ขอเชื่อมั่นแก้ปัญหาด้วยสุจริต

รัฐสภา 11 ก.ย.-นายกฯ แถลงนโยบายรัฐบาล เดินหน้าพัฒนาประเทศ 3 ระยะ เป้าหมายแรกกระตุ้นศก.ด้วยเงินดิจิตอล วอลเล็ต พักหนี้เกษตรกร ลดค่าครองชีพ พร้อมลดขั้นตอนทำวีซ่ารับนทท.  ส่วนระยะยาว ลดจำนวนนายพล แก้รธน. ขอสภาฯ เชื่อมั่น ยืนยันทุ่มเทสรรพกำลังแก้ปัญหาปท.ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง


การประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ  โดยมีนายวันมูฮะมัด นอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 09.30 น. โดยประธานรัฐสภา ได้ชี้แจงว่า การอภิปรายจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 11-12 ก.ย.2566  ใช้เวลาทั้งหมด 30 ชั่วโมง แบ่งเป็นคณะรัฐมนตรี(ครม.) 5 ชั่วโมง สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) 5 ชั่วโมง พรรคร่วมรัฐบาล 5 ชั่วโมง และพรรคร่วมฝ่ายค้าน 14 ชั่วโมง สำหรับคำแถลงนโยบายของ “ครม.เศรษฐา” โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นเอกสาร 43 หน้า แบ่งเป็นคำแถลงนโยบาย 14 หน้า ส่วนที่เหลือเป็นภาคผนวก  ซึ่งสาระสำคัญของนโยบายที่นำเสนอกรอบการทำงานของรัฐบาลแบ่งเป็นระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว

จากนั้น นายกรัฐมนตรีเริ่มแถลงนโยบายว่า วันนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ ทั้งในเชิงเศรษฐกิจสังคมและการเมือง และยังถูกซ้ำเติมด้วยโควิด-19 ประกอบกับปัญหาสังคมการเมืองที่ยังคงยืดเยื้อ ฝังรากลึกและยังไม่ได้แก้ไขอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ เศรษฐกิจไทยขณะนี้ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของโลก  และประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งความท้าทายเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ก่อปัญหาความยากจนวามเหลื่อมล้ำ ขาดความพร้อมที่จะเจริญเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทั้งหมดเป็นเป้าหมายเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน โดยกำหนดไว้ 3 ระยะ คือระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ระยะสั้น รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นค่าใช้จ่ายด้วยนโยบาย การเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิตอล Wallet จะเดินหน้านโยบายแก้ไขปัญหาหนี้สินทั้งในภาคเกษตร ธุรกิจ ภาคประชาชนด้วยการพักหนี้เกษตรกรตามเงื่อนไข ช่วยประคองภาระหนี้และต้นทุนทางการเงินสำหรับประชาชน ครอบคลุมไปถึงธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ภายใต้ปรัชญาที่ไม่ขัดต่อวินัยการเงินการคลัง และไม่ทำให้เกิดภาวะภัยทางจริยธรรม นโยบายเร่งด่วนถัดมาคือการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน ทั้งค่าไฟค่าก๊าซหุงต้ม และค่าน้ำมันเชื้อเพลิง อยู่ในระดับที่เหมาะสม จะผลักดันนโยบายที่กระตุ้นการท่องเที่ยว เป็นกุญแจดอกแรกที่จะสร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น และสร้างงานให้ประชาชนจำนวนมากพร้อมเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวด้วยการอำนวยความสะดวกและลดขั้นตอนการขอวีซ่า และสุดท้ายจะมุ่งแก้ปัญหาความเห็นต่าง โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่แตะต้องหมวดพระมหากษัตริย์

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนระยะกลางและระยะยาว รัฐบาลมีแนวทางสร้างรายได้ ทั้งการเปิดประตูสู่การค้าตลาดใหม่ ๆ ทั้งในกลุ่มสหภาพยุโรป และกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง สร้างมูลค่าเพิ่มทางสินค้า เพื่อดึงดูดการลงทุน รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งในประเทศทั้งทางถนน ทางน้ำ ทางราง และอากาศ พัฒนาเศรษฐกิจการค้าที่ถูกกฎหมายตามแนวชายแดนเพื่อสร้างเงินสร้างงาน สร้างรายได้ อีกทั้งจะสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรทั้งประเทศให้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญภายในระยะเวลา 4 ปี  ช่วยสร้างรายได้ให้ประชาชน โดยการยกเลิกและปรับปรุงกฎหมายที่ไม่จำเป็น เช่น ปลดล็อกกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับสุราพื้นบ้าน

“เราจะบริหารในรูปแบบของการกระจายอำนาจ คือผู้ว่าฯ ceo ในการสร้างประสิทธิภาพในการบริหารงานในแต่ละจังหวัด ให้ตอบสนองความต้องการของประชาชน และเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมาย โดยรัฐบาลจะนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มความโปร่งใส สกัดช่องโหว่การทุจริต นอกจากนี้จะมีการเลือกตัวแทนของผู้บริหารเป็นตัวแทนการพัฒนาท้องถิ่นบ้านเกิดเมืองนอน รัฐบาลนี้จะมีนโยบายสนับสนุนการสร้างซอฟท์พาวเวอร์ ส่งเสริมหนึ่งครอบครัวหนึ่งทักษะซอฟท์พาวเวอร์ ส่วนเรื่องของการศึกษา รัฐบาลจะดำเนินนโยบายปฏิรูปการศึกษาให้เป็นสังคมแบบการเรียนรู้ตลอดชีวิต และต้องกระจายอำนาจการศึกษาให้ผู้เรียนได้เข้าถึงการเรียนรู้อย่างทั่วถึง พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลจะให้ความสำคัญต่อคุณภาพชีวิตของครูทั่วประเทศ” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลจะร่วมพัฒนากองทัพให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศโดยจะเปลี่ยนรูปแบบการเกณท์ทหารเป็นแบบสมัครใจ ปรับปรุงการฝึกรด.ให้เป็นแบบสร้างสรรค์ ลดกำลังนายพลทหารชั้นสัญญาบัตรระดับสูง และกำหนดอัตรากำลังในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) ให้สอดคล้องกับบทบาทและภารกิจในปัจจุบัน ปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหม และสุดท้ายเราจะนำพื้นที่ของหน่วยทหารที่เกินความจำเป็นมาใช้ประโยชน์กับประชาชนโดยเฉพาะเพื่อการเกษตร

“ส่วนด้านความปลอดภัย รัฐบาลจะทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ปราบปรามผู้มีอิทธิพลยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทยโดยยึดหลักการเปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย และหลังจากการบำบัดพัฒนาพัฒนาความสามารถให้เข้าสู่ภาคแรงงานส่วนผู้ผลิต ส่วนผู้ผลิตและผู้ค้าต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม เราจะใช้มาตรการยังจริงจังยึดซับเพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด นอกจากนี้รัฐบาลจะดำเนินแนวทางนโยบายการใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์และสุขภาพเพื่อสร้างมูลค่าในเชิงเศรษฐกิจ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนเรื่องระบบสาธารณสุขเราจะรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินและโรคอุบัติใหม่ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต เราจะยกระดับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ได้รับความสะดวกมากขึ้นด้วยบริการพื้นฐานใกล้บ้าน ประชาชนไม่ต้องลำบากเดินทางไกล อย่างไรก็ตามรัฐบาลจะให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมของคนทุกกลุ่มไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเปราะบาง คนพิการ ผู้สูงอายุ และกลุ่มชาติพันธ์ โดยจะดูแลให้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีงาน มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิมด้วย “สวัสดิการโดยรัฐ”

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากมองอนาคต 4 ปีข้างหน้าจะเป็น 4 ปีที่รัฐบาลจะวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานใหม่ให้กับประเทศ โดยยึดหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งและน่าเชื่อถือ อยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ ขณะที่การบริหารค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินนโยบายรัฐบาลการรักษากรอบวินัยการเงินการคลังของประเทศอย่างเคร่งครัด และให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางการเงินการคลังของประเทศ โดยพิจารณาใช้จ่ายจากหลังเงินงบประมาณและเงินนอกงบประมาณ ทั้งในส่วนของเงินกู้และการให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนเพื่อพัฒนาประเทศ รวมถึงพิจารณาใช้เครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนการดำเนินนโยบายเพื่อลดภาระการลงทุนจากงบประมาณแผ่นดินและการกู้เงิน รัฐบาลจะหาเงินจากการจัดเก็บภาษี ควบคู่ไปกับการเร่งส่งเสริมการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยว รัฐบาลจะหาเงินจากการจัดเก็บภาษี ควบคู่ไปกับการเร่งส่งเสริมการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยว

“รัฐบาลขอให้ความเชื่อมั่นแก่รัฐสภาและประชาชนไทยว่า รัฐบาลจะบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตและยึดประโยชน์ส่วนรวมของประชาชน และประเทศเป็นที่ตั้ง รัฐบาลมีความมุ่งมั่นตั้งใจและทุ่มเทสรรพกำลังในการที่จะดำเนินนโยบายเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อน และการยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและคุณภาพชีวิตของประชาชน ควบคู่ไปกับการรักษาสภาพแวดล้อมเพื่อให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีและมีรายได้เพิ่มขึ้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดของผมและรัฐบาลในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนทุกคน และส่งต่ออนาคตที่ดีกว่าให้กับลูกหลานของพวกเรานับจากนี้เป็นต้นไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย        

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย