่ลงทะเบียนไว้ แต่ในการเดินทางกลับจริง มีจำนวนไม่ตรงกันว่า มีหลายสาเหตุ เช่น ลงทะเบียนไว้ แต่สละสิทธิ์ หรือไม่สามารเดินทางออกมาจากพื้นที่ได้ หรืออยู่ในพื้นที่อื่นๆ ยืนยันว่า สถานทูตฯ จะติดตามผู้ที่ลงทะเบียนไว้ทุกคน เพื่อให้ผู้ที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศสามารถกลับบ้านได้


พร้อมกันนี้ ยังชี้แจงถึงกรณีที่มีผู้ตั้งข้อสงสัยเหตุใดเที่ยวบินไทยจึงต้องบินอ้อม ไม่บินเส้นทางตรงเข้าสู่อิสราเอลว่า เนื่องจาก บางประเทศไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล ดังนั้น บางประเทศเหล่านั้น ก็จะไม่อนุญาตให้ไทยทำการบินผ่านประเทศนั้นๆ ทำให้ต้องบินอ้อม และกระทรวงการต่างประเทศ ก็กังวลว่า หากขออนุญาตบินผ่านประเทศนั้นๆ แล้ว จะเกิดความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับอนุญาต หรือเกิดความล่าช้า จึงได้ตัดสินใจให้ทำการบินอ้อม 3-4 ชั่วโมง เพื่อความชัวร์ และความแน่ใจ เพื่อไม่ให้คนไทยในอิสราเอลต้องเสี่ยง หรือรอความล่าช้าที่เกิดขึ้น

“เราไม่ได้ขอบินผ่านประเทศที่จะมีความเสี่ยงว่า อาจจะไม่ได้รับอนุญาต หรืออาจจะได้รับอนุญาต แต่ล่าช้า ซึ่งประเทศเหล่านี้ เราไม่ได้ขอบินผ่าน เพราะเราคิดว่า การเสียเวลาอ้อมสัก 3-4 ชั่วโมง ดีกว่าต้องไปขออนุญาตกับประเทศที่ไม่อนุญาตให้บินไปปลายทางสู่อิสราเอล ทำให้ต้องไปหลายประเทศ และต้องขอเป็นกรณีพิเศษเพื่อทำการบิน อาจต้องใช้เวลา สู้เราเอาให้ชัวร์ๆ ว่า เราขอแล้วเราจะได้แน่ๆ ซึ่งโดยปกติการขออนุญาตทำเส้นทางการบิน ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ และที่ผ่านมาได้เร่งรัดให้ทุกสถานทูตในพื้นที่ ติดต่อกับกระทรวงการต่างประเทศนั้นๆ ดังนั้น เราจึงไม่ได้ขอ เพื่อทำให้เกิดความรวดเร็ว และไม่เสี่ยงที่จะทำให้เกิดความล่าช้า ส่วนประเทศอื่นที่บินได้ ก็อาจจะมีข้อตกลงกัน หรือหากไทยขอ ในห้วงเวลาสงครามนี้ อาจจะได้ก็ได้ แต่เราไม่อยากเสี่ยง และไม่อยากรอ ไม่อยากทำให้คนไทยต้องเสียเวลารอการขออนุมัติต่างๆ ดังนั้น การบินเพิ่ม 3-4 ชั่วโมงจึงไม่ใช่ประเด็น” นางกาญจนา กล่าว

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตนั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ส่งผลให้มีจำนวนผู้เสียสะสม 30 ราย บาดเจ็บคงเดิม 16 คน และถูกจับเป็นตัวประกัน 17 คน พร้อมกล่าวถึงการโจมตีโรงพยาบาลในฉนวนการซา เมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) ว่า ถือเป็นการผิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างรุนแรง เนื่องจาก เป้นการโจมตีโรงพยาบาล เพราะตามปกติ จะไม่มีการโจมตีโรงพยาบาล โรงเรียน หรือพลเรือน จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศของไทยขอแสดงความเสียใจต่อความสูญเสียครั้งนี้ และกระทรวงการต่างประเทศ จะมีการแถลงการณ์ต่อเหตุการณ์ดังกล่าวต่อไป เนื่องจาก เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้สถานการณ์แย่ลงไปมาก เพราะเดิมทีจะมีการหารือระหว่างผู้นำสหรัฐอเมริกา กับผู้นำประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค ก็ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังขอให้ประชาชนคนไทยที่พำนักในต่างประเทศ ติดตามสถานการณ์ในประเทศนั้น ๆ หลังมีการโจมตีโรงพบาบาลในฉนวนกาซา จนเกิดการประท้วงในหลายประเทศว่า มาตรการต่าง ๆ ที่ทางการท้องถิ่นมีรายละเอียดอย่างไร มีการประกาศเตือนการก่อการร้าย การยกระดับความปลอดภัยหรือไม่ และขอให้คนไทย มีเบอร์ติดต่อ หรือช่องทางการติดต่อสถานทูต สถานกงสุลในประเทศนั้น ๆ เพื่อสามารถติดต่อรับความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที พร้อมยังแจ้งเตือนประชาชนที่ยังเดินทางไปยังในประเทศพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะกรุงเยรูซาเล็ม เมืองหลวงของอิสราเอล ให้พิจารณางดเว้นการเดินทางไว้ก่อนด้วย เพราะอาจเกิดปัญหาไม่สามารถเดินทางกลับได้

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังชี้แจงย้ำถึงแนวทางการเจรจา เพื่อช่วยเหลือคนไทยที่ถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกันว่า ทั้งนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือทุกระดับ ทั้งระดับผู้นำ รัฐบาล รัฐมนตรี หรือสถานทูต เพื่อเรียกร้อง และยืนยันความปลอดภัยของตัวประกัน และปล่อยตัวผู้ถูกจับทั้งหมด ซึ่งได้รับการยืนยันว่า คนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันทั้งหมด ยังมีความปลอดภัย และทราบว่า ยังไม่มีการสังหารตัวประกัน เพื่อการต่อรองใดๆ แต่ยังไม่ทราบว่า จะมีการปล่อยตัวเมื่อใด และยอมรับว่า ข้อมูลการเจรจาต่างๆ เป็นข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ที่ไม่มีการเปิดเผย แต่ขอให้วางใจได้ว่า ทุกฝ่ายจะดำเนินการอย่างดีที่สุด เพื่อให้คนไทยมีความปลอดภัย และสามารถกลับประเทศได้ และสถานทูตกรุงเทลอาวีฟ ก็ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง-ตกหนักบางแห่ง

กทม. 3 มิ.ย.- กรมอุตุฯ เตือนมรสุมพัดปกคลุมประเทศไทย ส่งผลให้ยังมีฝนฟ้าคะนองและตกหนักบางแห่ง ทะเลอันดามันคลื่นสูง 2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน

2 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน ลั่นมีเอกภาพ แจงรัฐบาลเชื่อมั่นท่าที 2 ประเทศลดความรุนแรงได้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม โพสต์ข้อความชี้แจงทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าเรียน สื่อมวลชน ทุกท่าน ตามที่มีข่าวกระจายกันในแวดวงสื่อสังคมออนไลน์ เรื่องความขัดแย้งระหว่างฝ่ายการเมืองกับฝ่ายทหาร ในการจัดการปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดต่อปัญหาการจัดการระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการปิดด่านชายแดน ผมขอยืนยันว่า ผมกับกองทัพได้หารือร่วมกันหลายครั้ง และเห็นตรงกันว่าสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลทั้งสองประเทศต่างพยายามหาทางออกในการคลี่คลายวิกฤติ โดยยึดผลประโยชน์ประชาชนและอธิปไตยของชาติเป็นสำคัญ เราจึงกำหนดขอบเขตในการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และพยายามลดเงื่อนไขที่จะระงับยับยั้งมิให้เหตุการณ์ความขัดแย้งขยายตัวมากไปกว่านี้ สำหรับเรื่องการปิดชายแดนขณะนี้ รัฐบาลเห็นว่าท่าทีและการแสดงออกของทั้งสองประเทศ ยังเป็นการแสดงออกที่สามารถลดระดับความรุนแรงได้ เพราะการปิดด่านชายแดนแม้ไม่ใช่เรื่องการสู้รบทางตรง แต่กลับจะเกิดปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ที่จะกระทบกับวิถีชีวิตประชาชน ทำให้สถานการณ์ยากต่อการคลี่คลาย แต่ขณะเดียวกัน กองทัพก็ตั้งอยู่ในความระมัดระวังและไม่ได้ละเลยในการปกป้องตนเองและอธิปไตยเหนือดินแดน ขณะนี้รัฐบาล ร่วมกับกำลังเหล่าทัพและกระทรวงต่างประเทศ กำลังใช้กลไก JBC เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาตามขั้นตอนอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดเวทีถกเถียงตามข้อเท็จจริงตามกฎหมาย ผมจึงขอเรียนชี้แจงยืนยันว่า รัฐบาลและกองทัพมีความเป็นเอกภาพ และมีพันธะสัญญาที่มั่นคงในการรักษาความสงบสุขให้ประชาชนได้รับประโยชน์ และความปลอดภัยมากที่สุด ขอให้มั่นใจว่าเราจะหลีกเลี่ยงการยกระดับความขัดแย้งที่จะนำไปสู่ความสูญเสียทั้งสองฝ่ายในทุกด้าน ที่ผ่านมา เราร่วมกันใช้ความพยายามอย่างยิ่ง ทั้งการประชุม หารือ […]

แผ่นดินไหวเชียงใหม่ ขนาด 4.5 รอยเลื่อนแม่ทาขยับ

เชียงใหม่ 2 มิ.ย.- ระทึก! แผ่นดินไหว ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ลึก 1 กม. ประชาชนแจ้งรู้สึกสั่นไหว 4 จังหวัด สาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง แผ่นดินไหวที่ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ฉบับที่ 1/2568 กอง​เฝ้า​ระวัง​แผ่นดินไหว​ กรม​อุตุนิยม​วิทยา​รายงาน​ว่า​ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2568 เวลา 14.07 น. เกิดแผ่นดินไหว จุดศูนย์กลางอยู่บริเวณ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ความลึก 1 กิโลเมตร ได้รับแจ้งรู้สึกสั่นไหวบริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ พะเยา ลำปาง และแม่ฮ่องสอน โดยสาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สั่งการอำเภอพร้าว และอำเภอใกล้เคียง ลงพื้นที่ตรวจสอบผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตและความเสียหาย […]

ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง

2 มิ.ย.- ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง ย่านท่าเรือคลองเตย ส่วนคนขับรถชน รปภ. เสียชีวิต โดนฆ่าคนตาย เพิ่มอีก 1 ข้อหา 13.00 น. ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา การดำเนินคดี 6 ทรชนผู้ก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้าของกลางของกรมศุลกากรและก่อเหตุถอยรถตู้พุ่งชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิต โดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ข้อมูลว่า ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับทั้ง 6 คนถูกดำเนินคดีในข้อหา 4 ข้อหา ในแก่ ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นการจับกุม ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย และกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และซ่องโจร ขณะที่นายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ ถูกดำเนินคดีเพิ่มอีกหนึ่งข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดของตนหรือหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนกระทำไว้ ทั้งนี้ หลังศาลอนุมัติออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว […]