ร้อยเอ็ด 18 เม.ย.- “เศรษฐา” ฉุนข่าวเพื่อไทยยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระบุเลอะเทอะ ยันทีมกฎหมาย-คณะทำงานเศรษฐกิจไม่แตกคอ ขณะที่ “อุ๊งอิ๊ง” อุ้มลูกสาววิดีโอคอลเวทีปราศรัยที่ร้อยเอ็ด
นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานคณะที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวทีมเศรษฐกิจและฝ่ายกฎหมายของพรรคเห็นต่างกันเรื่องชี้แจงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เกี่ยวกับนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ว่า วานนี้ (17 เม.ย.) ตนนั่งประชุมอยู่ทั้งสองทีม ยืนยันว่าไม่แตกคอ ทุกอย่างเหมือนเดิม
“เห็นตรงกันเรียบร้อย เข้าใจว่า พรรคเพื่อไทยจะส่งคำชี้แจงไปยัง กกต. วันเดียวกันนี้ (18 เม.ย.) ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่มีปัญหา พรรคจะชี้แจงทุกอย่างทุกขั้นตอนตามข้อสงสัยของ กกต.” นายเศรษฐา กล่าว
ส่วนที่มีรายงานข่าวว่าจะยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นเรื่องเลอะเทอะ ไม่จริง ยืนยันอีกครั้งไม่ยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การจัดเก็บงบประมาณยืนยันมีความเพียงพอ
นายเศรษฐา กล่าวถึงกรณีผลโพลระบุว่า แม้พรรคเพื่อไทยจะอยู่อันดับ 1 แต่คะแนนนิยมลดลง ส่วนพรรคก้าวไกล อันดับ 2 คะแนนนิยมกลับเพิ่มขึ้น ว่า ยังไม่ได้ดูตรงนี้ แต่ได้นำทุกอย่างมาวิเคราะห์ เขตไหนที่พรรคเพื่อไทยได้คะแนนลดลง อาจจะเป็นเพราะพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้ลงพื้นที่ก็ได้ พรรคเพื่อไทยฐานเสียงใหญ่อยู่ที่ภาคอีสาน
“วันนี้วันแรกที่ผมมาภาคอีสาน ถ้าให้ผมลงพื้นที่เยอะขึ้น พร้อมพบปะพี่น้องประชาชนก็น่าจะเข้าใจนโยบายดี ๆ ของพรรคเพื่อไทยได้ แต่การทำโพลแต่ละพื้นที่แตกต่างกัน แต่ฐานเสียงพรรคเพื่อไทยอาจอยู่ที่ออฟไลน์ก็ได้ ซึ่งผมรับฟังและจะเอาไปวิเคราะห์ให้ดี” นายเศรษฐา กล่าว
ส่วนยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยจะยืนหนึ่งในโพลได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า มั่นใจ พรรคเพื่อไทยมีโพลสำรวจความเห็น เพราะเราต้องการทราบข้อมูลที่แท้จริง เพื่อทำให้เดินทางไปข้างหน้า แก้ไขปัญหาและวางยุทธศาสตร์โค้งสุดท้าย เป็นธรรมดาที่จะปรับกลยุทธ์ตลอดอยู่แล้ว
เมื่อถามย้ำว่า ช่วงเวลาที่เหลือจะมีนโยบายอะไรเซอร์ไพรส์อีกหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องคอยดูกันต่อไป
“แพทองธาร-อุ้มน้องธิธาร ลูกสาว” วิดีโอคอลเวทีปราศรัย จ.ร้อยเอ็ด อ้อนขอเลือกผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย ทั้ง 8 เขต ยกจังหวัดให้แลนด์สไลด์ ด้าน “เศรษฐา” ชูเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้ตั้งตัวไม่ต้องแบมือขอรัฐบาลทีละ 500-1,000 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์เรื่องดังกล่าวระหว่างลงพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด ช่วยนายสถาพร ว่องสัธนพงษ์ ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 1 ปราศรัยใหญ่ที่จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายพานทองแท้ ชินวัตร ที่ปรึกษาศูนย์ปฏิบัติการการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย และผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย นายฉลาด ขามช่วง เขต 2 เบอร์ 3 น.ส.จิราพร สินธุไพร เขต 5 เบอร์ 3 น.ส.ชญาภา สินธุไพร ผู้สมัคร ส.ส.เขต 8 เบอร์ 4 ร่วมเวทีปราศรัย ท่ามกลางประชาชนฟังการปราศรัยเต็มพื้นที่
ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย วิดีโอคอลมาปราศรัยในเวทีปราศรัยใหญ่วันนี้ด้วย โดยก่อนเริ่มปราศรัย น.ส.แพทองธาร ได้นำน้องธิธาร บุตรสาวที่กำลังรักษาอาการป่วยด้วยไวรัส RSV มาทักทายประชาชนที่อยู่ภายในสาเกตฮอลล์ พร้อมระบุว่า ธิธารกำลังไม่สบาย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนตนก็ติดไข้หวัดจากลูกสาว โดยให้น้องธิธารโบกมือทักทายประชาชนด้วย
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ดีใจมากที่ได้มาเจอคนร้อยเอ็ดอีกครั้ง และเสียดายที่ไม่ได้ไปปราศรัย เพราะอยู่ระหว่างตั้งครรภ์ใกล้ครบ 9 เดือนแล้ว พรรคเพื่อไทยดีใจมาก ๆ ที่ได้บอกเล่านโยบายให้กับประชาชน ตนเคยมาปราศรัยที่ภาคอีสานแล้วสนุกมาก ทั้งนี้ มองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ต้องเลือกอย่างมียุทธศาสตร์ และขอให้เลือกพรรคเพื่อไทยในจังหวัดร้อยเอ็ด ยกจังหวัดทั้ง 8 เขต เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง นโยบายของพรรคเพื่อไทยเพิ่มรายได้เกิดขึ้นจริงอย่างแน่นอน ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย
“ชาวอีสานรวยกันแล้วค่ะ การจะเพิ่มนโยบายและรายได้ให้กับพี่น้องประชาชน พรรคเพื่อไทยจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น เราจะไม่ได้เห็นพี่น้องตกงานกันอีกแล้ว มีงานทำ มีรายได้เอาไว้เลี้ยงครอบครัวของตนเอง ชาวร้อยเอ็ดพร้อม ไม่พร้อม ขอฝากผู้สมัครทั้ง 8 เขตให้แลนด์สไลด์ และขอให้พี่น้องร้อยเอ็ดผู้มีอุดมการณ์ทุกคน ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเพื่อเลือกคนที่มาเปลี่ยนแปลงประเทศให้ได้ ดิฉันขอส่งกำลังใจให้พี่น้องประชาชน ถ้าเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ต้องกินดีอยู่ดีขึ้น วันนี้ขอให้ทุกคนมีความสุขมาก ๆ ถ้ามีโอกาสจะไปภาคอีสานอีกแน่นอน” น.ส.แพทองธาร กล่าว
จากนั้น นายเศรษฐา ปราศรัยว่า พรรคเพื่อไทย ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน คิดใหญ่ ทำเป็น และทำได้มาโดยตลอด นโยบายที่ผ่านมาในอดีต แม้จะล่วงเลยมา 20 กว่าปีแล้ว ทั้งนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค จะยกระดับโดยใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว รักษาที่ไหนก็ได้ นอกจากนี้ นโยบายของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็จะมีนโยบายเพื่อมากระตุ้นเศรษฐกิจ มีนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท/วัน จบปริญญาตรี 25,000 บาท/เดือน
“ยืนยันค่าแรงไม่ทำให้ย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศ แต่ประเทศไทยไม่มีผู้นำที่จะออกไปเจรจาการค้ากับต่างประเทศ จึงไม่ใช่ย้ายฐานการผลิตพอค่าแรงขั้นต่ำของ 600 บาท/วัน ของพรรคเพื่อไทย รวมทั้งยังมีนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่จะถูกส่งเข้าไปในกระเป๋าเงินของพี่น้องประชาชน ไม่ต้องมารับเงินทีละ 500 บาท ทีละ 1,000 บาท จากรัฐบาลที่ไม่เห็นหัวประชาชน เราจะมีเงิน 10,000 บาท ให้พี่น้องตั้งตัวได้ไปสร้างธุรกิจใหม่ ไม่ต้องแบมือขอเงินจากรัฐบาล วันที่ 14 พ.ค.นี้ ผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนกำลังรอให้พี่น้องร้อยเอ็ดไปลงคะแนนเสียง และขอให้ช่วยเลือกพรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ด้วย” นายเศรษฐา กล่าว.-สำนักข่าวไทย