รัฐสภา 7 ส.ค. – “กิตติศักดิ์” รับหลัง “ชูวิทย์-เรืองไกร” ร้องเรื่องคุณสมบัติ “เศรษฐา” สว.ต้องพิจารณารอบคอบ หนักใจแทนเจอมรสุมข้อร้องเรียน ฟันธง! นายกฯ ไม่ได้มาจากเพื่อไทย ส้มหล่นถึง “อนุทิน-พล.อ.ประวิตร”
นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชี้แจงกระแสข่าวที่สมาชิกวุฒิสภาอาจไม่ให้ความเห็นชอบนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี โดยยอมรับว่า รู้สึกหนักใจและเอาใจช่วยนายเศรษฐา เพราะหลังจากที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยและร้องเรียนนายเศรษฐาหลายกรณี สว.จึงต้องพิจารณาคุณสมบัติผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างรอบคอบ แม้จะดีที่สุดไม่ครบ 100% แต่ก็จะต้องให้ความสำคัญกับจริยธรรมของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่ง
นายกิตติศักดิ์ ชี้แจงกรณีก่อนหน้าที่เคยระบุว่า สว.พร้อมสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย โดยที่ไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล แต่ปัจจุบัน สว.เริ่มเปลี่ยนท่าทีแล้ว ว่า เนื่องจากมีข้อมูลที่นายชูวิทย์และนายเรืองไกรนำเสนอต่อสังคม ต้องพิจารณาถึงคุณสมบัติของนายเศรษฐาที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วย ซึ่งหากนายเศรษฐาสามารถชี้แจงข้อเคลือบแคลงสงสัยได้ชัดเจน เชื่อว่า สว.ไม่มีปัญหา หากนายเศรษฐาชี้แจงตอบคำถามไม่ชัดเจน สว.ก็จะไม่เลือก หากการคาดการณ์ในครั้งนี้ของตนหน้าแตก อย่าลืมพาตนไปหาหมอด้วย
ส่วนหากจะเดิมพันสูงด้วยตำแหน่ง สว. หรือไม่นั้น นายกิตติศักดิ์ บอกว่า ไม่ต้องไล่ เพราะอีก 10 เดือนก็ต้องไปแล้ว
นายกิตติศักดิ์ คาดการณ์แนวทางการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 3 ว่า น่าจะมีผู้ที่ลงมติเห็นชอบและไม่เห็นชอบเท่านั้น สว.ที่จะลงมติงดออกเสียงน่าจะน้อย แต่ก็ทำนายว่า นายกรัฐมนตรีคนต่อไปไม่น่าจะมาจากพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตาม ไม่ถึงขั้นต้องใช้นายกรัฐมนตรีคนนอก เมื่อพรรคเพื่อไทยไม่สามารถนำจัดตั้งรัฐบาลได้ ก็จะเป็นหน้าที่ของพรรคการเมือง ลำดับที่ 3 และลำดับที่ 4 ซึ่งเป็นหน้าที่ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะหัวหน้าพรรค ซึ่งไม่ว่าพรรคการเมืองจะเสนอชื่อบุคคลใดมาเป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องผ่านการตรวจสอบจาก สว.ในมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด
ส่วนแนวทางการจัดตั้งรัฐบาลสมานฉันท์ โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับพรรคการเมืองจะหารือกัน แต่เชื่อว่า การปฏิบัติหน้าที่ไม่น่าจะครบ 4 ปี โดยมีหน้าที่หลักแก้ไขรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่ สว.ไม่ขอเข้าไปก้าวก่าย และยินดีที่จะให้มีนายกรัฐมนตรีโดยเร็ว.-สำนักข่าวไทย
