สำนักงานกกต. 2 พ.ค.-“ศรีสุวรรณ” ร้อง กกต.สอบ “อุ๊งอิ๊ง” ถือหุ้นสื่อบริษัทเอสซี เข้าข่ายขัดคุณสมบัติผู้สมัครเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ขอให้ตรวจสอบกรณีน.ส.เเพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊ง หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพื่อไทย คุณสมบัติขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยนายศรีสุวรรณ กล่าวว่า กรณีพรรคเพื่อไทยเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีต่อกกต.เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 66 จำนวน 3 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือน.ส.แพทองธาร โดยตนได้ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตาม ม.98(2) ประกอบ ม.160(6) และ ม.98(3) ที่ระบุไว้ชัดเจนว่าบุคคลที่เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ เป็นลักษณะต้องห้ามที่พรรคการเมืองจะมีมติว่าจะเสนอให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตาม ม.88 มิได้
“น.ส.แพทองธารยังถือหุ้นอยู่ในกิจการ บริษัท เอสซีแอสเสท คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) 1,216,149,807 หุ้น โดยแจ้งวัตถุประสงค์ตามที่ได้จดทะเบียนบริษัทฯ ทั้งหมด 39 ข้อโดยมี 5 ข้อที่อาจเข้าข่ายเป็นกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ อาทิ ประกอบกิจการเกี่ยวกับการจัดทำ จัดพิมพ์เอกสารใด ๆ ประกอบกิจการโฆษณา ประกอบกิจการจัดสร้าง จัดจำหน่ายภาพยนต์ประกอบธุรกิจด้านบันเทิง และโฆษณา ทุกชนิด ทุกประเภท ประกอบธุรกิจและธุรกรรมทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท ซึ่งเราไม่แน่ใจว่าการระบุวัตถุประสงค์ในหนังสือบริคณห์สนธิ หรือเอกสารที่จดแจ้งกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์จะถือว่าเป็นเจ้าของกิจการในสื่อ หนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนใด ๆ ตามที่กฎหมายได้ระบุห้ามไว้หรือไม่ สมาคมฯ จึงนำคำร้องยื่นต่อ กกต. เพื่อขอให้ไต่สวน สอบสวนว่าการที่น.ส.แพทองธารถือหุ้นในกิจการที่อาจจะมีวัตถุเกี่ยวข้องกับกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนใด ๆ จะเข้าข่ายขัดหรือแย้งต่อคุณสมบัติ หรือลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่” นายศรีสุวรรณ กล่าว
เมื่อถามว่าหากกกต.วินิจฉัยน.ส.แพทองธารขาดคุณสมบัติจริงจะมีผลต่อพรรคเพื่อไทยอย่างไรบ้าง นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เบื้องต้นพรรคจะตัดสิทธิการเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของน.ส.แพทองธาร ซึ่งจะเหลือแคนดิเดตนายกฯ 2 คน ส่วนน.ส.แพทองธาร จะต้องได้รับโทษตามกฎหมายอาญาฐานแจ้งความเท็จต่อกกต. เพราะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88,89 กำหนดไว้ว่าผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมืองจะต้องเซ็นยินยอมด้วย ซึ่งจะทำให้น.ส.แพทองธาร มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 ซึ่งจะต้องระวางโทษไม่เกิน 6 เดือน และปรับไม่เกิน 10,000 บาท โดยการเสนอชื่อบุคคลที่เป็นแคนดิเดตนายกกำหนดไว้ว่าต้องมีหนังสือยินยอมของบุคคลที่รับการเสนอชื่อ ในส่วนของกรรมการบริหารพรรคอาจจะต้องรับผิดชอบในฐานะเป็นผู้ที่เสนอชื่อน.ส.แพทองธาร เป็นแคนดิเดตนายกฯ โดยมีโทษกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560.-สำนักข่าวไทย