ก้าวไกล มั่นใจผลโพลทุกสำนักตรงกัน อยากให้ “พิธา” เป็นนายกฯ

พรรคก้าวไกล 4พ.ค.-ก้าวไกล เตรียมจัดคาราวานก้าวไกล จากถนนทุกสายมุ่งสู่ทำเนียบ มั่นใจผลโพลทุกสำนักตรงกัน อยากให้ “พิธา” เป็นนายกฯ ปิดประตูขั้วเดิมมาแข่ง ชี้คะแนนออนไลน์กับออนกราวน์ตรงกัน ปัด IO ปั่นกรแส เชื่อเกิดปรากฏการ “เรือล่มในหนอง” ไม่ใช่ “ตาอยู่”

นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงว่าขณะนี้ได้เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งแล้ว ภายใต้กระแสที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นสัปดาห์สุดท้ายจะจัดคาราวานไปหาพี่น้องประชาชนทั่วประเทศถึงที่ โดยเดินทางจาก 5 จุดทั่วไทยมาที่กรุงเทพฯ ภายใต้ชื่อคาราวานก้าวไกล จากถนนทุกสาย มุ่งสู่ทำเนียบรัฐบาล เริ่มจากภาคใต้ได้ใต้ล่างนำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และคาราวานภาคตะวันออกไม่แพ้ โดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เช่นกัน


ขณะที่คาราวานสายเลือดอีสาน นำโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพระก้าวไกล และคาราวานสายมิตรภาพนำโดย นายปิยะบุตร เลขาธิการคณะก้าวหน้าโดยจะจัดปราศรัยหลักและปราศรัย ย่อยแบบดาวกระจาย เชิญชวนพี่น้องประชาชนตลอด 2 เส้นทาง ให้กาก้าวไกลทั้ง 2 ใบเพื่อเปลี่ยนแปลง และปิดท้ายที่สนามกีฬาเวช 1 เพื่อรวมพลังประชาชนทั้งประเทศส่งก้าวไกลสู่ทำเนียบรัฐบาล ในวันนี้พรรคก้าวไกลมั่นใจว่าประชาชนที่มีความฝันเดียวกับเรา ประชาชนจะใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ในครั้งนี้ด้วยความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยพร้อมแล้วสำหรับการเปลี่ยนแปลง ประชาชนจะเลือกด้วยความหวังไม่ใช่เลือกด้วยความกลัว เพื่อเดินหน้าไปสู่อนาคตไม่ใช่เลือกเพื่อกลับไปสู่อดีต

ทั้งนี้ได้มีการเตรียมการมาก่อนล่วงหน้าก่อนที่จะมีผลการสำรวจความเห็นประชาชนออกมาเพราะพรรคเชื่อว่าพรรคจะมีคะแนนขยับกระโดดมา ยังเชื่อว่าช่องว่างงานคะแนนนิยมในโพลระหว่างเพื่อไทยกับก้าวไกล ห่างกันน้อย เหลือเพียง 1% และเชื่อว่า 10วันสุดท้าย พรรคก้าวไกลจะมีคะแนนขยับขึ้นนำได้ และยังเชื่อมั่นว่าฝ่ายค้านเดิมจะได้จัดตั้งรัฐบาลแน่นอน โดยเป้าหมายตอนนี้ยังเชื่อมั่นว่าเราต้องการเป็นฝ่ายเลือก และยืนยันว่าไม่ต้องการมีพรรค 2 ลุงอยู่แน่นอน


“10 วันสุดท้าย ผู้สมัครส.ส.ทั่วประเทศจะทำงานอย่างหนัก ให้ถึงที่สุด เพื่อไปให้ถึง เป้าหมายสุดท้ายคือจำนวนส.ส 160 ที่นั่ง เพื่อให้ก้าวไกล เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลแห่งความเปลี่ยนแปลง เพื่อให้พี่ทาลิ้มเจริญรัตน์เป็นนายกรัฐมนตรีที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่อนาคตที่เราไม่เคยถึงมาก่อนไม่ใช่แค่ในอดีตที่ผ่านมา คำตอบสุดท้ายวันนี้ของประเทศไทย จะดังพร้อมกันทั่วประเทศชัดเจนตรงไปตรงมาก้าวก่ายทั้งแผ่นดิน” เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าว

เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวด้วยว่าผลโพลที่ออกมาเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้และต้องขอบคุณประชาชน ที่ตอบรับสิ่งที่พรรคพยามสื่อสารและพูดคุยกับประชาชนอย่างหนักตลอดหลานเดือนที่ผ่านมา และขอบคุณเสียงสะท้อนของโลต่างๆที่ออกมา ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดจริงๆ และเชื่อว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ต้องการได้นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์และพี่น้องประชาชนอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงที่นำพาประเทศไปสู่ข้างหน้า และไปสู่อนาคต ไม่ใช่จำกัดอยู่กับความสำเร็จในอดีต

ส่วนที่มีการพูดว่าพรรคก้าวไกล ชนะเลือกตั้ง แต่อาจแพ้จัดตั้งรัฐบาลนั้น เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ต้องคิดว่าสถานการณ์ในวันนี้ ต่างกับการเลือกตั้งปี 2562 หากเราดูแนวโน้มจากโพลต่างๆ ที่เผยแพร่ออกมา ประกอบกับโพลของฝ่ายความมั่นคงล่าสุดและโพลพรรคการเมืองต่างๆ ออกมาสอดคล้องกันหมด และการเลือกตั้งรอบนี้กับปี 2562 แนวโน้มข้างชัดเจนว่าฝ่ายขั้สรัฐบาลเดิมจะไม่มีโอกาสที่จะได้ส.ส.รวมกันเกิน 180 ที่นั่ง ขณะที่ 2พรรคหลัก ก้าวไกลและเพื่อไทยมีแนวโน้มที่ชัดเจนมากว่า จะรวมกันถึง 300 เสียง ซึ่งความห่างของพรรคอันดับ 1 ของขั้วรัฐบาลเดิมจะห่างมากๆเป็นร้อยเสียง ดังนั้นความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาลจึงเป็นไปไม่ได้ และไม่ต้องกังวลว่าเสียงของพรรคหลัก 2พรรค ในฟากเสรีนิยม จะทำให้คนอันดับ 3 เข้ามาแทรกได้ เพราะสถานการณ์โดยรวมจากโพลทั้งหมด รวมถึงการสำรวจหน้างานในแต่ละเขตเลือกตั้งสอดคล้องกันหมดว่าโดยทั่วไป 2 พรรคหลักเพื่อไทยก้าวไกล เฉลี่ยอยู่ที่ 70% แล้ว พร้อมย้ำ 2 พรรคนี้รวมกันจะเกิดสถานการณ์ไม่ใช่ “ตาอยู่”แต่จะเป็นสถานการณ์”เรือล่มในหนอง” และเสียง 2 ขั้วรวมกันไม่ใช่ปริ่มน้ำแต่จะเป็น 300 ++ ดังนั้นความชอบธรรม ในการจัดตั้งรัฐบาล เสียงข้างน้อยจับขั้วรัฐบาลจึงเป็นไปได้ยากมาก


เมื่อถามว่าพรรคมีเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาลอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องมาตรา 112 ไม่สอดคล้องกับพรรคเพื่อไทย จะมีการปรับลดอย่างไรนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้พรรคก้าวไกลได้ยื่นค้างไว้ในสภา หากสภาเปิด ถ้าก้าวไกลก็จะขอให้หยิบยกขึ้นมาพิจารณาอีก ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลดเงื่อนไขในการดำเนินการเรื่องนี้ และคิดว่าการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันสิ่งที่พระก้าวไกลอยากจะเห็นคือการทำข้อตกลงร้วมกันหรือ MOU ในประเด็นใหญ่ร่วมกันเช่นต้องมีคำมั่นสัญญาว่าจะมีการจัดทำประชามติ ถามประชาชนว่าต้องการจะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยมี สสร. ขึ้นมายกร่างหรือไม่ จะปฏิรูปกองทัพโดยเริ่มต้นจากการยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร รวมถึงวาระสำคัญๆเช่น สุราก้าวหน้า สมรสเท่าเทียม รวมถึงเรื่องของกฎหมายปลดล็อกท้องถิ่น ให้กระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น

ส่วนมั่นใจแค่ไหนว่าคะแนนในโลกออนไลน์จะเป็นคะแนนจริงนั้น เลขาธิการพรรคก้าวไกลกล่าวว่า จากการลงพื้นที่ทั้งสามย่านมิตรทาวน์ชลบุรีและในหลายๆจุดจะเห็นว่าโลกออนไลน์กับ on Ground ไปด้วยกัน ส่วนที่กล่าวหาว่ามีการปั่นกระแสเป็น io นั้นเชื่อว่าคนที่อยู่ในโลกออนไลน์ จะแยกออกและมองว่าพรรครัฐบาลปัจจุบัน คงมีพฤติกรรมที่ถนัด ใช้ io สร้างกระแส ข้อมูลเท็จ ดังนั้นขอยืนยันว่าพรรคก้าวไกลไม่ทำเรื่องเช่นนี้ และอย่าว่าแต่ io เลยการซื้อโฆษณา บน Facebook ยังไม่ซื้อด้วยซ้ำ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 163 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 20 ส.ค. – หนีไม่รอด รวบโจรสวมชุดไรเดอร์ บุกเดี่ยวชิงทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทอง 163 บาท พบของกลางบางส่วนซุกตู้ลำโพงในบ้าน จากกรณีคนร้ายแต่งตัวคล้ายไรเดอร์ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทอง พร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน ก่อนกระโดดข้ามตู้หน้าร้าน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวม 163 บาท เป็นทองคำรูปพรรณประเภทสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท ประมาณ 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท, น้ำหนัก 3 บาท ประมาณ 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท ประมาณ 24 เส้น น้ำหนักรวม 48 บาท (รวมสร้อยข้อมือ 79 เส้น) ก่อนวิ่งขึ้นรถ จยย.ที่จอดอยู่ด้านหน้า […]

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“ทศพล” รุดมอบมาลัย “ภูมิธรรม” หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่

กองบินตำรวจ 20 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เตรียมแถลงจับยาเสพติดลอตใหญ่ “ทศพล” รุดมอบมาลัย หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 8.00 น. ที่กองบินตำรวจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เดินทางมาขึ้นเครื่อง เพื่อไปแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดล็อตใหญ่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พลตํารวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการ รมว.มหาดไทย ร่วมเดินทางด้วย ทั้งนี้เมื่อนายภูมิธรรมเดินทางมาถึง นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย ที่ ครม. มีมติเมื่อ 19 ส.ค. แต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำพวงมาลัยมามอบให้นายภูมิธรรมและปลัดกระทรวงมหาดไทย และร่วมเดินทางกับคณะด้วย โดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างไรก็ตามก่อนเดินทางเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้รายงานสถานการณ์ยาเสพติดให้นายภูมิธรรมรับทราบ.-319.-สำนักข่าวไทย

มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง

กทม.19ส.ค.-มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำพู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” นั่งพ่อเมืองปากน้ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง อาทิ นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้ว่าฯ สมุทรปราการ นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าฯ บึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าฯ ตาก เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

แผ่นดินไหวนอกชายฝั่งเมียนมา เกิดจากรอยเลื่อนสะกาย ย้ำ กทม.ไม่กระทบโครงสร้าง

กรุงเทพฯ 21 ส.ค. – กรมทรัพยากรธรณี เผยเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 5.4 ความลึก 10 กม. เกิดจากการเคลื่อนตัวแนวระนาบของรอยเลื่อนสะกาย บริเวณนอกชายฝั่งตอนใต้ของเมียนมา ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 500 กม. ด้านสมาคมวิศวกรโครงสร้างฯ เตือนอย่าตื่นตระหนก คนกรุงบนตึกสูงรู้สึกสั่น แต่ไม่กระทบโครงสร้าง กรมทรัพยากรธรณีชี้แจงกรณีแผ่นดินไหวขนาด 5.4 ความลึก 10 กิโลเมตร เมื่อเวลา 09.58 น. ตามเวลาประเทศไทย บริเวณนอกชายฝั่งตอนใต้ของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 500 กิโลเมตร การตรวจสอบพบว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้ เกิดจากการเคลื่อนตัวของ “รอยเลื่อนสะกาย” แนวระนาบเหลื่อมขวา (right-lateral strike-slip fault) ซึ่งมีอัตราการเคลื่อนที่เฉลี่ยปีละ 2 เซนติเมตร รอยเลื่อนนี้เคยสร้างแผ่นดินไหวใหญ่หลายครั้ง อาทิ ปี 2473 ขนาด 7.3 มีผู้เสียชีวิตกว่า 500 คน และเมื่อ 28 […]

นายกฯ พยักหน้ารับกำลังใจดี ศาล รธน.นัดชี้ชะตา 29 ส.ค.

ศาลรัฐธรรมนูญ 21 ส.ค.- นายกฯ พยักหน้ารับกำลังใจดี หลังไต่สวนคดีคลิปเสียงเสร็จ ประชาชนตะโกน “นายกฯ สู้ๆ” ด้านศาล รธน. นัดอ่านคำวินิจฉัยคดี 29 ส.ค. ย้ำ ห้ามเผยแพร่ข้อมูลและห้ามบิดเบือน ภายหลังการไต่สวนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที คดีคลิปเสียงสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธาร และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ศาลรัฐธรรมนูญได้กลับมาเผยแพร่โทรทัศน์วงจรปิดอีกครั้ง โดยนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ศาลได้บันทึกเสียงและภาพการไต่สวนแล้ว และย้ำอีกครั้งว่า ห้ามผู้เข้าฟังการไต่สวน นำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามมิให้บิดเบือนข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน ศาลได้สั่งให้คู่กรณียื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันจันทร์ที่ 25 ส.ค. จากเดิมให้ยื่น 27 ส.ค. ซึ่งหากไม่ยื่นจะถือว่าไม่ติดใจ และนัดแถลงด้วยวาจาปรึกษาหารือและลงมติ วันที่ 29 ส.ค. เวลา 09.30 น. นัดอ่านคำวินิจฉัยในวันเดียวกัน เวลา 15.00 […]

แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งคุมเข้ม หลังเหตุคาร์บอมบ์ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส

นราธิวาส 21 ส.ค. – ความคืบหน้าเหตุคาร์บอมบ์ ในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อคืนที่ผ่านมา อส.บาดเจ็บ 6 นาย แม่ทัพภาคที่ 4 รุดตรวจที่เกิดเหตุ สั่งปิดช่องทางหลบหนี คุมเข้มแนวชายแดน ภาพจากกล้องวงจรปิด เหตุคาร์บอมบ์เมื่อคืนนี้ ช่วงเวลา 20.20 น. บริเวณหน้า จุดตรวจ/จุดสกัด ฐาน ชคต.ศาลาใหม่ ม.1 บ้านโคกมะเฟือง อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ก่อนคนร้ายอาศัยความมืดหลบหนีไปทางซอยศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเล จังหวัดนราธิวาส โดยคนร้ายไม่ทราบจำนวนก่อเหตุใช้รถยนต์ Toyota Yaris สีดำ บรรทุกวัตถุระเบิด ขับเข้าพุ่งชนแนวกระสอบทรายบริเวณดังกล่าว ก่อนคนร้ายอาศัยความมืดหลบหนีไปทางซอยศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเล จังหวัดนราธิวาส แรงระเบิดส่งผลให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัคร (อส.) ที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดได้รับบาดเจ็บ 6 นาย ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ในฐานได้ยิงตอบโต้เพื่อสกัดกั้นเส้นทางของคนร้าย หลังเกิดเหตุ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ผอ.รมน.ภาค 4 สั่งการเร่งด่วนให้หน่วยกำลังในพื้นที่ปฏิบัติตามแผนสกัดกั้น ประสานทุกภาคส่วนร่วมปิดล้อมตรวจสอบเส้นทาง […]

รองแม่ทัพภาค 2 โพสต์เล่าที่มาปัญหา “ช่องอานม้า”

21 ส.ค. – รองแม่ทัพภาค 2 โพสต์เล่าที่มาปัญหา ‘ช่องอานม้า’ เป็นบทเรียนของไทย ชี้ความเพิกเฉยต่อประเด็นความมั่นคง ส่งผลให้เกิดปัญหาใหญ่ระยะยาว พลตรีณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 โพสต์เล่าเกี่ยวกับพื้นที่ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน ว่าความจริงมีหนึ่งเดียว โดยช่องอานม้าเป็นช่องเขาลักษณะคล้ายอานม้า เป็นช่องทางธรรมชาติใช้ชักลากไม้นำเข้าจากกัมพูชา ห้วงสงครามกลางเมืองชาวกัมพูชาได้หนีภัยสู้รบเข้ามา ไทยได้เอื้อเฟื้อ ตั้งศูนย์อพยพตามหลักมนุษยธรรม โดยมีหน่วยงานสหประชาชาติอำนวยการ หลังการสู้รบ ได้ส่งคืนผู้อพยพกลับประเทศ แต่มีส่วนหนึ่งยังคงปักหลักตั้งถิ่นฐานไม่ยอมกลับ ด้วยหลักมนุษยธรรมที่สากลนำมากล่าวอ้างและความไม่เด็ดขาดของเรา ทำให้ไม่สามารถผลักดันกลุ่มคนเหล่านี้ออกจากพื้นที่ได้หมดและยืดเยื้อจนเป็นปัญหาถึงปัจจุบัน ปี 2542 ไทยและกัมพูชา เห็นชอบเปิดช่องอานม้าเป็นจุดผ่อนปรนเพื่อการค้า กำหนดให้ตลาดฝั่งกัมพูชาอยู่ชุมชนเดิม แต่กัมพูชาจับจองพื้นที่ขยายชุมชนจาก 30 หลังเป็นกว่า 100 หลัง ขณะที่ตลาดฝั่งไทยกลับลึกเข้ามาจากแนวเขตแดน 300 เมตร ปี 2554 ในขณะมีข้อขัดแย้งพื้นที่เขาพระวิหาร กัมพูชาใช้ห้วงเวลาที่เราตรึงการรบแอบสร้างอนุสาวรีย์ตาอม และปรับปรุงมาเรื่อยๆ จากแบบชั่วคราว จนเป็นแบบถาวรและขยายบ้านเรือน ฝ่ายทหารได้พยายามแก้ไขด้วยการเจรจาและประท้วง ผ่านกลไกทางทหารและกระทรวงการต่างประเทศ รวม 65 ครั้ง แต่ฝ่ายกัมพูชาเพิกเฉย ซึ่งสร้างความอึดอัดแก่ทหารในพื้นที่เป็นอย่างมาก […]