มั่นใจโหวตนายกฯ พท.ม้วนเดียวจบ

เพื่อไทย 15 ส.ค.- “ภูมิธรรม” มั่นใจไม่เกินต้นเดือน ก.ย. ตั้งรัฐบาลสำเร็จ ขอบคุณ “ชัยธวัช” ห่วงเพื่อไทย ลั่นไม่มีใครรู้ดีเท่า พท. โต้ “ศิธา” พูดไปเรื่อยเพราะผิดหวัง เมิน “ชูวิทย์” แฉ “เศรษฐา” ภาค 2 เชื่อโหวตม้วนเดียวจบ


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล ว่า แนวโน้มจากการพูดคุยและทิศทางพบว่า พรรคการเมืองต่าง ๆ ยกเว้น 2-3 พรรคที่มองว่าขณะนี้เป็นวิกฤติของประเทศจริงๆ ซึ่งได้ไตร่ตรองพรรคการเมืองต่างๆ ที่จะมาร่วมกันแก้วิกฤติ และผลักดันเรื่องต่างๆ ซึ่งค่อนข้างมั่นใจว่าเสียงของเราสามารถเป็นรัฐบาลที่มีความเข้มแข็งได้ ทั้งนี้ หากประธานรัฐสภานัดวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อไหร่นั้น เราก็พร้อม และเชื่อว่าภายใต้กติกาที่มีข้อจำกัด เราจะผ่านไปได้ และครั้งเดียวน่าจะจบ

ส่วนที่มีการตั้งคำถามว่า หากพรรคพลังประชารัฐมาโหวตให้พรรคเพื่อไทย ภาพที่ออกมาจะเป็นลักษณะอย่างไรนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องการจะจับมือยังไม่ใช่สาระสำคัญ สิ่งสำคัญคือ มีความเข้าใจกัน สามารถที่จะใช้แนวทางในการบริหารประเทศ เพื่อแก้ 3 วิกฤติที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐได้แสดงจุดยืนว่าจะเข้าร่วม โดยไม่คำนึงว่าจะต้องมีตำแหน่งอะไร ถือเป็นคุณสมบัติขั้นต้นที่เคยพูดไปว่ายินดีที่จะร่วมกับทุกพรรค เห็นชอบที่จะเสนอพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และเสนอนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี


ขณะที่ขั้วรัฐบาลเดิมที่จะมาร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยขณะนี้ มีกระแสข่าวว่าได้ยื่นเสนอให้แบ่งกระทรวงกันให้ชัดเจนก่อนเลือกนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม กล่าวว่า เท่าที่พูดคุยกันไม่มีปัญหา ตนเองไม่ทราบว่าไปได้ยินมาจากที่ไหน พร้อมยืนยันว่า เราสร้างความมั่นใจที่ชัดเจนให้เกิดขึ้น ซึ่งต้องดูว่าจะทำอย่างไร แต่ทั้งหมดต้องร่วมมือกัน พร้อมยืนยันไม่มีปัญหาอย่างที่ถามแน่นอน รวมถึงเราไม่กังวลในเรื่องเหล่านี้

เมื่อถามย้ำว่า ตำแหน่งในแต่ละกระทรวงยังไม่ใช่สิ่งที่พรรคร่วมยื่นข้อเสนอมาตามที่มีกระแสข่าวใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหา สิ่งที่ได้พูดคุยกันถือเป็นเรื่องธรรมดาที่แต่ละพรรคการเมืองจะบอกว่ามีความถนัด ความเชี่ยวชาญ รวมถึงมีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร ซึ่งถือเป็นการพูดคุยเบื้องต้น แต่เราได้บอกไปแล้วว่า จะเลือกนายกรัฐมนตรีจากพรรคแกนนำให้สำเร็จก่อน จากนั้นจะมาพูดคุยกัน พร้อมย้ำว่า เราไม่ได้แย่งกันในเรื่องนี้ แต่จะต้องพูดคุยกันว่าใครมีความเหมาะสมอย่างไร หากวันที่ 18 หรือ 21 สิงหาคมนี้ ที่คาดว่าจะเลือกนายกรัฐมนตรี หากเลือกได้เลยก็จะประชุมร่วมตกลงกัน และสามารถตั้งรัฐบาลได้ในเร็ววัน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การประชุม สส.ของพรรค วันนี้ (15 ส.ค.) จะมีการเปิดโอกาสให้ สส.ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องการที่จะนำเสียงของพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ มาโหวตนายกฯ ให้หรือไม่ เนื่องจากมี สส.บางคนรู้สึกไม่พอใจในเรื่องการดึงพรรค 2 ลุงมาร่วมด้วย นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนไม่ได้ยินเรื่องนี้ ซึ่ง สส.ทุกคนก็ให้กำลังใจทีมเจรจา ในการเดินหน้าทำงาน ที่อยู่ภายใต้ข้อจำกัด เนื่องจากตัวเลขที่ออกมาไม่ตรงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่วนปัญหาของประเทศขณะนี้ก็ไม่สามารถรอได้ ทั้งที่สะสมและปัญหาใหม่ที่เข้ามา จึงจำเป็นจะต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้โดยเร็ว พร้อมยอมรับว่า ตัวเลขทางคณิตศาสตร์ที่ออกมาก่อนหน้านี้ เป็นความยากลำบากในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะฝ่ายประชาธิปไตยจะจัดการหรือผสมกันอย่างไรก็ไม่ผ่าน เพราะทุกฝ่ายแสดงท่าทีชัดเจน


นายภูมิธรรม กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจึงตัดสินใจสลายความขัดแย้ง แม้จะมีความยากลำบากและความเจ็บปวดของการเปลี่ยนแปลง ซึ่งวันนี้เพื่อไทยขออาสาเป็นหินก้อนแรกในการสร้างทางใหม่ ขยายความร่วมมือเเละลดความขัดแย้ง วันนี้จึงเชื่อว่าความร่วมมือทางการเมือง มาช่วยกันแก้ปัญหาจะเป็นทางออกที่ทำให้ศาสตร์การเมืองต่างๆ สามารถร่วมงานได้ และตนเชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นบรรทัดฐานให้เราสามารถฝ่าวิกฤติที่สะสมมาเกือบ 20 ปีได้ โดยเมื่อตัดสินใจแล้วก็พร้อมจะเดินไปข้างหน้า แก้ไขปัญหาประเทศไทยภายใต้เงื่อนไขที่มีอยู่ ต้องคิดใหญ่ ใจใหญ่ บนเส้นทางที่คับแคบ ต้องฝ่าไปให้ได้ ทั้งหมดอยู่ในสายตาประชาชน หากตัดใจผิดพลาดก็พร้อมจะรับผิดชอบ

เมื่อถามว่า จะต้องกำชับกับ สส. อธิบายให้สังคมเข้าใจในพื้นที่เรื่องนี้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ได้ทำความเข้าใจ สส.ไปแล้ว ซึ่งมีการรายงานความคืบหน้ามาอย่างต่อเนื่อง และจากการฟังเสียงสะท้อนก็ไม่มีอะไรเป็นลบมาก วันนี้ที่มีการประชุม สส. ก็จะมีการสรุปสถานการณ์ให้ทราบ เพราะการเมืองเปลี่ยนทุกชั่วโมง วันนี้เพื่อไทยได้แสดงความพร้อม และทำให้เห็นแล้วว่ามีโอกาสที่จะเป็นรัฐบาล และมีนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเสียงขณะนี้มีแนวโน้มเกิน 250 และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เชื่อว่าเพื่อไทยจะสามารถตั้งรัฐบาลได้ภายในไม่กี่วัน และนำนโยบายต่างๆ ของพรรคร่วมมาพูดคุยกันว่า นโยบายหลักของรัฐบาลจะเป็นอย่างไร เพราะหากยิ่งช้าก็จะยิ่งทำงานยาก ซึ่งหากเป็นไปตามแผน ปลายเดือนสิงหาคม หรือต้นเดือนกันยายนนี้ ก็จะได้รัฐบาลมาบริหารประเทศ

เมื่อถามถึงกรณีนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แสดงความเป็นห่วงว่า พรรคเพื่อไทยกำลังถูกบีบจากพรรคร่วมรัฐบาลเดิม โดยเฉพาะการต่อรองตำแหน่ง ครม. นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนขอบคุณนายชัยธวัช ที่เป็นห่วง แต่ใครจะรู้ดีเท่าพรรคเพื่อไทย วันนี้เพื่อไทยสบายๆ เพราะเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ก็เลยทำให้มีการพูดคุยได้ง่าย ไม่ได้ใช้วิธีเดิมที่ก้าวไกลเคยทำ เพราะรู้ว่าเส้นทางนั้นเป็นทางที่ยากลำบากและเป็นทางตัน จึงต้องหันมาหาทางใหม่ แม้จะคับแคบ และมีอุปสรรค แต่ด้วยการคิดที่ใจใหญ่ของเพื่อไทย

“อยากให้ทุกฝ่ายเคารพความเป็นพรรคการเมือง ซึ่งมีฐานประชาชนมาจากหลายสาขาวิชาชีพ ทำให้สามารถฝ่าฟันมาจนถึงทุกวันนี้ วันนี้ได้คิดหลายเรื่อง ซึ่งคิดว่าเป็นทางออกที่ดี จึงอยากให้ประชาชนมั่นใจว่า ความเดือดร้อนทุกอย่างที่กำลังเผชิญอยู่ เรากำลังแก้ปัญหา ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ๆ ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ถือว่าเป็นหัวใจของปัญหาเช่นเดียวกัน แม้ไม่สามารถแก้ได้เร็ว ๆ วัน แต่ต้องเข้าสู่กระบวนการ เพื่อเปิดประตูบานแรกให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ซึ่งทุกอย่างมีการวางกรอบเวลาทั้งระยะสั้น กลาง และระยะยาว” นายภูมิธรรม กล่าว

ส่วนกรณีที่มี สว.บางคนเรียกร้องให้นายเศรษฐา แสดงวิสัยทัศน์ในวันโหวตนายกรัฐมนตรีนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ระเบียบปฏิบัติของรัฐสภา ซึ่งเคยปฏิบัติมาอย่างไรก็ให้ทำไปตามนั้น หากรัฐสภากำหนดให้ทำ เพื่อไทยก็ยินดี

เมื่อถามถึงเสียงสนับสนุนจาก สว.ขณะนี้ นายภูมิธรรม มั่นใจว่า ได้มากกว่าที่เคยได้มาทุกครั้งแน่นอน เพราะจากการพูดคุย ก็บอกชัดเจนว่า เพื่อไทยมีวุฒิภาวะในการประสานแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศ ซึ่งถือว่ามาในทิศทางที่ดี ส่วนจะมากกว่าร้อยเสียงหรือไม่ ตนตอบไม่ได้ เพราะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ สว.แต่คน

เมื่อถามว่า หากท้ายที่สุดชื่อนายเศรษฐาไปต่อไม่ได้ ชื่ออาจจะไปตกที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จำเป็นต้องปรับแผนรับสถานการณ์หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราไม่เชื่ออย่างนั้น แต่เชื่อว่าโหวตครั้งเดียวผ่าน ขออย่ากังวลใจในเรื่องนี้ เราทำอย่างเต็มที่ และรู้ว่าพรรคการเมืองอันดับ 1 ได้ทำอะไร และประสบปัญหาอะไร ซึ่งเราได้แก้ปัญหานั้น และได้ใช้ความพยายามจนสุดความสามารถในการแจ้งพรรคการเมืองทุกพรรคที่จะร่วมมือกับเรา รวมถึง สว. พร้อมย้ำว่า ในเรื่องรายละเอียดไม่มีปัญหาอะไร แต่ขณะนี้ต้องระมัดระวังข่าวลือ การคาดการณ์ บางครั้งอาจเป็นข้อมูลให้ได้คิด แต่อย่าไปเอาใจใส่และคิดเรื่องนี้มากนัก เพราะอาจจะเป็นข้อมูลที่ไม่มีข้อเท็จจริง และอาจสร้างความสับสนได้

ส่วนกรณีที่ น.ต.ศิธา ทิวารี แกนนำพรรคไทยสร้างไทย แสดงความคิดเห็นถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่สุดท้ายชื่อจะไปตกที่ พล.อ.ประวิตร นายภูมิธรรม กล่าวว่า เขาก็พูดอยู่ได้เรื่อยๆ วิพากษ์วิจารณ์ คาดการณ์กันไป ซึ่ง 1-2 เดือนนี้ ทุกอย่างจะชัดเจน และจะตอบว่าใครอยู่บนความเป็นจริง และใครมีแต่คัดค้าน พูดจาไปเรื่อย แต่เรายินดีที่จะรับฟัง บางคนเราทราบว่า มันไม่เป็นไปตามความคาดหวัง หรือแนวคิดของเขา ทำให้เขาอาจจะหงุดหงิดบ้าง และย้ำว่า พร้อมรับฟังความคิดเห็น ไม่ว่าจะสนับสนุนหรือคัดค้าน

ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จะออกมาแฉนายเศรษฐา ต่อเป็นตอนที่ 2 ในช่วงบ่ายวันนี้ (15 ส.ค.) จะส่งผลต่อการโหวตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องทราบและรู้จักนายชูวิทย์ ว่า เขาเป็นนักการตลาดที่สำคัญ ทำเรื่องราวต่าง ๆ ให้ตื่นเต้นตลอด แต่ผลที่ผ่านมาในอดีตเป็นอย่างไรก็พิจารณากันเอง ซึ่งเชื่อว่าประชาชนมีวิจารณญาณ.-สำนักข่าวไทย        

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” นำคณะทูตดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูต 33 ประเทศ ดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ เตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง ให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ หลังจากฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวมที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ รวม 33 ประเทศ ขึ้นไปสำรวจพื้นที่และดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ ที่อยู่ใกล้แนวปราสาทพระวิหาร เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่ขึ้นภูมะเขือ งดถ่ายภาพติดพื้นที่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ระหว่างทางขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ถูกสะเก็ดเสียหายอีก 2 หลัง โดยจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายด้วย เพื่อให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ.-สำนักข่าวไทย

เก๋งแต่งซิ่ง เสียหลักพุ่งชนยับ 10 คันรวดบนทางด่วน

กทม. 16 ส.ค.-เก๋งแต่งซิ่งประลองความเร็ว เสียหลักพุ่งชนกันยับ 10 คันรวดบนทางด่วนมุ่งหน้าบางปะอิน เจ้าของรถบีเอ็ม เล่านาทีถูกชน เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันจำนวนหลายคัน บนทางด่วนช่วงทางขึ้นเมืองทองธานี มุ่งหน้าบางปะอิน โดยภาพจากกล้องหน้ารถยนต์คันหนึ่งบันทึกภาพเวลา 00.59 น.วันนี้ (16 ส.ค.68) รถเก๋งสีขาวจำนวน 3 คัน ขับตามกันมาด้วยความเร็วก่อนเกิดการชนกัน ทำให้รถเสียหลักหมุน ก่อนจะถูกรถเก๋งที่ขับตามมาพุ่งชนซ้ำอีกหลายคัน บางคันเกือบตกทางด่วน หลังตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี รับแจ้งเหตุ จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยการทางพิเศษ เร่งตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถเก๋งแต่งซิ่งประมาณ 10 คัน บางคันเป็นรถหรูราคาแพง ได้รับความเสียหายยับเยิน กีดขวางทั้ง 2 ช่องจราจร มีเศษชิ้นส่วนของรถยนต์ที่แตกและหลุดกระจายเต็มพื้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรปากเกร็ดและเจ้าหน้าที่กู้ภัยการทางพิเศษได้ประสานรถยกเร่งเคลื่อนย้ายรถที่เสียหายออกพร้อมทำความสะอาดคราบน้ำมันและชิ้นส่วนรถยนต์ เพื่อเปิดการจราจรใช้เวลากว่า 3 ชม. จากการสอบถาม นายอชิตพล อายุ 29 ปี เจ้าของรถยนต์บีเอ็ม ที่ถูกชนกล่าวว่า ตนขับรถไปรับแฟนมาจากที่ทำงาน เพื่อจะเดินทางกลับบ้านย่านธรรมศาสตร์รังสิต ขณะที่ขับรถอยู่ในช่องทางขวา เห็นรถเก๋งสีขาวที่ขับตามมาด้วยความเร็ว ตนจะเปลี่ยนเลนหลบไปในช่องทางซ้าย แต่ก็ถูกรถเก๋งคันดังกล่าวพุ่งชนท้ายก่อนที่รถจะเสียหลักหมุน เป็นจังหวะเดียวกันกับรถอีกคันที่ขับตามกันมาด้วยความเร็วพุ่งชนซ้ำอีกครั้ง […]

‘ทรัมป์’ – ‘ปูติน’ หารือไร้ข้อสรุปเรื่องยุติสงครามในยูเครน

แองเคอเรจ, อะแลสกา 15 ส.ค. – การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ซึ่งทั่วโลกต่างเฝ้ารอคอย ได้สิ้นสุดลงโดยไม่มีข้อตกลงใด ๆ เพื่อยุติหรือพักรบสงครามในยูเครน แม้ว่าผู้นำทั้งสองจะกล่าวว่าการพูดคุยเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ก็ตาม หลังจากการประชุมยาวนานเกือบ 3 ชั่วโมง ในอะแลสกา ผู้นำทั้งสองได้ปรากฏตัวต่อหน้าสื่อเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ โดยระบุว่ามีความคืบหน้าในประเด็นต่าง ๆ ที่ไม่ได้ระบุรายละเอียด แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมใด ๆ และไม่เปิดโอกาสให้ตั้งคำถาม นายทรัมป์ซึ่งปกติเป็นคนช่างพูด กลับเพิกเฉยต่อคำถามที่นักข่าวตะโกนถาม นายทรัมป์กล่าวว่า มีความคืบหน้าบ้าง แต่จะยังไม่มีข้อตกลงใด ๆ จนกว่าจะมีการทำข้อตกลง ดูเหมือนว่าการพูดคุยครั้งนี้จะไม่ได้นำไปสู่การดำเนินการที่มีความหมายเพื่อหยุดยิงในความขัดแย้งที่นองเลือดที่สุดในยุโรปในรอบ 80 ปี ซึ่งเป็นเป้าหมายที่นายทรัมป์ได้ตั้งไว้ก่อนการประชุม แต่เพียงแค่การได้นั่งพูดคุยแบบตัวต่อตัวกับประธานาธิบดีสหรัฐ ก็ถือเป็นชัยชนะสำหรับนายปูตินแล้ว หลังจากเขาถูกผู้นำชาติตะวันตกกีดกันมาโดยตลอดนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเต็มรูปแบบในปี 2022 หลังการประชุมสุดยอด นายทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับฟอกซ์นิวส์ ว่าเขาจะชะลอการกำหนดภาษีนำเข้ากับจีนสำหรับการซื้อน้ำมันรัสเซีย หลังจากที่การเจรจากับนายปูตินมีความคืบหน้า นายทรัมป์ยังเคยขู่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย แต่จนถึงขณะนี้เขายังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ แม้ว่านายปูตินจะเพิกเฉยต่อเส้นตายหยุดยิงที่นายทรัมป์กำหนดไว้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ในการให้สัมภาษณ์กับฟอกซ์ นิวส์ นายทรัมป์ยังได้เสนอแนะว่าจะมีการจัดการประชุมระหว่างนายปูตินและประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี […]

กต. นำคณะทูตรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา 33 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ

กทม. 16 ส.ค.-กต. นำคณะทูตรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา 33 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ สำรวจความเสียหายการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชา นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ลงพื้นที่จ.ศรีษะเกษ เพื่อชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทย โดยมีคณะทูตและผู้แทน จำนวน 36 คน แบ่งเป็น 33 ประเทศ 1 องค์กร 2 องค์การระหว่างประเทศ สื่อมวลชนไทยและสื่อต่างประเทศ เข้าร่วม ทั้งนี้ ก่อนออกเดินทางกระทรวการต่างประเทศได้บรรยายข้อมูลเบื้องต้นให้คณะได้รับทราบ โดยนายมาริษ กล่าวกับคณะทูต ว่า ขอบคุณที่ร่วมเดินทาง และหวังว่าทุกท่านจะได้รับข้อมูลด้วยตาตัวเองถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะเดินทางออกไปยัง จ.ศรีสะเกษ โดยจุดแรกจะนำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาเดินทางไปโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษณ์ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปจากกองทัพบก กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย จากนั้นจะนำคณะทูตและสื่อมวลชนขึ้นไปภูมะเขือ และฐานปฏิบัติการ เพื่อดูภูมิประเทศ เยี่ยมชมการเก็บกู้ทุนระเบิดของหน่วยปฏิบัติการด้านทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่ภูมะเขือ สำรวจความเสียหายที่เกิดจากการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชา.-316.-สำนักข่าวไทย