ทำเนียบรัฐบาล 23 พ.ค. – โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ ตามสถานการณ์วาตภัยในพื้นที่หลายจังหวัด แสดงความเสียใจครอบครัวผู้เสียชีวิต บาดเจ็บหลายรายที่พิจิตร สั่งทุกหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือใกล้ชิด
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานสรุปสถานการณ์วาตภัยที่ จ.พิจิตร วานนี้ (22 พ.ค.) โดยนายกรัฐมนตรีแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตรวม 7 ราย และผู้บาดเจ็บ 23 ราย พร้อมสั่งการกระทรวงมหาดไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์วาตภัย เร่งค้นหาผู้ที่สูญหาย สำรวจความเสียหายให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างใกล้ชิด
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปภ.พิจิตร รายงานช่วงเย็นวานนี้ (22 พ.ค.) เกิดเหตุพายุฝนพัดถล่มโดมขนาดใหญ่หลังคาเมทัลชีทภายโรงเรียนวัดเนินปอ หมู่ที่ 1 ต.เนินปอ อ.สามง่าม จ.พิจิตร ขณะเกิดเหตุมีนักเรียนที่มาเล่นกีฬาฟุตบอลหลบฝนอยู่ภายในโดมดังกล่าวจำนวนมาก ซึ่ง ปภ.พิจิตร อบจ.พิจิตร หน่วยกู้ชีพกู้ภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระดมเจ้าหน้าที่และเครื่องมือ อาทิ ชุดเคลื่อนที่เร็ว พร้อมไฟฟ้าส่องสว่าง อุปกรณ์ตัดถ่างและอุปกรณ์กู้ชีพ กู้ภัย เข้าให้การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง
นายอนุชา กล่าวว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้สรุปสถานการณ์วาตภัย ณ เวลา 22.30 น. วันที่ 22 พ.ค. 66 มีสถานการณ์ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร แพร่ ตาก ลำปาง กำแพงเพชร รวม 9 อำเภอ 11 ตำบล 19 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 207 หลัง โดย ปภ. ได้ประสานจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีติดตามสถานการณ์วาตภัยที่เกิดขึ้น ล่าสุดวันนี้ (23 พ.ค.) มีรายงานผู้เสียชีวิตรวม 7 ราย และผู้บาดเจ็บรวม 23 ราย โดยนายกรัฐมนตรีแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ พร้อมสั่งการกระทรวงมหาดไทย ปภ. ผู้ว่าฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เร่งค้นหาผู้ที่ยังสูญหาย สำรวจความเสียหาย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบของทางราชการอย่างใกล้ชิด
“นายกรัฐมนตรีย้ำว่าหากมีแนวโน้มการเกิดสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ขอให้เตรียมการช่วยเหลือตามแผนเผชิญเหตุ พร้อมแจ้งเตือนประชาชนทราบถึงสถานการณ์ แนวปฏิบัติให้เกิดความปลอดภัย ตลอดจนช่องทางการแจ้งข้อมูล และขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐในทุกช่องทางสื่อสาร โดยให้ประชาชนแจ้งสายด่วนนิรภัย 1784 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือโดยทันที” นายอนุชา กล่าว.-สำนักข่าวไทย