นายกฯ พบยุวชนประชาธิปไตย ย้ำพัฒนาตนเองฝึกทักษะหลากหลาย

ทำเนียบฯ 28 เม.ย.-นายกฯ พบคณะยุวชนประชาธิปไตย สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในบทบาทหน้าที่รัฐและการบริหารราชการแผ่นดิน ย้ำหมั่นพัฒนาตนเอง ฝึกทักษะที่หลากหลายเพื่อดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพและมีความสุข


นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสภาผู้แทนราษฎร นำคณะยุวชนประชาธิปไตยและเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เข้าเยี่ยมคารวะและรับฟังโอวาทจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  กิจกรรมครั้งนี้ เพื่อให้เยาวชนได้รับองค์ความรู้เชิงบูรณาการด้านการปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมทั้งให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิ เสรีภาพ หน้าที่ และความรับผิดชอบของพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยตามวิถีรัฐธรรมนูญ อันจะเป็นพลังขับเคลื่อนต่อการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศไทยให้เข้มแข็ง

โดยมีกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมกิจกรรมเป็นเยาวชนอายุระหว่าง 15 – 20 ปี กำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสายสามัญหรือสายอาชีพ และระดับอุดมศึกษาหรือเทียบเท่าจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 160 คน ทั้งนี้ หลักสูตรการอบรมกิจกรรมยุวชนประชาธิปไตยประกอบด้วยภาคเนื้อหาสาระ และภาคประสบการณ์ ซึ่งภาคประสบการณ์ได้มาศึกษาดูงาน ณ ทำเนียบรัฐบาล เรียนรู้ถึงบทบาท หน้าที่ และอำนาจของฝ่ายบริหาร


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้มีโอกาสมาพบกับคณะผู้บริหารสภาผู้แทนราษฎร และเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่นำคณะยุวชนประชาธิปไตยเดินทางมาศึกษาดูงานและเยี่ยมชมทำเนียบรัฐบาล รวมถึงเรียนรู้เรื่องบทบาท หน้าที่และอำนาจของฝ่ายบริหาร โดยเฉพาะศูนย์สั่งการของรัฐบาลที่ทำเนียบรัฐบาลซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของนายกรัฐมนตรีในการบริหารประเทศและสั่งการไปยังหน่วยงานราชการต่างๆ ในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้

พร้อมย้ำถึงระบบการทำงานของประเทศว่า ประกอบด้วย 3 ฝ่ายที่สำคัญ  1) ฝ่ายบริหาร คือในส่วนของรัฐบาล ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคือหัวหน้าฝ่ายบริหาร 2) ฝ่ายนิติบัญญัติ คือ สภาฯ และ 3) ฝ่ายกระบวนการยุติธรรม (ฝ่ายตุลาการ)  โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้กำหนดอำนาจหน้าที่ของทั้ง 3 ฝ่ายไว้ชัดเจนคือจะต้องไม่มีการล่วงซึ่งกันและกัน แต่จะเกิดความร่วมมือระหว่างกันผ่านช่องทางการดำเนินการตามกฎหมาย กระบวนการและขั้นตอนต่างๆ ที่มีอยู่ ทั้งนี้สิ่งสำคัญของประชาธิปไตย คือ ทุกคนต้องรู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเอง และมีสิทธิทุกอย่างตามกฎหมายที่กำหนดไว้โดยไม่ไปละเมิดสิทธิผู้อื่น ดังนั้นทำความต้องเข้าใจคำว่า “ สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบ” ให้ชัดเจนเพื่อให้การใช้สิทธิเสรีภาพของตนเองโดยไม่ไปละเมิดสิทธิของผู้อื่นให้เกิดความลำบากและเดือดร้อน

นายกรัฐมนตรี ย้ำถึงเรื่องความเท่าเทียมว่า สิ่งที่ทุกคนเท่าเทียมกันคือการอยู่ภายใต้กฎหมายและรัฐธรรมนูญเดียวกันที่ได้กำหนดให้ทุกคนมีสิทธิ์ มีหน้าที่ และมีความรับผิดชอบไว้แล้ว รวมถึงการทำให้ทุกคนมีความเท่าเทียมทางด้านโอกาส โดยเฉพาะโอกาสในการเข้าถึงบริการพื้นฐานต่าง ๆ ของภาครัฐ ที่รัฐบาลให้ความสำคัญและดำเนินการพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงอย่างเท่าเทียมและทั่วถึงทุกพื้นที่ นอกจากนี้ ยังให้ความเชื่อมั่นต่อสถานะการเงินของประเทศไทยที่ยังแข็งแกร่ง ซึ่งรัฐบาลปัจจุบันให้ความสำคัญในการบริหารจัดการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเกิดความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติภายใต้กรอบกฎหมายที่มีอยู


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เยาวชนจะต้องศึกษาเรียนรู้และหมั่นพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อให้เป็นบุคคลที่มีทักษะความสามารถในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะในปัจจุบันเป็นโลกของเศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาและสั่งสมองค์ความรู้ในด้านเทคโนโลยีถือเป็นเรื่องสำคัญ รวมถึงความรู้ด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และทักษะในการดำเนินชีวิตที่จะทำให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีคุณภาพและมีความสุข พร้อมย้ำให้เยาวชนทุกคนเตรียมความพร้อมทั้งด้านจิตใจและร่างกายให้เข้มแข็งและแข็งแรง รวมถึงการศึกษาเรียนรู้พัฒนาตนเองในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อให้พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบันและอนาคตทั้งเพื่อให้ทุกคนอยู่ร่วมกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างปลอดภัยและมีความสุข

อีกทั้งได้เชิญชวนให้เยาวชนและประชาชนหันมาปลูกต้นไม้ให้มากขึ้น โดยเฉพาะการปลูกไม้มีค่า 58 ชนิด เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวของประเทศและลดการปล่อยการคาร์บอนไดออกไซด์และโลกร้อนตามนโยบายรัฐบาล รวมทั้งสามารถใช้เป็นหลักประกันและสร้างรายได้ให้กับประชาชน เช่น การขายเป็นคาร์บอนเครดิต  ซึ่งเป็นการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากชั้นบรรยากาศของโลก มาคำนวนเป็นค่าเครดิต ให้สามารถซื้อ-ขายได้ด้วย

พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชมสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรที่เห็นความสำคัญของเยาวชนและจัดกิจกรรมนี้ขึ้น ซึ่งเยาวชนทุกคนจะร่วมเป็นพลังในการขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่ชาติบ้านเมืองต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ดูบังเกอร์หลบภัย ถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ มท.

11 มิ.ย.- นายกฯ ดูชาวบ้านทำบังเกอร์ ร้องโถ่ ก่อนถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ ก.มหาดไทย หลังรายงานขอรับบริจาคมาใช้แทนยางรถยนต์ วันนี้ (11 มิ.ย. 68) เวลา 13.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ต่อมายังหมู่บ้านสกลพัฒนา ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง เพื่อพบปะชาวบ้าน มอบสิ่งของ และตรวจดูการทำบังเกอร์หลบภัย โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้มีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามามอบให้ ซึ่งนายกฯ รับมาก่อนจะหันไปหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า “ผูกกันเป็นทีม” ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการสร้างบังเกอร์ โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสกลพัฒนา รายงาน โดยนายกรัฐมนตรี ถามผู้ว่าฯ ว่า ขอเข้าไปดูได้หรือไม่ และถามชาวบ้านบ้านว่า “ทำมานานหรือยัง” โดยชาวบ้านบอกว่า […]

คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา-ค้านประกันตัว

กรุงเทพฯ 11 มิ.ย. – คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ ตำรวจคัดค้านการประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวฝากขังพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 ควบคุมตัวหมอแอร์ ไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากการกระทำความผิดมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะมีการหลบหนีและยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในระหว่างควบคุมตัว หมอแอร์สวมหมวก แว่นตาดำ และแมสก์ปิดบังใบหน้า พยายามแอบอยู่หลังเจ้าหน้าที่ โดยไม่ตอบคำถามของสื่อมวลชนแต่อย่างใด สำหรับผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ วันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) .-สำนักข่าวไทย

เปิดขบวนการ “หมอแอร์” สวมชื่อคนตายซื้อยาเสียสาว

11 มิ.ย. – ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำแถลงกรณี “หมอแอร์” พร้อมพวกรวม 7 คน แอบอ้างชื่อคลินิก 12 แห่ง สั่งซื้อยายาเสียสาว นำมาขายต่อ นาน 3 ปี และยังสวมชื่อคนตาย 370 คน รับยา ขณะที่ รพ.ตำรวจ มีคำสั่งให้ “หมอแอร์” ออกจากราชการไว้ก่อน หลังเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.68) เจ้าหน้าที่บุกจับ “หมอแอร์” คุณหมอชื่อดัง สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมพวก แอบอ้าง 12 คลินิก สั่งซื้อยาควบคุม (ยาเสียสาว) นำมาขายต่อ นาน 3 ปี วันนี้ (11 มิ.ย.68) มีการแถลงข่าวเรื่องนี้ นำโดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย […]

เปิดภาพความจริง! อดีต-ปัจจุบันชายแดนช่องบก

11 มิ.ย. – ‘กองทัพไทย’ เปิดภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ ชายแดนช่องบก อุบลราชธานี เปรียบเทียบอดีต-ปัจจุบัน พบการทำกิจกรรมทางทหาร-ขุดคูเลต-ทำถนนส่งกำลังบำรุง ก่อนเหตุปะทะช่องบก 28 พ.ค.2568 ทีมโฆษกกองทัพไทย เปิดข้อมูลแผนที่ทางอากาศ จัดทำโดยกองบัญชาการกองทัพไทย จากกรณีไทย และกัมพูชา มีข้อสังเกตหลายประเด็นที่ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศตรงจุดปะทะ โดยภาพถ่ายทางอากาศ เริ่มตั้งแต่ปี 2497 ช่วงแรกถ่ายไว้จนถึงปี 2520, 2527 และมีการถ่ายภาพทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่อ้างถึงการยึดครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีปัญหานานมากแล้วนั้น หากมองตามภาพถ่ายทางอากาศ จะยืนยันได้ว่า ไม่มีการเข้าไปใช้พื้นที่อย่างที่อ้าง ข้อมูลของกองทัพไทย ยังได้เปรียบเทียบเส้นสีแดงในแผนที่ เป็นเส้นแนวที่ไทยยึดถือ ใช้แบ่งแนวเขตระหว่างไทย กัมพูชา และลาว ส่วนจุดปะทะที่เกิดขึ้นนั้น เป็นพื้นที่ที่เข้ามาทางฝั่งไทย ทั้งนี้ กองทัพไทยยังมีการถ่ายทางอากาศต่อเนื่องยาวมาถึงปี 2539, 2546, 2553 และ 2561 เป็นที่สังเกตได้ว่า ช่วง 70 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2497 ไม่มีใครเข้ามาถือครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่นั้น หากมองถึงกิจกรรมของประเทศเพื่อนบ้านที่ประเด็นในปัจจุบันนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนตามภาพถ่ายทางอากาศว่า มีการเคลื่อนไหวทางการทหารที่แตกต่าง […]