ผบ.ทร.เตรียมชงเครื่องยนต์จีน ให้ กห.สัปดาห์หน้า

วังนันทอุทยาน 21 ก.ย. – ผบ.ทร. เตรียมชงเครื่องยนต์จีนให้กลาโหม ภายในสัปดาห์หน้า มั่นใจทดแทนเครื่องยนต์เยอรมันได้ เพิ่มออปชั่นประกันฯ 8 ปี เปิดไทม์ไลน์ใช้เวลาติดตั้ง 3 ปี


พลเรือเอกเชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวถึงการตัดสินใจ ที่จะใช้เครื่องยนต์ CHD 620 ของจีนมาใส่ในเรือดำน้ำไทย ได้แจ้งความคืบหน้าไปที่กระทรวงกลาโหมแล้วหรือไม่ ว่า กองทัพเรือจะตรวจสอบข้อเสนอของจีน ในการเปลี่ยนเครื่องยนต์ ขับเคลื่อนกำเนิดไฟฟ้าของเยอรมันเป็นของจีน ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา ได้ตรวจสอบข้อมูลที่จีนนำเสนอ รวมถึงมีการส่งเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบ ข้อมูลและเครื่องยนต์ และได้มีการยื่นข้อเสนอในการรับประกันเครื่องยนต์ดังกล่าว ซึ่งล่าสุดจีนได้เสนอมาที่กองทัพเรือไทยเรียบร้อยแล้ว และเสนอข้อพิจารณาในการแก้ไขข้อตกลงระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล เพื่อที่จะขยายระยะเวลาในการสร้างเรือดำน้ำออกไปอีก หากมีการแก้ไขข้อตกลง ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการบริหารโครงการเรือดำน้ำ ได้เสนอเรื่องขึ้นมาที่กองทัพเรือ และอยู่ระหว่างการพิจารณาของฝ่ายอำนวยการที่เกี่ยวข้อง เมื่อพิจารณาเสร็จกองทัพเรือก็จะนำเสนอรัฐบาลว่าแนวทางที่จีนนำเสนอเรื่องการเปลี่ยนเครื่องยนต์ จากเครื่องยนต์ของเยอรมันเป็นเครื่องยนต์ของจีน ซึ่งกองทัพเรือได้

ส่งเจ้าหน้าที่ไปดูการผลิตเครื่องยนต์ดังกล่าว รวมถึงการรับรองเครื่องยนต์ดังกล่าวจากการทร.จีน เป็นที่เรียบร้อย และเตรียมเรื่องการแก้ไขข้อตกลส่งให้กับกองทัพเรือพิจารณาเรียบร้อยหมด


“โดยภาพรวม ทางกองทัพเรือ เชื่อมั่นได้ว่าข้อมูลที่ได้รับรวมถึงการตรวจสอบเครื่องยนต์ของจีน ที่เป็นเครื่องกำเนิดเครื่องไฟฟ้าของเรือดำน้ำ สามารถใช้ทดแทนเครื่องยนต์ของเยอรมันได้ โดยไม่ทำให้เสียในเรื่องของความปลอดภัย ประสิทธิภาพการใช้งาน และเรื่องการรับประกัน  ซึ่งทางจีนได้มีการแจ้งการรับประกันเพิ่มเติม จากเดิมตามข้อตกลง เป็นการรับประกันชิ้นส่วนของเรือน้ำภายหลังส่งมอบเป็นระยะเวลา 2 ปี ในการเจรจาทางการจีนจะพิจารณาให้การสนับสนุนในการรับประกันเครื่องยนต์ดังกล่าว เป็นระยะเวลา 8 ปีพร้อมอะไหล่ พร้อมเจ้าหน้าที่มาดูแลเครื่องยนต์ที่ประเทศไทย รวมถึงการซ่อมบำรุงในช่วงของ 8 ปี ทำไมถึงเป็น 8 ปี เพราะเป็นระยะเวลาในการอัพเกรดเรือดำน้ำตามช่วงระยะเวลา ก็เป็นข้อมูลที่กองทัพเรือจะสรุปและนำเสนอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม” พลเรือเอกเชิงชาย กล่าว

สำหรับความจำเป็นในการที่ต้องมีเรือดำน้ำ พลเรือเอกเชิงชาย กล่าวว่า กองทัพเรือยังยืนยันว่าตามยุทธศาสตร์กองทัพเรือ สภาวะแวดล้อมของโลก และประเทศรอบบ้าน กองทัพเรือยังมีความจำเป็นที่จะต้องมีเรือดำน้ำในการรักษาสมดุลของความมั่นคงทางทะเลในภูมิภาค เพราะฉะนั้นยังมีความจำเป็น ทั้งนี้การตัดสินใจว่าจะเดินหน้าต่อโครงการหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ทางรัฐมนตรีกลาโหม ต้องพิจารณาและนำเสนอเข้าพิจารณาในส่วนของครม. และรัฐบาลต่อไป 

ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีมีแนวคิดจะเจรจากับทางเยอรมัน เพื่อขอใช้เครื่องยนต์เยอรมัน พลเรือเอกเชิงชาย กล่าวว่า ความจริงกองทัพเรือได้เคยเจรจากับทางการเยอรมัน ผ่านทางผู้ช่วยทูตทหารตั้งแต่ทราบปัญหา ซึ่งทางผู้ช่วยทูตทหารเยอรมันและเอกอัครราชทูตเยอรมันประจำประเทศไทย ก็ได้แจ้งข้อมูลนี้ว่าทางเยอรมันไม่สามารถขายเครื่องยนต์เรือดำน้ำตามกฎของการห้ามการส่งออก ในกรณีที่สามารถนำไปใช้เป็นอาวุธสงครามให้กับทางการจีนได้ และกองเรือก็ได้ทราบข้อมูลจากทางกองทัพเรือจีนว่า แม้ปัจจุบันทางเยอรมันก็ไม่ส่งออกเครื่องยนต์ของเยอรมันเพื่อติดตั้งในเรือดำน้ำที่จีนต่อเองด้วย เพราะฉะนั้นโดยสรุปแล้วจีนเองก็ต้องผลิตเครื่องยนต์เพื่อใช้ของตัวเองในปัจจุบันและในอนาคต ซึ่งจีนมีการพัฒนาเรือดำน้ำและต่อเรือดำน้ำอยู่ตลอด เพราะฉะนั้นในอนาคตจีนก็ต้องใช้เครื่องยนต์ของจีนเองในการติดตั้งกับเรือดำน้ำ ฃึ่งข้อมูลทั้งหมดก็จะอยู่ ในข้อพิจารณาเพื่อเสนอกับรัฐมนตรีกลาโหมทั้งหมด และทางกลาโหมจะเป็นผู้พิจารณาข้อเสนอของกองทัพเรือ


สำหรับจุดยืนของกองทัพเรือ คือพร้อมและเต็มใจที่จะใช้เครื่องยนต์เรือดำน้ำจีน พลเรือเอก เชิงชาย กล่าวว่า ได้มีการตรวจสอบแล้วว่าเครื่องยนต์ของจีนมีคุณสมบัติ และขีดความสามารถเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ของเยอรมัน โดยเฉพาะเรื่องของความปลอดภัยกับข้อมูลการใช้งานทางด้านยุทธการ ก็สามารถใช้ทดแทนกันได้

เมื่อถามย้ำว่า จะยืนยันกับ ครม. นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหม ไปตามที่จะได้ส่งเรื่องขึ้นไปใช่หรือไม่ พลเรือเอกเชิงชาย กล่าวว่า ก็ยืนยันเป็นข้อมูลให้กับรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งตามข้อตกลง ถ้ามีการแก้ไข ข้อตกลงจะต้องใช้ระยะเวลาในการสร้างเรือดำน้ำเพิ่มเติมอีกประมาณเกือบ 3 ปี เพราะต้องอยู่ในขั้นตอนการผลิตเครื่องยนต์ก่อน แล้วมาติดตั้งกับเรือน้ำที่ที่มีการต่อไว้แล้วในระดับหนึ่ง

ส่วนได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีกลาโหมแล้วหรือไม่ พลเรือเอกเชิงชาย กล่าวว่า เรื่องนี้ก็ได้มีการเรียนให้ทราบแล้ว เมื่อครั้งมาแถลงนโยบายที่กระทรวงกลาโหม  ส่วนท่าทีของรัฐบาลเป็นอย่างไร จะยกเลิกหรือแก้ไขสัญญาหรือไม่นั้น ยังไม่มีการพูดคุยในเรื่องนี้ ต้องรอทั้งรัฐมนตรีรับข้อมูลแล้วก็ไปพิจารณาอีกครั้ง ส่วนจะส่งข้อมูล ให้รัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหมได้เมื่อใด ขณะนี้ฝ่ายอำนวยการกำลังพิจารณา ก็จะพยายามเร่งรัด และเสนอไปที่กระทรวงกลาโหม ให้ทันภายในสัปดาห์หน้าและจะพยายามให้ทันในสมัยที่ตนยังดำรงตำแหน่งอยู่

ส่วนภารกิจสุดท้ายของ ผบ.ทร ที่อยากทำให้สำเร็จคือ ให้เรือดำน้ำลำแรกเดินหน้าต่อ พลเรือเอกเชิงชาย กล่าวว่า ตนมาทำหน้าที่ผู้บัญชาการทหารเรือ ในการตรวจสอบข้อมูลว่าตามที่ทางการจีนเสนอเปลี่ยนเครื่องยนต์จากเยอรมันเป็นของจีน สามารถทำได้หรือไม่ มีการยอมรับได้หรือไม่

“ซึ่งได้มีการพิสูจน์แล้ว และตรวจสอบข้อมูลแล้ว และได้ทำการทุกอย่างแล้ว ในการพิจารณาว่า สามารถปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ เรือดำน้ำไทยได้ โดยไม่ทำให้เสีย คุณค่าทางยุทธการ และความปลอดภัย และทางกองทัพเรือจีน ก็รับประกัน ว่าเครื่องยนต์ดังกล่าว สามารถติดตั้งกับเรือดำน้ำน้ำไทยได้ ซึ่งเรือดำน้ำที่ปากีสถานต่อกับจีน 8 ลำ ปัจจุบันก็มีการเดินหน้าในการผลิตเครื่องยนต์ เพื่อติดตั้งในเรือดำน้ำปากีสถานเรียบร้อยแล้ว” พลเรือเอกเชิงชาย กล่าว

ขณะที่ท่าทีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ดูเหมือนอยากได้เรือดำน้ำของทางเยอรมัน พลเรือเอกเชิงชาย กล่าวว่า ก็ต้องต้องพิจารณาภายหลังจากที่รัฐบาลพิจารณาว่าจะเดินหน้าต่อโครงการเรือดำน้ำของจีน หรือจะเปลี่ยนเป็นโครงการอื่น ซึ่งก็ต้องไปเริ่มพิจารณารายละเอียดกันใหม่

“แต่การเริ่มต้นโครงการใหม่ ปัญหาคือเรื่องงบประมาณ เพราะว่าการจัดหาเรือน้ำ เป็นลักษณะจัดหาแบบแพ็กเกจ ต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูง อย่าลืมว่าการตั้งโครงการเรือดำน้ำเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เราตั้งโครงการเรือดำน้ำ 2 ลำ มูลค่าโครงการ 36,000 ล้านบาท เป็นเรือน้ำมาตรฐาน ปัจจุบันนี้ราคาน่าจะสูงขึ้นกว่าในอดีต และถ้าเป็นการจัดหาเรือดำน้ำทั่วไป ก็จะต้องจัดหาอย่างน้อย 2 ลำซึ่งน่าจะใช้งบประมาณมากกว่า 36,000 ล้านบาท การตั้งงบประมาณขนาดนั้น เกรงว่างบเสริมสร้างของกองทัพเรืออาจจะไม่เพียงพอ ถ้าจะต้องตั้งงบประมาณสูงขนาดนั้น” พลเรือเอกเชิงชาย กล่าว

ส่วนแนวคิดรัฐบาลที่จะใช้นโยบายการค้าต่างตอบแทนนั้น มองว่าอยู่ที่รัฐบาลจะต้องเจรจาในเรื่องนี้ กองทัพเรือแค่เสนอความต้องการและเสนอแนวทางในการพิจารณาเรื่องงบประมาณให้รัฐบาลพิจารณา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

กู้ซากคานสะพานลอยคนข้ามพังถล่ม เปิดการจราจรแล้ว

23 ส.ค. – เจ้าหน้าที่เร่งหาสาเหตุคานสะพานลอยคนข้ามขนาดใหญ่ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง มูลค่าเกือบ 7 ล้านบาท พังถล่มลงมากีดขวางถนน สาย 317 จันทบุรี–สระแก้ว ล่าสุดกู้ซากคานสะพานลอย ออกจากถนน และเปิดการจราจรได้ตามปกติแล้ว เหตุคานสะพานลอยถล่ม บริเวณพื้นที่ก่อสร้างสะพานลอยข้ามถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว ระหว่างฝั่งขาเข้าเมือง บ้านมะทาย ต.ปัถวี ข้ามไปยังตลาดกลางเทศบาลตำบลมะขามเมืองใหม่ อ.มะขาม จ.จันทบุรี เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลาประมาณ 22.20 น. ที่ผ่านมา เหตุดังกล่าวทำให้เกิดผลกระทบ สภาพการจราจรติดขัด ตลอดช่วงสายและบ่าย เป็นระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ได้ พยายามเร่งกู้ซากสะพานลอย ประสาน นำเครื่องจักรกลหนักทั้ง รถแบ็กโฮ 3 คัน รถแบ็กโฮหัวขุดเจาะ 2 คันและรถเครนใหญ่อีก 1 คัน ระดมลงพื้นที่เกิดเหตุ โดยบริษัทผู้รับเหมา ต้องใช้รถหัวขุดเจาะ 2 คัน ทำการขุดเจาะกระแทกแผ่นคอนกรีตให้แตก จนเหลือแต่เส้นเหล็กจากนั้นได้ใช้ชุดเชื่อมทำการใช้ไฟแก๊สตัดเหล็ก แยกชิ้นส่วนของคานคอนกรีตออก […]

ตามล่านักโทษชายหลบหนีเรือนจำนนทบุรี

นนทบุรี 23 ส.ค. – นักโทษเรือนจำนนทบุรีหลบหนี ขณะออกมาทำงานนอกเรือนจำ เจ้าหน้าที่พบชุดนักโทษ ถอดทิ้งไว้ใต้สะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ อยู่ระหว่างไล่ติดตาม กล้องวงจรปิด บันทึกเหตุการณ์ ช่วงบ่ายวันนี้ หลังตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ได้รับเเจ้งว่ามีนักโทษชายหลบหนีจากร้านหับเผย อ.เมือง จ.นนทบุรี ตรวจสอบเบื้องต้นทราบชื่อ นช.อนุชิต อายุ 29 ปี เป็นผู้ต้องขังกองนอกประจำร้านหับเผย ของเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ชุดที่หลบหนีสวมชุดสีส้มของเรือนจำ ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อเรมเบสต้า สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร หลบหนี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พบชุดที่นักโทษสวมใส่ถอดทิ้งไว้ใต้สะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ อยู่ระหว่างไล่ติดตาม สำหรับ นช.อนุชิต สุขสด ถูกตำรวจ สภ.บางบัวทอง จับกุมเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 ข้อหาพยายามลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น โดยใช้ยานพาหนะในการกระทำผิด หลังจับกุม สภ.บางบัวทอง นำตัวส่งเรือนจำกลางจังหวัดนนทบุรี วันที่ 27 ธันวาคม 2567 ศาลตัดสินโทษจำคุก 1 ปี โดยจะพ้นโทษในวันที่ในวันที่ […]

ผบ.ทบ. ตรวจฐานภูมะเขือ ขอบคุณกำลังพลทุ่มเทปฏิบัติงาน

23 ส.ค.- ผบ.ทบ. ตรวจเยี่ยมฐานปฏิบัติการภูมะเขือ ย้ำกำลังพลปฏิบัติงานเต็มความสามารถ ตั้งอยู่บนความปลอดภัย เมื่อวันที่ 23 ส.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (ศปก.ทบ.) พร้อม พล.ท.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสนาธิการทหารบก พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ต.ธีรนันท์ นันทขว้าง ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหาร เดินทางมาตรวจเยี่ยม และรับฟังบรรยายสรุปการปฏิบัติงานของฐานการภูมะเขือ โดยมี พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พร้อมด้วยฝ่ายเสนาธิการกองกำลังสุรนารี, ผู้บังคับหน่วย และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ให้การต้อนรับ และร่วมปฏิบัติภารกิจ ผู้บัญชาการทหารบก รับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ และการปฏิบัติงาน ณ ฐานปฏิบัติการภูมะเขือกลาง พร้อมทั้งมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ฐานปฏิบัติการภูมะเขือ ผู้บัญชาการทหารทัพบก กล่าวขอบคุณกำลังพลทุกนายที่ทุ่มเทปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ ให้ปฏิบัติภารกิจอย่างปลอดภัย จากนั้นได้เดินดูบริเวณฐานธุรการและพื้นที่ต่างๆ บนภูมะเขือ -สำนักข่าวไทย

เร่งเคลียร์ซากสะพานลอยถล่ม ขวางถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว

จันทบุรี 23 ส.ค.- เร่งเคลียร์ซาก! เหตุสะพานลอยคอนกรีตที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง พังถล่มขวางถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว ส่งผลเช้านี้การจราจรติดขัดสะสม คาดเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท เมื่อเวลาประมาณ 22.20 น. ที่ผ่านมา พื้นที่ก่อสร้างสะพานลอยข้ามถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว ระหว่างฝั่งขาเข้าเมือง บ้านมะทาย ต.ปัถวี ข้ามไปยังตลาดกลางเทศบาลตำบลมะขามเมืองใหม่ อ.มะขาม จ.จันทบุรี กล้องวจรปิดร้านขายของชำบันทึกภาพวินาทีระทึก  ขณะคานสะพานพังถล่ม โดยยังมีคนงานเดินอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุหลายสิบคน โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ จากการตรวจสอบความเสียหายในที่เกิดเหตุ เบื้องต้นพบรถเทรลเลอร์ 1 คัน และรถเครนของบริษัทรับเหมาเอกชนอีก 1 คัน ถูกคานสะพาน คอนกรีตที่หนักรวมกว่า 116 ตัน ถล่มลงมาทับพังเสียหาย กีดขวางการจราจรทั้งขาเข้าและขาออก เบื้องต้นกรมทางหลวงซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้รับเหมา เร่งดำเนินการใช้แยกคอนกรีตตัดคานสะพานออก เพื่อง่ายต่อการเคลียร์เส้นทาง เนื่องจากเป็นถนนสายหลัก ส่วนมูลค่าความเสียหายคาดไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท สอบถามเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าสะพานลอยแห่งนี้ มีรูปแบบการก่อสร้างประกอบด้วย เสาเตาหม้อคอนกรีตเสริมเหล็กจำนวน 2 ต้น มีความกว้างของทางเดินบนสะพาน 2.4 เมตร พร้อมราวจับและหลังคายาวตลอดทางเดินราว 36 เมตร ซึ่งครอบคลุมบันไดทั้งขาขึ้นและลง […]