“สุชาติ” รับได้ถ้าไม่ได้เป็นเสนาบดี

ทำเนียบรัฐบาล 23 ส.ค.-“สุชาติ” ย้ำอยู่กับ “บิ๊กตู่” ไม่ต้องอำลา บุญคุณต้องตอบแทน ไม่ใช่จบกันตรงนี้ ยอมรับมติพรรคหากไร้ชื่อนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ในที่ประชุมครม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้แสดงความยินดีกับว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ด้วยความจริงใจ ส่วนเรื่องโผ ครม.นั้น ตนเองไม่ได้พูดคุยกับนายกฯ และตนจะได้ตำแหน่งอะไรหรือไม่นั้น ยืนยันว่า ยังไม่คิดอะไรทั้งสิ้น

ส่วนบทบาทของตัวนายสุชาติในพรรคจะเป็นอย่างไร นายสุชาติ กล่าวว่า ยังไม่มองถึงขณะนั้น คงต้องดูกันทีละเรื่อง แต่สิ่งที่เห็นเมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา พรรค รทสช.โหวตนายกฯ เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และภายในพรรคถือว่ามีความเป็นหนึ่งเดียวกัน และยังยืนหยัดที่จะทำพรรคการเมืองให้เป็นที่พึ่งพาของประชาชน

ส่วนวันนี้ยังอยู่กับพรรค รทสช.ใช่หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ก็ต้องอยู่ อยู่แล้ว เราทำงานมาด้วยกันและเราสร้างบ้านมาด้วยกัน ส่วนที่เคยบอกว่าใจเป๋นั้น เราก็ต้องเดินหน้าต่อไป เพื่อสร้างพรรคให้แข็งแรงขึ้น และใหญ่ขึ้น

เมื่อถามย้ำว่าพร้อมจะร่วมหัวจมท้ายกับพรรครทสช.ใช่หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า วันนี้มติพรรคเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่มีใครแตกความสามัคคี

ส่วนสัดส่วน 4 เก้าอี้รัฐมนตรีของพรรค รทสช. นายสุชาติ กล่าวว่า ยังไม่ทราบเลยว่าพรรคได้อะไร ตรงไหน เพียงแต่ต้องการให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ ทั้งนี้ หากประกาศรายชื่อบุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรีในส่วนของพรรคแล้ว ไม่มีชื่อ จะทำให้ผิดหวังจนต้องออกจากพรรคหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า เราต้องยอมรับและต้องเคารพกติกา ไม่ได้ยึดติดตรงนี้ เราแค่คิดว่าจะทำงานเพื่อให้ประเทศชาติบ้านเมืองเดินไปด้วยกันได้ และมีอุดมการณ์เดียวกัน

เมื่อถามย้ำว่าการพิจารณาเก้าอี้รัฐมนตรีภายใน พรรคจะพิจารณาอย่างไร นายสุชาติ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดถึงประเด็นนี้  ต้องรอดูความชัดเจน ว่าเมื่อขั้นตอนการเรียกนายกฯ จบแล้วขั้นตอนต่อไป ในเรื่องต่างๆ ก็คงต้องรอให้จบก่อนแล้วค่อยคิดถึงแนวทาง ของพรรคว่าจะเป็นไปในแนวทางแบบไหนอย่างไร รวมถึงโครงสร้างและมติของพรรคว่าจะเป็นอย่างไร

เมื่อถามว่าอำลานายกฯ หรือไม่ นายสุชาติ หัวเราะ พร้อมระบุว่า “แหม จะอำลาอะไรกัน ผมก็อยู่กับนายกฯ อยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าเราจะจบกันตรงนี้ แล้วจะไปไหนท่านมีบุญคุณกับเรา เราก็ต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณกันอยู่แล้ว เรารู้ว่าใครคือคนที่ให้โอกาสเราในห้วงเวลาที่ผ่านมา”.-สำนักข่าวไทย