“วิโรจน์” เชื่อก้าวไกลทำงานกับเพื่อไทยได้

พรรคก้าวไกล 7 ส.ค. – “วิโรจน์” บอก “โอกาสมีเสมออย่าไปทิ้งโอกาส” หลังแสดงความรู้สึกให้เพื่อไทยกลับมาจับมือกับก้าวไกลเพื่อ ปชช. มั่นใจทำงานร่วมกันได้ ยกเพลง “ไม่ไหวบอกไหว” เปรียบ พร้อมให้กำลังใจ “เศรษฐา” หลังถูกข้อกังขา เชื่อหากเปลี่ยนตัวเป็น “ชัยเกษม-อุ๊งอิ๊ง” ก็ถูกขั้วอำนาจเก่าหาเรื่องมาอ้างไม่เอาอยู่ดี ขอเพื่อไทยอย่าไปยอมให้ถูกหลอกอีกเลย


นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงประเด็นที่โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า “เดินกลับแค่เสียหน้า ถ้าเดินหน้าจะเสียทุกอย่าง” ว่าเป็นความรู้สึกที่สะท้อนออกมาจากประชาชนจึงได้สะท้อนออกไป ส่วนต้องการจะให้พรรคเพื่อไทยกลับมาจับมือกับพรรคก้าวไกลหรือไม่นั้น ไม่ได้เป็นการกลับมาจับมือกับพรรคก้าวไกล แต่กลับมาอยู่กับฝ่ายประชาชนมากกว่า เพราะฝ่ายที่จะต้องอยู่คือฝ่ายเดียวกันกับประชาชน ซึ่งมองว่าจะเป็นทางออกที่จะปกป้องเสียงของประชาชนได้ และเป็นโอกาสเดียวที่จะฟื้นฟูอุดมการณ์ของประชาธิปไตย เพราะอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน

“เป็นความเห็นส่วนตัวของตน ซึ่งจากการติดตามประวัติศาสตร์ทางการเมืองกันมา ฝ่ายอนุรักษ์นิยม หรือฝ่ายอำนาจนิยม เขาก็เจ้าเล่ห์เพทุบาย และโหดเหี้ยมมากอยู่แล้ว แต่จุดแข็งของฝ่ายอำนาจเก่า คือการรวมตัวกันอย่างเหนียวแน่น และใช้ยุทธวิธีเดิมๆ คือการแบ่งแยกและปกครอง อย่าคิดว่าใครมาจับมือกับใคร แต่ตนคิดว่าถึงเวลาที่เราจะต้องเคารพเสียงของประชาชน และปกป้องเสียงของประชาชนที่เขาอุตส่าห์ไปเลือกตั้งมา บางคนเสียสละเวลาในการทำภารกิจ ลางานเพื่อไปเลือกตั้ง ตนจึงคิดว่าฝ่ายประชาธิปไตยควรจะต้องลืมความรู้สึกแบบปัจเจก เรื่องคิดเล็กคิดน้อยกันบ้าง แต่ในเรื่องขององค์กรทางรัฐธรรมนูญ ถ้ามีความเห็นที่ไม่ตรงกันบ้าง แต่หากมีอุดมการณ์ที่ใกล้เคียงกันจะต้องทำใจให้กว้าง ไม่คิดเล็กคิดน้อยและมองผลประโยชน์ประชาชนเป็นสำคัญ เมื่อไรแตกปุ๊ป จบเลย เพราะฝ่ายโน้นเขาอยากให้แตกกันอยู่แล้ว แล้วถ้าเราเอาเรื่องมาฟื้นฝอยหาตะเข็มมันก็ไม่จบ” นายวิโรจน์กล่าว


นายวิโรจน์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีสิทธิที่จะเดินหน้าหรือถอยหลัง แต่หากเรามองจากภายนอกตามประวัติศาสตร์ทางการเมือง ต้องยอมรับว่าฝ่ายประชาธิปไตยก็ถูกกระทำ และถูกหลอกจากฝ่ายอำนาจเก่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า และฝ่ายอำนาจเก่าเขาไม่เคยแตกแถวกัน ทำเหมือนแตก แต่จริงๆ เป็นการแยกกันตีแล้วกลับมารวมกันเดิน

ส่วนกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เริ่มถูกตั้งข้อกังขาเหมือนที่พรรคก้าวไกลโดนนั้น นายวิโรจน์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ และตนก็ขอให้กำลังใจนายเศรษฐา เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เราเคยคาดการณ์มาก่อน และเราก็เคยพูดเตือนมาแล้ว

“อย่างกรณีของก้าวไกล โดนเรื่อง ม.112 ก็เป็นเพียงข้ออ้าง พอหมดข้ออ้างหนึ่ง ก็หาข้ออ้างสอง พอหมดข้ออ้างสองก็หาข้ออ้างสาม พอเห็นท่าทีของก้าวไกลที่พร้อมจะยืดหนุ่น เปิดใจรับฟัง ก็กลายเป็นว่าอะไรที่เป็นก้าวไกลก็ไม่เอาหมดเลย และนี่แรกๆ ก็บอกไม่มีปัญหา และหลังๆ ก็ค่อยๆ งอกปัญหาออกมาเรื่อยๆ เห็นหรือไม่ว่าฝ่ายนั้นอำมหิตขนาดไหน เราก็แค่บอกว่าอย่าไปยอมให้มันหลอกเลย และประชาชนก็คือคนที่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกนี้มันหลอก เพราะหากดูคอนเมนต์ในโซเชียล หรือเจอประชาชนตามตลาด ก็มักจะบอกว่าอย่าไปเชื่อมันหลอก ยอมเรื่องหนึ่งเดี๋ยวก็หาเรื่องอื่นอีก” นายวิโรจน์กล่าว


ส่วนหากเปลี่ยนเป็นเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ หรือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะมีปัญหาหรือไม่ นายวิโรจน์ บอกว่า เป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่หน้าที่ตน แต่เชื่อเถอะ ต่อให้เปลี่ยนเป็นใคร ฝ่ายโน้นก็หาเรื่องอยู่ดี

“เอาง่าย ๆ ของที่มันไม่ซื้ออยู่แล้ว ต่อให้เปลี่ยนเป็นชิ้นนี้ มันก็ติเอาชิ้นใหม่มาก็หาเรื่องติ ต่อให้บอกว่าถ้าไม่ใช่ชิ้นนี้ยังไงก็เอา ก็หาเรื่องติ สุดท้ายคือใจมันไม่เอา ไม่คิดจะซื้ออยู่แล้ว เพราะมันเตรียมของไว้ในกระเป๋าอยู่แล้ว ดังนั้น อย่าให้มันหลอกดีที่สุด นี่ตนพูดด้วยความหวังดี เพราะเขาหลอกประชาชนมากี่ครั้งกี่หนแล้ว จนประชาชนตอนนี้ไม่ยอมให้หลอกแล้ว”

นายวิโรจน์ ยืนยันว่า เรื่องการแก้ไข 112 ก็ไม่ใช่ประเด็น แต่จริงๆ คือกลัวว่าก้าวไปจะเข้าไปปราบทุจริต เข้าไปแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างที่บิดเบี้ยว หรือกลุ่มทุนผูกขาด กลุ่มทุนอุปถัมภ์ที่กินรวบแล้วกลัวว่าจะเอาเปรียบประชาชนไม่ได้เหมือนเดิม

“เมื่อถึงจังหวะมันก็ต้องฮึบ ต้องลืม เจ็บมันก็ต้อง เคยฟังเพลง ‘ไม่ไหวบอกไหว’ หรือไม่ มันต้องจับมือกันแล้วไปต่อ เพราะนี่ไม่ใช่ปัญหาของนายวิโรจน์ กับนายคนนั้น แต่มันเป็นเรื่องของปัญหาประชาชนเป็นสำคัญ ถ้าอยู่ดีๆ คุณเอาความรู้สึกไม่สบายใจส่วนตัวแล้วมาเป็นอุปสรรคขัดขวาง แล้วทำให้คนที่ได้รับบาดเจ็บคือประชาชนและอุดมการณ์ประชาธิปไตย ก็คงไม่มีประโยชน์” นายวิโรจน์กล่าว

ส่วนหากเพื่อไทยกลับมาจับมือกับก้าวไกลอีกครั้งจะต้องมีเงื่อนไขพิเศษอะไรหรือไม่นายวิโรจน์ กล่าวว่า คงไม่มี แต่ต้องคุยกันว่าโดนแล้วใช่หรือไม่ แล้วจะมารวมมือจับมือสู้ต่อกันยังไง เพราะตนเคยบอกว่าจากเดิมเพื่อไทยก้าวไกล รวมกันได้ 312 เสียง ทำไมดูยากเย็น เพราะไม่ได้สู้กับ 188 เสียง แต่สู่กับ 424 เสียง คือ 188 รวมกับ 236 เสียง คือเสียง สว. แล้วจะเชื่อจริงๆ หรือว่า สว.แต่ละคนมีความเป็นอิสระ ตนมองว่าประชาชนไม่เชื่อ จะต้องมีคนกดปุ่ม ดังนั้น จึงไม่ต้องไปสนใจที่จะคุยกับทีละคน แต่มองว่าจะต้องคุยกับ 2 คนคือ คุยกับ สว. ที่เป็นกลาง 13 คน แต่ก็จะมีอีกกลุ่มซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ ที่เป็น สว.ระบบกดปุ่ม ซึ่งต้องไปคุยกับเจ้าของปุ่ม แล้วจะไปเชื่อเจ้าของปุ่มได้หรือ และคิดว่าเขาจะให้ สว.ในคอนโทรล กดปุ่มให้คุณฟรีๆ โดยที่เขาไม่ได้ร่วมรัฐบาลหรือ คงเป็นไปไม่ได้ โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี

“ตอนนั้นเรามี 312 งัดกับ 424 ยังเหนื่อย ตอนนี้เหลือแค่ 141 อย่าว่าแต่ 424 เลย เจอแค่ 188 ก็หนาวแล้ว ซึ่งตอนนั้น 188 เสียงยังไม่กล้ามาต่อรองยังไม่กล้าหือ เพราะฝ่ายเรายังมี 312 ทำให้ 188 ก็เลยเงียบ แล้วก็ต้องเรียกกองพลหลังม่านเข้ามาเติม 236 เลยมารวมเป็น 424 แต่ตอนนี้เหลือแค่ 141 ทำให้หลังท่านเงียบไปเลย เพราะเจอแค่ 188 เสียงก็ตายแล้ว” นายวิโรจน์กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวว่า หากเพื่อไทยและก้าวไกลกลับมาจับมือกัน ก็คงทำงานด้วยกันได้เพราะเรื่องการทำงานกับเรื่องความรู้สึกเป็นคนละเรื่องกัน และความไม่สบายใจจะลดทอนไปเองตามกาลเวลา และการทำงานที่มันราบรื่นหากอุดมการณ์ใกล้เคียงกัน เพราะฉะนั้นทำไมเราถึงพูดว่า มีลุงไม่มีเรา เพราะอุดมการณ์ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่กับพรรคเพื่อไทยเรายังมองว่า เป็นเพื่อนเรา และเคยทำงานร่วมกันตอนเป็นฝ่ายค้าน ทั้งนี้ ยังตอบไม่ได้ว่าจะตรงกัน 100% แต่ส่วนใหญ่ก็มองตรงกัน ถ้าถึงจังหวะที่จะต้องฮึบๆ บ้าง ไม่ไหวบอกไหวบ้างก็จะต้องทำ เมื่อถามย้ำอีกว่ามีโอกาสที่จะกลับมาจับมือกันได้หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวช่วงท้ายว่า โอกาสมีเสมอ คุณอย่าไปทิ้งโอกาส.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

พบหลุมระเบิดที่กัมพูชายิงใส่ไทย 824 หลุม ใน 4 จังหวัดชายแดน

กทม. 10 ส.ค.-เพจกองทัพบก ทันกระแส โพสต์เจ้าหน้าที่ EOD เข้าเก็บกู้ระเบิด พบหลุมระเบิดที่เกิดจากฝีมือกัมพูชามากถึง 824 หลุม ใน 4 จังหวัดชายแดนไทย ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาล เพจเฟซบุ๊ก “กองทัพบก ทันกระแส” โพสต์ว่า เจ้าหน้าที่ EOD เข้าพื้นที่เก็บกู้ระเบิด พบหลุมระเบิดที่เกิดจากฝีมือกัมพูชามากถึง 824 หลุม ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาล ซึ่งสร้างความเสียหายและความหวาดกลัวให้ประชาชน ที่กำลังทยอยกลับเข้าพื้นที่เพื่อสำรวจความเสียหายของบ้านพักอาศัย ข้อมูลที่เพจโพสต์แสดงให้เห็นถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นใน 4 จังหวัดชายแดน ได้แก่ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ซึ่งเป็นผลจากการยิงอาวุธของกัมพูชาใส่เป้าหมายพลเรือน ทำให้ประชาชนในพื้นที่ต้องอพยพหนีภัยสงคราม และหากสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง ประชาชนเริ่มกลับเข้าสู่พื้นที่ตนเอง แต่ต้องเผชิญกับอันตรายจากระเบิดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ EOD ทำงานอย่างหนัก เพื่อเร่งเก็บกู้ระเบิดให้แล้วเสร็จ เพื่อให้ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยในบ้านของตนเองอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย

ชวนชมดวงไฟประดับรอบกรุงเทพฯ วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม

ทำเนียบ 10 ส.ค.-รัฐบาลเชิญชวนชมความงดงามของดวงไฟประดับรอบกรุงเทพฯ ในโอกาสเฉลิมพระเกียรติ วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี (วันแม่แห่งชาติ) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) และ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง ร่วมใจกัน ติดตั้งไฟประดับทั้ง 2 ข้างทาง เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ขอเชิญชวนประชาชนได้ร่วมสัมผัสความงดงามของดวงไฟประดับ เนื่องในโอกาสมหามงคลนี้ โดยการไฟฟ้านครหลวง ได้ดำเนินการติดตั้งไฟประดับจำนวนกว่า 2 ล้านดวง เพื่อประดับในสถานที่ต่าง ๆ ได้แก่ พระที่นั่งอัมพรสถาน วังศุโขทัย พระบรมมหาราชวัง บริเวณท้องสนามหลวง รอบพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วังสระปทุม พระที่นั่งอนันตสมาคม ลานพระบรมรูปทรงม้า สนามเสือป่า ทำเนียบองคมนตรี กระทรวงมหาดไทย ถนนราชดำเนินใน ถนนราชดำเนินกลาง ถนนราชดำเนินนอก ถนนศรีอยุธยา ตั้งแต่วันนี้ – […]

ไทยฝนเพิ่มขึ้น ตกหนักบางแห่ง

กทม. 10 ส.ค.-กรมอุตุฯ รายงานไทยฝนเพิ่มขึ้น ตกหนักบางแห่งบริเวณภาคอีสาน ตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก คลื่นลมทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนบนและประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนจะมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ […]

รฟท.เร่งกู้รถไฟตกรางที่กุยบุรี คาดเสร็จภายในเที่ยงคืนนี้

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค. – รฟท.เร่งกู้รถไฟตกรางที่กุยบุรี คาดเสร็จสิ้นภายในเที่ยงคืนนี้ ด้าน พฐ.ร่วมตรวจหาสาเหตุตกรางกับนายช่างรถไฟ สันนิษฐานเบื้องต้นนอตล็อกประแจสับรางหลุด ส่วนผู้บาดเจ็บ 10 ราย ออกจาก รพ.แล้ว ความคืบหน้าเหตุรถไฟขบวนด่วนพิเศษ สุไหงโก-ลก ปาดังเบซาร์ ปลายทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ประสบอุบัติเหตุตกราง ก่อนถึงสถานีรถไฟกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประมาณ 100 เมตร เหตุเกิดเมื่อช่วงตี 5 วันนี้ โดยตู้โดยสารที่เกิดเหตุคือ 3 ตู้สุดท้าย 10-12 ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 10 คน นำส่งโรงพยาบาลกุยบุรี ผู้โดยสารตู้ที่ตกราง เจ้าหน้าที่จัดรถบัสนำส่งต่อไปยังจุดหมายปลายทาง ส่วนตู้โดยสารที่ไม่ตกราง เดินทางต่อจนถึงสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ ล่าสุดตำรวจ สภ.กุยบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่ตรวจหาสาเหตุรถไฟตกราง ร่วมกับนายช่างวิศวกรของการรถไฟฯ อีกครั้ง จากการตรวจสอบสันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากนอตยึดอุปกรณ์ประแจตัวสับรางหลุด ขณะที่ขบวนรถไฟวิ่งผ่านไปแล้ว 9 ตู้ เหลือ 3 ตู้สุดท้าย ทำให้ไม่สามารถบังคับให้วิ่งตามไปด้วยกันได้ จึงถูกกระชากหลุดด้วยแรงเฉื่อยของความเร็วรถไฟแล้วตกจากราง หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ […]