พรรคก้าวไกล 28 มิ.ย. – “ธนพร” ฟันธงแนวโน้ม “เพื่อไทย” ฉีก MOU ท้าประกาศให้ ปชช. รู้ก่อน 4 ก.ค. ตั้งเป้าเอา “ทักษิณ” กลับบ้าน แนะเตรียมแผนรับผลกระทบ ถ้าถูก “ชินวัตร” เท
นายธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย หนึ่งในคณะทำงานย่อยชุดแก้ปัญหาที่ดินทำกิน ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมการประชุมกรณีเลื่อนเจรจาตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกลและเพื่อไทยว่า วันนี้จุดยืนพรรคก้าวไกลชัดเจน ขอใช้คำ 3 คำ คือ “กูไม่กลัวมึง” “มีอะไรเปล่า” ตนไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล แต่ตามปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น พรรคก้าวไกลกำลังจะบอกว่า “กูไม่กลัวมึง”
“การที่พรรคก้าวไกลประกาศตัวแคนดิเดตประธานสภาฯ หมายความว่าพรรคก้าวไกลกำลังจะโยนโจทย์เรื่องนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของคน 500 คน แต่เป็นเรื่องคนไทย 70 ล้านคน ว่าคนไทยจะเอาไหมประธานสภาฯ แบบนี้ ส่วนของพรรคเพื่อไทยถือเป็นเรื่องการต่อรอง พรรคเพื่อไทยมีมติ 14+1 ก็เป็นการยื่นข้อเสนอ ซึ่งพรรคก้าวไกลใช้วิธีตอบกลับโดยการขอเวลา ภาพรวมอยู่ระหว่างการต่อรอง” นายธนพร กล่าว
เมื่อถามว่าตอนนี้บูมเมอแรงไปตกที่ฝั่งไหน นายธนพร กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ที่พรรคเพื่อไทย ตนพูดตรงๆ ว่าพรรคก้าวไกลมีความชอบธรรม เพราะเป็นพรรคอันดับหนึ่ง เขาก็ทำหน้าที่ของเขา ตนไปประชุมมาก็ทำหน้าที่กันตามปกติ ภาระไม่ได้อยู่ที่พรรคก้าวไกล เพราะเกมนี้ถูกจุดโดยพรรคเพื่อไทยเมื่อวานนี้ (27 มิ.ย.) พรรคเพื่อไทยต้องเลือกเอา ถ้าจะเดินไปให้สุดว่าจะฉีก MOU พรรคเพื่อไทยก็ต้องประกาศ แต่ถ้าให้ดีประกาศก่อนวันที่ 4 ก.ค. ชาวบ้านจะได้รับรู้
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยปรับสูตรจาก 14+1 เป็น 13+1 นายธนพร กล่าวว่า ไม่มี ตนมองว่าหากพรรคเพื่อไทยปรับสูตร คงไม่เสนอ 14+1 เมื่อวานก็เสนออย่างเปิดเผย แถลงเป็นเรื่องเป็นราว ในภาพรวมถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะก่อนหน้าปี 66 เราไม่เคยเห็นการเจรจาทางการเมืองแบบเปิดเผยมาก่อน ถือว่าเป็นประโยชน์กับประชาชน
“วันนี้พรรคก้าวไกลชัดเจน เพราะเปิดตัวแคนดิเดตประธานสภาฯ แล้วทำให้ชัดเจนว่าเขาไม่เปลี่ยนแปลงแน่ เพราะการเปิดตัวคือพันธสัญญาที่มีต่อสังคม จะยกเลิกไม่ได้ เดิมตนเคยคิดว่าพรรคเพื่อไทยเดินตามหลังพรรคก้าวไกลสักก้าวหนึ่ง แต่ตอนนี้กำลังจะตามหลายช่วงตัว ถ้าเราดูฉาบฉวย เราจะเหมือนกับผู้ใหญ่กำลังไล่ตบกบาลเด็ก แต่ถ้ามองให้ลึก วันนี้ตนยังไม่เห็นรีแอคชั่นอะไรจากพรรคก้าวไกลเลย นอกจากบอกว่าขอเลื่อนการประชุมไปก่อน พอดีเลย์มันก็จะกลับไปที่พรรคเพื่อไทย สะท้อนให้เห็นว่ากูไม่กลัวมึง และมีอะไรจะออกของก็ออกมา พร้อมทุกเงื่อนไข” นายธนพร กล่าว
ส่วนจะเข้าทางให้พรรคเพื่อไทยเสนอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นนายกรัฐมนตรี และทำให้พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นายธนพร กล่าวว่า เกมนี้เข้าเงื่อนไขหมด แต่จะไม่ใช่ปัญหาของพรรคก้าวไกล วันนี้พรรคก้าวไกลโยนโจทย์ไปให้เป็นปัญหาของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นโจทย์ที่พรรคเพื่อไทยผูกก็ต้องไปแก้ เพราะพรรคก้าวไกลชัดเจนคือ ประกาศแคนดิเดตไปแล้ว และเขาไม่ได้ประกาศในที่ประชุมที่ไหน เขาประกาศให้ประชาชนรู้ด้วย ถ้าไม่เหมาะสมก็เป็นเรื่องที่ประชาชนจะแสดงความคิดเห็น พรรคก้าวไกลยกระดับเรื่องนี้ตั้งแต่เรื่องตัวแทนตามแบบการเมืองเก่า ให้กลายเป็นเรื่องประชาธิปไตยเป็นของทุกคน ซึ่งจะได้ผลหรือไม่ได้ผล ตนไม่ทราบ แต่อธิบายในฐานะวิเคราะห์ทางการเมือง โจทย์โมเมนตัมจะไปพรรคเพื่อไทยก็ต้องตัดสินใจว่าจะเดินไปทางไหน
เมื่อถามว่ามองว่าพรรคเพื่อไทยจะยอมถอยหรือไม่ นายธนพร กล่าวว่า หากพรรคเพื่อไทยฟันธงไปแล้ว ถ้านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะกลับบ้าน พรรคเพื่อไทยก็ต้องเดินแบบนี้ เพราะความต้องการของนายทักษิณเหนือกว่าความต้องการของคนเลือกพรรคเพื่อไทย เนื่องจากนายทักษิณเป็นเจ้าของพรรค ยืนยันคำนี้มาโดยตลอด ซึ่งพรรคเพื่อไทยไม่ผิดที่จะต้องดูแลเจ้าของพรรค
ส่วนพรรคก้าวไกลจะใช้มวลชนกดดันหรือไม่ นายธนพร กล่าวว่า เล่นเกมทั้งนั้น ระบบการเมืองก็แบบนี้ พรรคเพื่อไทยไม่เล่นเกมหรือไม่ ทุกพรรคก็เล่นเกมหมด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็เล่น พล.อ.ประวิตร ก็เล่น พรรคประชาธิปัตย์ ก็เล่น ไม่เห็นมีใครไม่เล่น
ส่วนจะทำให้ดีลล่มหรือไม่ นายธนพร กล่าวว่า ถ้าถึงวันนี้คงพยายามเจรจากันอยู่ แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยเปิดเกมนี้คงถอยลำบาก โอกาสที่จะได้เห็นพรรคเพื่อไทยฉีกสัตยาบัน ฉีก MOU สูง เพราะพรรคก้าวไกลไม่ได้ทำอะไร เขาว่าตาม MOU ตามแบบแผน ตามวิธีปฏิบัติที่ควรจะเป็น และประกาศชื่อประธานสภาฯ ต่อสาธารณชน เกมต่อไปนี้ถ้าจะเปลี่ยนก็อยู่ที่พรรคเพื่อไทย ควรประกาศวันนี้ไปเลยก็ได้ ว่าจะฉีก MOU ชาวบ้านก็จะได้รู้ และเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยต้องอธิบายหลังจากนี้ อย่าลืมว่าสังคมจับตามอง พรรคเพื่อไทยตัดสินใจแบบนี้ เป็นสิทธิของพรรคเพื่อไทย แต่ต้องอธิบายกับสังคม
เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่หากนายทักษิณกลับประเทศแล้วจะเล่นเกมสั้นและทิ้งพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายธนพร กล่าวว่า ถ้านายทักษิณกลับ สิ่งที่นายทักษิณต้องทำคือต้องเลิกเล่นการเมือง คำว่าเลิกเล่นการเมืองไม่ใช่นายทักษิณคนเดียว แต่หมายถึงตระกูลชินวัตรทั้งหมดด้วย ซึ่งพรรคเพื่อไทยต้องได้รับผลกระทบ เพราะเป็นเครือข่ายครอบครัว เมื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ตัดสินใจแบบนั้น ต้องเตรียมการรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับพรรค.-สำนักข่าวไทย