มั่นใจโหวตนายกฯ พท.ม้วนเดียวจบ

เพื่อไทย 15 ส.ค.- “ภูมิธรรม” มั่นใจไม่เกินต้นเดือน ก.ย. ตั้งรัฐบาลสำเร็จ ขอบคุณ “ชัยธวัช” ห่วงเพื่อไทย ลั่นไม่มีใครรู้ดีเท่า พท. โต้ “ศิธา” พูดไปเรื่อยเพราะผิดหวัง เมิน “ชูวิทย์” แฉ “เศรษฐา” ภาค 2 เชื่อโหวตม้วนเดียวจบ


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล ว่า แนวโน้มจากการพูดคุยและทิศทางพบว่า พรรคการเมืองต่าง ๆ ยกเว้น 2-3 พรรคที่มองว่าขณะนี้เป็นวิกฤติของประเทศจริงๆ ซึ่งได้ไตร่ตรองพรรคการเมืองต่างๆ ที่จะมาร่วมกันแก้วิกฤติ และผลักดันเรื่องต่างๆ ซึ่งค่อนข้างมั่นใจว่าเสียงของเราสามารถเป็นรัฐบาลที่มีความเข้มแข็งได้ ทั้งนี้ หากประธานรัฐสภานัดวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อไหร่นั้น เราก็พร้อม และเชื่อว่าภายใต้กติกาที่มีข้อจำกัด เราจะผ่านไปได้ และครั้งเดียวน่าจะจบ

ส่วนที่มีการตั้งคำถามว่า หากพรรคพลังประชารัฐมาโหวตให้พรรคเพื่อไทย ภาพที่ออกมาจะเป็นลักษณะอย่างไรนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องการจะจับมือยังไม่ใช่สาระสำคัญ สิ่งสำคัญคือ มีความเข้าใจกัน สามารถที่จะใช้แนวทางในการบริหารประเทศ เพื่อแก้ 3 วิกฤติที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐได้แสดงจุดยืนว่าจะเข้าร่วม โดยไม่คำนึงว่าจะต้องมีตำแหน่งอะไร ถือเป็นคุณสมบัติขั้นต้นที่เคยพูดไปว่ายินดีที่จะร่วมกับทุกพรรค เห็นชอบที่จะเสนอพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และเสนอนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี


ขณะที่ขั้วรัฐบาลเดิมที่จะมาร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยขณะนี้ มีกระแสข่าวว่าได้ยื่นเสนอให้แบ่งกระทรวงกันให้ชัดเจนก่อนเลือกนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม กล่าวว่า เท่าที่พูดคุยกันไม่มีปัญหา ตนเองไม่ทราบว่าไปได้ยินมาจากที่ไหน พร้อมยืนยันว่า เราสร้างความมั่นใจที่ชัดเจนให้เกิดขึ้น ซึ่งต้องดูว่าจะทำอย่างไร แต่ทั้งหมดต้องร่วมมือกัน พร้อมยืนยันไม่มีปัญหาอย่างที่ถามแน่นอน รวมถึงเราไม่กังวลในเรื่องเหล่านี้

เมื่อถามย้ำว่า ตำแหน่งในแต่ละกระทรวงยังไม่ใช่สิ่งที่พรรคร่วมยื่นข้อเสนอมาตามที่มีกระแสข่าวใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหา สิ่งที่ได้พูดคุยกันถือเป็นเรื่องธรรมดาที่แต่ละพรรคการเมืองจะบอกว่ามีความถนัด ความเชี่ยวชาญ รวมถึงมีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร ซึ่งถือเป็นการพูดคุยเบื้องต้น แต่เราได้บอกไปแล้วว่า จะเลือกนายกรัฐมนตรีจากพรรคแกนนำให้สำเร็จก่อน จากนั้นจะมาพูดคุยกัน พร้อมย้ำว่า เราไม่ได้แย่งกันในเรื่องนี้ แต่จะต้องพูดคุยกันว่าใครมีความเหมาะสมอย่างไร หากวันที่ 18 หรือ 21 สิงหาคมนี้ ที่คาดว่าจะเลือกนายกรัฐมนตรี หากเลือกได้เลยก็จะประชุมร่วมตกลงกัน และสามารถตั้งรัฐบาลได้ในเร็ววัน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การประชุม สส.ของพรรค วันนี้ (15 ส.ค.) จะมีการเปิดโอกาสให้ สส.ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องการที่จะนำเสียงของพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ มาโหวตนายกฯ ให้หรือไม่ เนื่องจากมี สส.บางคนรู้สึกไม่พอใจในเรื่องการดึงพรรค 2 ลุงมาร่วมด้วย นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนไม่ได้ยินเรื่องนี้ ซึ่ง สส.ทุกคนก็ให้กำลังใจทีมเจรจา ในการเดินหน้าทำงาน ที่อยู่ภายใต้ข้อจำกัด เนื่องจากตัวเลขที่ออกมาไม่ตรงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่วนปัญหาของประเทศขณะนี้ก็ไม่สามารถรอได้ ทั้งที่สะสมและปัญหาใหม่ที่เข้ามา จึงจำเป็นจะต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้โดยเร็ว พร้อมยอมรับว่า ตัวเลขทางคณิตศาสตร์ที่ออกมาก่อนหน้านี้ เป็นความยากลำบากในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะฝ่ายประชาธิปไตยจะจัดการหรือผสมกันอย่างไรก็ไม่ผ่าน เพราะทุกฝ่ายแสดงท่าทีชัดเจน


นายภูมิธรรม กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจึงตัดสินใจสลายความขัดแย้ง แม้จะมีความยากลำบากและความเจ็บปวดของการเปลี่ยนแปลง ซึ่งวันนี้เพื่อไทยขออาสาเป็นหินก้อนแรกในการสร้างทางใหม่ ขยายความร่วมมือเเละลดความขัดแย้ง วันนี้จึงเชื่อว่าความร่วมมือทางการเมือง มาช่วยกันแก้ปัญหาจะเป็นทางออกที่ทำให้ศาสตร์การเมืองต่างๆ สามารถร่วมงานได้ และตนเชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นบรรทัดฐานให้เราสามารถฝ่าวิกฤติที่สะสมมาเกือบ 20 ปีได้ โดยเมื่อตัดสินใจแล้วก็พร้อมจะเดินไปข้างหน้า แก้ไขปัญหาประเทศไทยภายใต้เงื่อนไขที่มีอยู่ ต้องคิดใหญ่ ใจใหญ่ บนเส้นทางที่คับแคบ ต้องฝ่าไปให้ได้ ทั้งหมดอยู่ในสายตาประชาชน หากตัดใจผิดพลาดก็พร้อมจะรับผิดชอบ

เมื่อถามว่า จะต้องกำชับกับ สส. อธิบายให้สังคมเข้าใจในพื้นที่เรื่องนี้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ได้ทำความเข้าใจ สส.ไปแล้ว ซึ่งมีการรายงานความคืบหน้ามาอย่างต่อเนื่อง และจากการฟังเสียงสะท้อนก็ไม่มีอะไรเป็นลบมาก วันนี้ที่มีการประชุม สส. ก็จะมีการสรุปสถานการณ์ให้ทราบ เพราะการเมืองเปลี่ยนทุกชั่วโมง วันนี้เพื่อไทยได้แสดงความพร้อม และทำให้เห็นแล้วว่ามีโอกาสที่จะเป็นรัฐบาล และมีนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเสียงขณะนี้มีแนวโน้มเกิน 250 และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เชื่อว่าเพื่อไทยจะสามารถตั้งรัฐบาลได้ภายในไม่กี่วัน และนำนโยบายต่างๆ ของพรรคร่วมมาพูดคุยกันว่า นโยบายหลักของรัฐบาลจะเป็นอย่างไร เพราะหากยิ่งช้าก็จะยิ่งทำงานยาก ซึ่งหากเป็นไปตามแผน ปลายเดือนสิงหาคม หรือต้นเดือนกันยายนนี้ ก็จะได้รัฐบาลมาบริหารประเทศ

เมื่อถามถึงกรณีนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แสดงความเป็นห่วงว่า พรรคเพื่อไทยกำลังถูกบีบจากพรรคร่วมรัฐบาลเดิม โดยเฉพาะการต่อรองตำแหน่ง ครม. นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนขอบคุณนายชัยธวัช ที่เป็นห่วง แต่ใครจะรู้ดีเท่าพรรคเพื่อไทย วันนี้เพื่อไทยสบายๆ เพราะเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ก็เลยทำให้มีการพูดคุยได้ง่าย ไม่ได้ใช้วิธีเดิมที่ก้าวไกลเคยทำ เพราะรู้ว่าเส้นทางนั้นเป็นทางที่ยากลำบากและเป็นทางตัน จึงต้องหันมาหาทางใหม่ แม้จะคับแคบ และมีอุปสรรค แต่ด้วยการคิดที่ใจใหญ่ของเพื่อไทย

“อยากให้ทุกฝ่ายเคารพความเป็นพรรคการเมือง ซึ่งมีฐานประชาชนมาจากหลายสาขาวิชาชีพ ทำให้สามารถฝ่าฟันมาจนถึงทุกวันนี้ วันนี้ได้คิดหลายเรื่อง ซึ่งคิดว่าเป็นทางออกที่ดี จึงอยากให้ประชาชนมั่นใจว่า ความเดือดร้อนทุกอย่างที่กำลังเผชิญอยู่ เรากำลังแก้ปัญหา ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ๆ ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ถือว่าเป็นหัวใจของปัญหาเช่นเดียวกัน แม้ไม่สามารถแก้ได้เร็ว ๆ วัน แต่ต้องเข้าสู่กระบวนการ เพื่อเปิดประตูบานแรกให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ซึ่งทุกอย่างมีการวางกรอบเวลาทั้งระยะสั้น กลาง และระยะยาว” นายภูมิธรรม กล่าว

ส่วนกรณีที่มี สว.บางคนเรียกร้องให้นายเศรษฐา แสดงวิสัยทัศน์ในวันโหวตนายกรัฐมนตรีนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ระเบียบปฏิบัติของรัฐสภา ซึ่งเคยปฏิบัติมาอย่างไรก็ให้ทำไปตามนั้น หากรัฐสภากำหนดให้ทำ เพื่อไทยก็ยินดี

เมื่อถามถึงเสียงสนับสนุนจาก สว.ขณะนี้ นายภูมิธรรม มั่นใจว่า ได้มากกว่าที่เคยได้มาทุกครั้งแน่นอน เพราะจากการพูดคุย ก็บอกชัดเจนว่า เพื่อไทยมีวุฒิภาวะในการประสานแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศ ซึ่งถือว่ามาในทิศทางที่ดี ส่วนจะมากกว่าร้อยเสียงหรือไม่ ตนตอบไม่ได้ เพราะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ สว.แต่คน

เมื่อถามว่า หากท้ายที่สุดชื่อนายเศรษฐาไปต่อไม่ได้ ชื่ออาจจะไปตกที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จำเป็นต้องปรับแผนรับสถานการณ์หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราไม่เชื่ออย่างนั้น แต่เชื่อว่าโหวตครั้งเดียวผ่าน ขออย่ากังวลใจในเรื่องนี้ เราทำอย่างเต็มที่ และรู้ว่าพรรคการเมืองอันดับ 1 ได้ทำอะไร และประสบปัญหาอะไร ซึ่งเราได้แก้ปัญหานั้น และได้ใช้ความพยายามจนสุดความสามารถในการแจ้งพรรคการเมืองทุกพรรคที่จะร่วมมือกับเรา รวมถึง สว. พร้อมย้ำว่า ในเรื่องรายละเอียดไม่มีปัญหาอะไร แต่ขณะนี้ต้องระมัดระวังข่าวลือ การคาดการณ์ บางครั้งอาจเป็นข้อมูลให้ได้คิด แต่อย่าไปเอาใจใส่และคิดเรื่องนี้มากนัก เพราะอาจจะเป็นข้อมูลที่ไม่มีข้อเท็จจริง และอาจสร้างความสับสนได้

ส่วนกรณีที่ น.ต.ศิธา ทิวารี แกนนำพรรคไทยสร้างไทย แสดงความคิดเห็นถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่สุดท้ายชื่อจะไปตกที่ พล.อ.ประวิตร นายภูมิธรรม กล่าวว่า เขาก็พูดอยู่ได้เรื่อยๆ วิพากษ์วิจารณ์ คาดการณ์กันไป ซึ่ง 1-2 เดือนนี้ ทุกอย่างจะชัดเจน และจะตอบว่าใครอยู่บนความเป็นจริง และใครมีแต่คัดค้าน พูดจาไปเรื่อย แต่เรายินดีที่จะรับฟัง บางคนเราทราบว่า มันไม่เป็นไปตามความคาดหวัง หรือแนวคิดของเขา ทำให้เขาอาจจะหงุดหงิดบ้าง และย้ำว่า พร้อมรับฟังความคิดเห็น ไม่ว่าจะสนับสนุนหรือคัดค้าน

ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จะออกมาแฉนายเศรษฐา ต่อเป็นตอนที่ 2 ในช่วงบ่ายวันนี้ (15 ส.ค.) จะส่งผลต่อการโหวตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องทราบและรู้จักนายชูวิทย์ ว่า เขาเป็นนักการตลาดที่สำคัญ ทำเรื่องราวต่าง ๆ ให้ตื่นเต้นตลอด แต่ผลที่ผ่านมาในอดีตเป็นอย่างไรก็พิจารณากันเอง ซึ่งเชื่อว่าประชาชนมีวิจารณญาณ.-สำนักข่าวไทย        

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศิริโชค” เชื่อรถถูกเผาโยงการเมือง ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้าย

6 ก.ค.- “ศิริโชค” ฟันธงเหตุรถยนต์ถูกลอบวางเพลิงมาจากเรื่องการเมือง ด้านตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้าย ส่วนบริษัทเจ้าของรถออกหนังสือชี้แจงสาเหตุไฟไหม้ ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้ รถ GWM HAVAL H6 PHEV ของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อช่วงตี 3 วานนี้ (5ก.ค.68) ทำให้รถเสียหายทั้งคันและได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.นาทวี เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นความบกพร่องของรถหรือลอบวางเพลิง ล่าสุดในทางคดีมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เป็นการจงใจลอบวางเพลิง โดยหลังจากที่วานนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาทวี และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ ปรากฏว่าพบมียางรถยนต์จำนวน 6 เส้นถูกเผาเหลือแต่เส้นใยเหล็ก พร้อมด้วยตับสิเหรงที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟเพื่อทำการเผารถยนต์คันนี้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือความบกพร่องของรถแต่อย่างใด ด้านนายศิริโชค เปิดเผยว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการวางเพลิงโดยใช้ยางรถยนต์ ตับสิเหรง และใช้น้ำมันเบนซินราด จากที่ตนสังเกตแม้ว่าทางศูนย์หลักฐานจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าดูจากรูปการแล้วพุ่งเป้าไปที่คนวางเพลิง ไม่ใช่ความบกพร่องของรถ แต่มีความตั้งใจที่จะให้เป็นความบกพร่องของรถเพราะเป็นรถไฟฟ้า แต่สุดท้ายจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ไปที่การวางเพลิง มองว่ามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงหรือเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครไม่ได้ทำธุรกิจในพื้นที่ ไม่มีเรื่องชู้สาว สิ่งที่เดียวที่มีคือการเป็นนักการเมือง […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

น้ำโขงใกล้แตะ 9 เมตร สทนช.เตือนเฝ้าระวัง

บึงกาฬ 6 ก.ค.- “แม่น้ำโขง” ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ใกล้แตะ 9 เมตร สทนช. เตือนเฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง ที่จังหวัดบึงกาฬ เกิดฝนตกติดต่อกันกว่า 2 สัปดาห์ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและ สปป ลาว ตอนบน ประกอบกับ สปป ลาว มีฝนตกลงอย่างต่อเนื่อง และมีมวลน้ำเหนือจากจังหวัดเลย จังหวัดหนองคาย ไหลลงมาสมทบ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเช้าวันนี้ จุดวัดระดับน้ำบ้านพันลำ วัดได้ 8.60 เมตร เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 30 เซนติเมตร แต่ยังอยู่ในระดับปกติ ส่วนที่ประตูระบายน้ำ ข้างสำนักงาน ตม.บึงกาฬ เจ้าหน้าทีเทศบาลได้เปิดประตูระบายน้ำ เพื่อให้น้ำที่สะสมตามท่อระบายน้ำต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองไหลลงสู่แม่น้ำโขง เช่นเดียวกับบริเวณด่านพรมแดนศุลกากร เรือโดยสารขนส่งสินค้าและเรือขนส่งผู้โดยสารไทย-ลาว ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือ เนื่องจากน้ำโขงไหลแรงและมีเศษวัชพืช เศษขยะไหลมากับสายน้ำ พร้อมขยับปรับระดับโป๊ะเทียบท่าให้อยู่ในระดับพอดี และผูกเชือกมัดโยงให้แน่นหนาเพื่อความปลอดภัย ขณะที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม […]