พปชร.ยันร่วมถก พท. แค่หาทางออกวิกฤติตั้งรัฐบาล

กรุงเทพฯ 23 ก.ค. – แกนนำ พปชร. หนีกลับมาแถลงที่พรรค หลังกลุ่มต้านบุก “สันติ” ยันไม่เอาก้าวไกล หากถูกเชิญร่วมรัฐบาล ไม่สามารถร่วมงานพรรคแตะ ม.112 ย้ำหารือ พท. แค่ถกหาทางออกวิกฤติตั้งรัฐบาล ยังไม่ได้เชิญร่วม “ร.อ.ธรรมนัส” แจงข่าว “บิ๊กป้อม” ลาออกเปิดทาง “ไม่มีลุง” ยังไม่เกิด แต่มองสเปกนายกฯ คนที่ 30 ต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง


วันที่ 23 ก.ค.66 เวลา 18.01 น. นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้ประสานงาน สส.พรรคพลังประชารัฐ และนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ร่วมแถลงรายละเอียดที่ได้ไปหารือกับแกนนำพรรคเพื่อไทย

นายสันติ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐได้รับเกียรติจากพรรคเพื่อไทยไปพูดคุยเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติของการตั้งรัฐบาลบริหารบ้านเมือง เนื่องจากหลังการเลือกตั้ง 2 เดือนกว่าแล้ว ยังมีอุปสรรคในการตั้งรัฐบาลมาบริหารชาติบ้านเมือง ถ้าช้ามากๆ จะเกิดปัญหาหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจ และสังคม โดยจากการพูดคุยวันนี้ได้รับความรู้สึกที่ดี และปรึกษากันอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งพรรคพลังประชารัฐก็ได้ยืนยันไปว่า พรรคของเรายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแน่วแน่ และเพื่อให้ชาติมีความมั่นคง ประชาชนมีความผาสุก อยู่ดีกินดี รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติบ้านเมือง ให้มีความเจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองด้วยระบอบประชาธิปไตย ซึ่งในหลักการดังกล่าว พรรคได้แจ้งกับพรรคเพื่อไทยไปว่า พรรคที่เราจะร่วมทำงานด้วยได้ ต้องเป็นพรรคที่ไม่แตะหรือมีแนวคิดที่จะแก้ไขมาตรา 112 หากพรรคใดมีแนวคิดดังกล่าว พรรคพลังประชารัฐไม่สามารถร่วมทำงานหรือบริหารบ้านเมืองด้วยได้ จึงได้ยืนยันกับพรรคเพื่อไทยไปว่า เป็นหลักการสำคัญของพรรคพลังประชารัฐ ที่เราจะปฏิเสธการทำงานกับพรรคก้าวไกล ซึ่งมีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 เพราะพรรคพลังประชารัฐตระหนักว่า เราอยู่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่รัฐธรรมนูญเขียนไว้อยู่แล้วว่า เรามีหน้าที่เคารพ เทิดทูน สถาบันพระมหากษัตริย์ การแก้ไขดังกล่าว พรรคพลังประชารัฐรับไม่ได้


นายสันติ ย้ำว่าได้แจ้งแนวทางของเราไปแล้วว่า พรรคใดมีแนวคิดว่าจะแก้มาตรา 112 เราร่วมทำงานด้วยไม่ได้ เพื่อแจ้งให้พรรคเพื่อไทยได้รับทราบ และพรรคเพื่อไทยจะได้ไปคิด ไปตรึกตรอง ไปวางแผนของพรรคเพื่อไทยเอง เพราะขณะนี้พรรคเพื่อไทยแจ้งว่า ได้รับฉันทานุมัติเป็นผู้ดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล และเดินหน้าพูดคุยกับแต่ละพรรค รวมถึง สว. เพื่อรับรู้ความเห็น แล้วจะไปคิดว่าจะดำเนินการอย่างไรที่จะแก้ปัญหาให้พ้นวิกฤติของบ้านเมืองครั้งนี้ โดยได้ย้ำว่า ประเทศจะขาดรัฐบาลบริหารนานๆ ไม่ได้ จึงต้องรีบ และเป็นหน้าที่ของทุกพรรคการเมือง รวมทั้ง สส. สว. ที่หลังการเลือกตั้งไปแล้วต้องช่วยกันเร่งรัดให้เกิดการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ เพื่อบริหารชาติบ้านเมือง เพราะต้องมีหัวหน้ารัฐบาลเพื่อติดต่อประสานกับทั่วโลกทั่วประเทศ เพราะประเทศเราไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว การที่เราต้องมีรัฐบาล เพื่อให้ต่างชาติเห็นถึงความมั่นคงและน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการบริหารประเทศเดินไปข้างหน้า นักลงทุนจะได้กล้ามาลงทุนบ้านเรา แล้วจะได้รู้นโยบายต่างๆ จึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องสนับสนุนให้มีการตั้งรัฐบาลอย่างเร็ว เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน

นายสันติ ย้ำว่า วันนี้เป็นการพูดคุยเพื่อแสดงความคิดเห็นในการจัดตั้งรัฐบาล หลังจากนั้นจะคุยในขั้นตอนต่อไป ส่วนการเลือกนายกรัฐมนตรีจะให้จบในวันที่ 27 ก.ค. หรือไม่นั้น นายสันติ มองว่า มีความพยายามที่จะเดินหน้าตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ ในการเชิญแต่ละพรรค และประสาน สว. ว่ามีข้อจำกัดอย่างไร พร้อมระบุว่า ได้เป็นประธานกรรมาธิการงบประมาณฯ มาถึง 4 ครั้ง และรู้ดีว่า พรรคก้าวไกลมีนโยบายแนวคิดอย่างไร

ส่วนจะลบภาพในอดีตเก่าๆ ได้อย่างไรในสายตาประชาชน หากต้องมาร่วมรัฐบาลกัน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า วันนี้เป็นการหารือเรื่องแก้วิกฤติทางออก ไม่ใช่การหารือจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ไม่มีประเด็นที่จะเชิญเราไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ส่วนในอนาคตจะมีพรรคพลังประชารัฐร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า โดยหลักการพรรคพลังประชารัฐมีนโยบาย มีแนวทางและอุดมการณ์ทางการเมืองไม่เหมือนบางพรรคการเมือง การทำงานร่วมกันเราเห็นปัญหา ซึ่งพรรคพลังประชารัฐได้ประชุมและมีจุดยืนร่วมกันว่า หากต้องร่วมรัฐบาลกับบางพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองต่างกัน ขอไม่ร่วมดีกว่า


ร.อ.ธรรมนัส ย้ำจุดยืนของพรรคพลังประชารัฐที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง ดังนั้น หากประเมินแล้วว่าร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองใดแล้วจะเกิดความขัดแย้ง เราไม่ขอเข้าร่วม

ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เห็นด้วยหรือไม่กับการหารือครั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า พรรคมีการประชุมหารือกันแล้ว และมีจุดยืนชัดเจนเรื่องของการก้าวข้ามความขัดแย้ง

ส่วนการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลของพลังประชารัฐจะต้องมีเสียงเกินครึ่งหนึ่งของ สส. 250 คน ถ้าเสียงไม่พอจะไม่ทำ เพราะเกรงจะเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม และที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐได้มีมติชัดเจนว่า จะไม่เสนอชื่อ หากไม่สามารถรวมเสียงได้เกินครึ่งหนึ่ง

ส่วนกระแสข่าวที่ว่า พล.อ.ประวิตร จะลาออกเพื่อเปิดทางให้ในประเด็นไม่มีลุงนั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น พล.อ.ประวิตร ยังดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค และเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ในการที่จะรับตแหน่งอะไรในอนาคต เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะทำอะไรต้องนึกถึงภูมิประวัติที่สร้างมา

สำหรับการขอเสียงสนับสนุนนายกรัฐมนตรีของแคนดิเดตพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน นั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยได้เชิญแกนนำทุกพรรคที่อยู่ในขั้วรัฐบาลเดิม คือ 188 เสียง ไม่ได้เชิญเพียง พรรคพลังประชารัฐ ขณะที่ย้ำว่า บุคคลที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ต้องนำทางบ้านเมืองก้าวข้ามความขัดแย้งให้ได้

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่รู้สึกตื่นเต้นที่ถูกกลุ่มทะลุวังเข้ามาต่อต้าน หน้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย และมองเป็นเรื่องปกติ ระหว่างการจัดตั้งรัฐบาลจะต้องมีปัญหาทุกสมัย แต่เมื่อเข้าสู่การบริหารประเทศแล้ว ผู้นำจะต้องพิสูจน์ฝีมือว่าจะนำพาประเทศชาติไปได้ในการแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจที่เป็นเรื่องสำคัญ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ มีการปิดประตูทางเข้า-ออก โดยเปิดเพียงทางเดียว ซึ่งเป็นทางหลักที่แกนนำพรรคใช้เข้า-ออก พร้อมจัดห้องแถลงข่าวที่ชั้น 5 ของอาคารรัชดาวัน แต่ไม่มีการปรากฏตัวของกลุ่มทะลุวัง มาที่ทำการพรรคพลังประชารัฐแต่อย่างใด. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ยกทีมไปมาเลเซีย ย้ำกัมพูชาต้องจริงใจหยุดยิง

กทม. 28 ก.ค.-“ภูมิธรรม” ยกทีมไปมาเลเซีย คุย “ฮุน มาเนต” หยุดยิงเป็นเรื่องแรก และต้องแสดงให้เห็นว่าจริงใจ ยันไม่มีเรื่องแผนที่ 1 : 200,000 พร้อมยึดหลักอธิปไตยและทรัพย์สินของประชาชนเป็นที่ตั้ง และก่อนไปหารือกองทัพแล้ว นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะประกอบด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน. 6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมหารือแนวทางสันติภาพในภูมิภาค ณ ทำเนียบนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย นายภูมิธรรม กล่าวว่าวันนี้จะพบกันในเวลาประมาณ 15.00 น. จะมีการคุยกับนายฮุนมาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งเป็นการยกระดับการคุยในระดับผู้นำประเทศในระดับนายกรัฐมนตรี โดยมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนจะเป็นโฮส มีผู้เสนอตัวเข้ามาเป็นผู้สังเกตการณ์2 ประเทศคือสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีน […]

มทภ.2 ลั่น “ผมยังอยู่” หลังกัมพูชาปล่อยเฟกนิวส์

กทม. 28 ก.ค.-มทภ.2 ลั่น “ผมยังอยู่” หลังกัมพูชาปล่อยเฟกนิวส์ ทหารถือรูปภาพ ข้อความ RIP หวังทำลายขวัญกำลังใจ ยันจะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ลูกน้อง ดูแลความปลอดภัยประชาชน ในการปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า ภายหลังกัมพูชามีการรายงานและเผยแพร่รูปทหารถือภาพของตนเอง พร้อมข้อความ RIP ว่า เป็นข่าวปลอม หวังทำลายขวัญกำลังใจทหารแนวหน้าและคนไทย ยืนยันว่า ปัจจุบันนี้ตนยังต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่เจ้าหน้าที่ทหารทุกคนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการปกป้องอธิปไตยของไทยต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย และประชาชนมีความปลอดภัยอย่างแท้จริง พล.ท.บุญสิน ระบุต่อว่า ที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือนข้อมูล โดยการปล่อยข่าวเท็จ สร้างความสับสนในหมู่ของคนไทย ดังนั้น อยากให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้.-313.-สำนักข่าวไทย

จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเร่งอพยพชาวบ้านกลางดึก

แพร่ 28 ก.ค.-จ.แพร่ น้ำป่าไหลหลากในช่วงกลางดึก พื้นที่ ม.9 และ ม.1 ต.ไผ่โทน อ.ร้องกวาง เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพประชาชน แต่ในระหว่างอพยพ กระแสน้ำไหลเชี่ยว ทำให้ชาวบ้านที่กำลังข้ามน้ำถูกพัดออกไปติดอยู่อีกฝั่ง โชคดีชาวบ้านโยนเชือกช่วยเหลือไว้ได้ทัน ขณะน้ำเมื่อคืนไหลแรงมาก ชาวบ้านเก็บของไม่ทัน มีรถยนต์ ของใช้ที่ได้ถูกน้ำท่วมเสียหายเป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่ได้รับรายงานผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต สำหรับฝนที่ตกลงมาใน จ.แพร่ โดยเฉพาะในพื้นที่ตำบลห้วยโรง และตำบลไผ่โทน เมื่อเวลา 20.00 น. มีปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด 130 มม. สำหรับแม่น้ำยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่บริเวณ Y20 สถานีวัดระดับน้ำบ้านห้วยสักวัดได้ 7.58 เมตร จากระดับตลิ่ง 9.00 ม. เมื่อตอนเวลา 22.00 น. หากฝนยังคงตกต่อเนื่องทำให้ปริมาณน้ำยมสูง อาจส่งผลให้น้ำท่วมระลอกที่ 2 ได้.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” นำตักบาตรถวายพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สนามหลวง 28 ก.ค.-“ภูมิธรรม” รักษาราชการแทนนายกฯ และภริยา เป็นประธานพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตร ถวายเครื่องไทยธรรมและผ้าไตรแด่สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน 10 รูป ก่อนจะตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระสงฆ์และสามเณร 174 รูป เพื่อถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2568 บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยมีคณะองคมนตรีและภริยา ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญและภริยา คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหน่วยราชการในพระองค์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมภริยา หัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า ร่วมพิธีทำบุญตักบาตรในครั้งนี้ด้วย จากนั้น เวลา 08.00 น. รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี […]