สำนักงานกกต. 21 เม.ย.-“ศรีสุวรรณ” ร้องกกต.สอบนโยบายหาเสียงเพื่อไทย ชี้แจงไม่ครบถ้วนตาม ม.57 เชื่อเงินดิจิตอล 1 หมื่นบาททำไม่ได้ ถ้าไม่กู้ จี้สอบให้เสร็จก่อนเลือกตั้ง
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อกกต. ขอให้ตรวจสอบรายละเอียดนโยบายหาเสียงที่ใช้จ่ายเงินของพรรคเพื่อไทย ว่าครบถ้วนตามเงื่อนไขตาม มาตรา 57 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 หรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบว่าสามารถดำเนินการให้เป็นจริงได้หรือไม่ด้วย ทั้งนี้ ใน 70 พรรคการเมืองที่ยื่นชี้แจงนโยบายหาเสียงต่อกกต.มีประเด็นที่น่าสงสัยคือกรณีนโยบายกระเป๋าเงินดิจิตอล 10,000 บาทของพรรคเพื่อไทย ซึ่งสมาคมเห็นว่าคำชี้แจงยังมีรายละเอียดไม่ชัดเจน และความเป็นไปได้ของโครงการมีโอกาสน้อยมาก ที่ระบุว่าจะใช้เงิน 560,000 ล้านบาท และอธิบายว่ามาจากประมาณการรายได้รัฐที่เพิ่มขึ้นในปี 67 จำนวน 260,000 ล้านบาท แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่ามีงบประมาณอยู่เพียง 2 แสนล้านบาทเท่านั้น จึงเกินกว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏ
ส่วนที่ระบุว่าจะนำเอาเงินภาษีที่ได้จากผลคูณต่อเศรษฐกิจจากการดำเนินนโยบายดังกล่าว 1 แสนล้านนั้นจริง ๆ เมื่อเข้าไปดำเนินการต้องนำเงิน 560,000 ล้านมาดำเนินการทันที เงินภาษีที่จะได้จะเกิดขึ้นภายหลัง คำถามคือแล้วจะเอาเงินจำนวนดังกล่าวมาจากไหน หรือที่ระบุว่าจะตัดงบสวัสดิการซ้ำซ้อนจำนวน 90,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีโครงการเบี้ยผู้สูงอายุ บัตรคนจน ซึ่งไม่ได้มีอธิบายว่าจะตัดจากงบฯวนไหน นอกจากนี้ยังจะตัดงบกระทรวงต่าง อีก 1.1แสนล้าน ซึ่งก็ไม่ระบุว่าจะดำเนินการอย่างไร ทั้งที่ 70 นโยบาย 15 ด้านจะต้องใช้เงินถึง 3 ล้านล้านบาท
“ขอให้กกต.ตรวจสอบว่าคำชี้แจงของพรรคเพื่อไทยเป็นไปโดยชอบตามมาตรา 57 หรือไม่ และถ้าไม่ชอบจะถือว่าเข้าข่ายหลอกลวงตามมาตรา 73 (5) ของพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. หรือไม่ ผมเห็นว่านโยบายของพรรคเพื่อไทยที่จะใช้เงิน 560,000 ล้าน ไม่มีทางทำได้ ถ้าไม่ใช้วิธีการกู้เงิน ซึ่งพรรคก็ไม่ได้ชี้แจงไว้” นายศรีสุวรรณ กล่าว
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เรื่องนี้กกต.ควรเร่งพิจารณาให้แล้วเสร็จก่อนการเลือกตั้ง หากเห็นว่าพรรคเพื่อไทยชี้แจงมาถูกต้องก็จะเป็นประโยชน์กับพรรคที่จะใช้นโยบายนี้หาเสียงต่อได้ แต่หากมีปัญหาก็ต้องสั่งให้ยุติการนำไปหาเสียง แล้วเอาผิดตามกฎหมายกำหนด ขณะเดียวกันตนจะไปดำเนินการในช่องทางอื่น เช่น ร้องต่อป.ป.ช.หรือศาลปกครองขอให้วินิจฉัย และกกต. ต้องตรวจสอบรายละเอียดนโยบายของพรรคอื่น ๆ ด้วย เพราะกกต.มีหน้าที่ ถ้านิ่งเฉยอย่าลืมว่ากกต.หลายคนในอดีตก็ถูกลงโทษมาแล้ว.-สำนักข่าวไทย