รมว.กลาโหม ยันไม่ปิดประตูคุยสันติสุขชายแดนใต้

ปทุมธานี 23 เม.ย.-“ภูมิธรรม” รมว.กลาโหม ยันไม่ปิดประตูคุยสันติสุขชายแดนใต้ แต่คู่เจรจาต้องมีอำนาจสั่งการชัดเจน และต้องคุยภายใต้รัฐธรรมนูญไทย มีรัฐเดียวแบ่งแยกไม่ได้ ขีดเส้นทหาร-ตำรวจ-ฝ่ายปกครอง รายงานผลดับไฟใต้ใน 7 วัน หลังเหตุถี่ ย้ำ คือคำสั่ง ไม่ใช่การขอความร่วมมือ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ขณะนี้ ที่เกิดเหตุรุนแรงจากจุด ว่า เรื่องมันต่อเนื่องมาตั้งแต่ที่ตนอยากจะเปลี่ยนยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาภาคใต้อยู่แล้ว สิ่งที่ยากลำบากคือ บางทีเราคุยกับหลายส่วน แต่มันได้ความจริงของแต่ละคน ซึ่งยากลำบากและซับซ้อนเกินกว่าที่จะสรุปได้ และยากที่จะบอกว่าจะกำหนดยุทธศาสตร์อย่างไร จึงนำมาซึ่งการที่ยังไม่สามารถแต่งตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุข เพราะแม้เจรจามาหลายสิบปีแล้ว การสู้รบก็ยังไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก จึงได้พูดกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องว่า ถ้ายังใช้ยุทธศาสตร์เดิมแล้วคิดว่าถูกต้อง มันต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางบวก แต่ถ้ามันยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ได้ ก็ต้องคิดใหม่ เพราะคิดแบบเดิมก็ได้เหมือนเดิม ตนจึงเสนอที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ แล้วเราพยายามรวบรวมรับฟังความเห็นต่างๆ ของแต่ละส่วน


จริงๆ ปลายสัปดาห์นี้ ตนตั้งใจจะลงพื้นที่ไป โดยโปรแกรมที่วางไว้คือการพูดคุยกับนายอำเภอทุกอำเภอของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประมาณครึ่งวัน แล้วต่อด้วยการพูดคุยกับผู้กำกับทุกสถานีตำรวจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากนี้ จากที่ได้พูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 4 แล้ว จะขอพูดคุยกับผู้บังคับการกรมและผู้บังคับกองพันของหน่วยในพื้นที่ รวมไปถึงทหารพราน เพราะแม้การไปประชุมและการรับฟังตามขั้นตอนก็เป็นเรื่องจำเป็น แต่คิดว่าอาจไม่สามารถนำมาแก้ปัญหาได้ทั้งหมด โดยก่อนจะเข้าประชุม ตนได้คุยกับผู้บังคับการกรมและผู้บังคับการกองพัน ซึ่งมันออกรสชาติและเห็นปัญหาหลายอย่างมากขึ้น จึงอยากนั่งคุยแบบนี้ แต่พอเกิดเหตุรุนแรง ก็คิดว่าต้องลงพื้นที่ โดยยังไม่สนใจที่จะประชุมตามที่ได้เล่าไป แต่ทางหน่วยในพื้นที่ได้แจ้งมาว่าขอทำงานก่อน เพราะถ้าผู้บังคับบัญชาลงไป อย่างไรก็ต้องมีคนมาต้อนรับ งานก็จะมีปัญหา ตนจึงให้เขาทำงานไปก่อน แต่ก็ค่อนข้างเป็นห่วง เพราะเหตุที่เกิดครั้งนี้มันไม่ปกติ จึงคิดว่าควรต้องเรียกคุย ซึ่งตนทำหลายอย่างเพราะไม่คิดว่าวิธีเดียวจะแก้ปัญหาได้ และตนรู้สึกว่าจากการที่ได้คุยกับหลายส่วนเราทำงานเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างเดียวหรือไม่เราต้องทำงานเชิงรุกและอยากเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นยุติโดยเร็ว เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ประชาชนในพื้นที่ การที่เราบอกว่าไม่ทอดทิ้งเขา สร้างความมั่นใจให้เขา มันต้องมีรูปธรรมให้เห็นว่าสร้างความมั่นใจได้จริง จึงอยากให้ทำเร็วที่สุดหรืออย่างน้อย 7 วันมาคุยกับตนอีกครั้ง คิดว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญ แล้วเมื่อคืนนี้ตนได้โทรศัพท์พูดคุยกับผู้บัญชาการทหารบกซึ่งมีภารกิจอยู่ที่สิงคโปร์ และได้พูดคุยกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้วย โดยอยากให้มีมาตรการที่ชัดเจนไม่ว่าจะเป็นการเปิดปฏิบัติการหรืออะไรก็ตามต้องทำให้เป็นเชิงรุกและทำให้สถานการณ์ยุติเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงข้อดีคือการสร้างความมั่นใจและความเชื่อมั่นอย่างแท้จริง ซึ่งทั้งผบ. ทบและผบตรก็รับปฏิบัติ ใครที่ขาดหรือจำเป็นต้องเสริมก็ให้แจ้ง มา และขอให้ปฏิบัติตามหน้าที่ที่ควรกระทำอย่างเต็มที่ และเป็นในเชิงรุก เพื่อยุติสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดโดยเร็ว และเมื่อเช้านี้ตนได้พูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 4 ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และรองปลัดกระทรวงมหาดไทย รวมไปถึง เลขาธิการ ศอ.บต. ซึ่งในส่วนของ ศอ.บต. คงไม่มีอะไรมากเพราะทำงานในเรื่องของการพัฒนา แต่การระงับยับยั้งการเกิดเหตุ คงต้องใช้เวลาก็อยากให้ไปคุย และตนก็มีภาพในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์อยู่ในใจแล้ว คุยกับเหล่าทัพทั้งหมด นอกจากนี้เป็นเรื่องได้ยินดีที่ไทยได้รับความร่วมมือจาก ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ชัดเจนมากขึ้นว่าอยากช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ และกำลังตั้งผู้อำนวยความสะดวกคนใหม่ขึ้นมา โดยตนจะนัดหมายเจอกัน และตนก็ได้เตรียมตัวกับทีมงาน และจะได้ไปบอกกับเขาว่า ถ้าอยากให้มีตัวกลางเจรจา ก็ต้องบอกให้ชัดเจนว่าเขาต้องการอะไร คนที่จะมาคุยก็ต้องเป็นตัวแทนที่สามารถยุติการสู้รบให้เห็นได้อย่างมีเงื่อนเวลา แล้วมาคุยกัน และจะฝากอีกว่า สิ่งที่จะคุยกับตนได้ ต้องอยู่ในเงื่อนไขที่มีพื้นฐานยอมรับกันได้ ส่วนในระยะยาว ตนก็ยังคิดอีกหลายเรื่อง ทั้งเรื่องพื้นที่เศรษฐกิจ ซึ่งทางมาเลเซียเองก็อยากแก้ปัญหาเรื่องพื้นที่ชายแดนเช่นกัน

เมื่อถามย้ำว่า ไม่ได้ปิดประตูคณะเจรจา แต่ยังไม่ใช่เวลานี้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ก็ใครคือตัวแทน BRN ซึ่งต้องเป็นคนที่คุยแล้วจะเกิดผล เพราะคราวที่แล้วตนขอไปว่าในช่วงเดือนรอมฎอน ขออย่าให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้น ถ้าทำได้ แปลว่าคุณมีอำนาจในการยุติได้ ตนก็อยากคุย แต่มันก็ไม่จบ ถ้าเจรจาแล้วจะได้อะไร นี่ไม่ได้หมายความว่าตนปฏิเสธการเจรจา แต่คุณต้องบอกชัดเจนว่าใคร คือคนที่จะมาเจรจา ตนพร้อมคุยด้วย ถ้าเงื่อนไขที่ยื่นมาพอรับได้ อย่างเช่น ต้องคุยอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญไทยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการเป็นรัฐเดี่ยวต่อไป ซึ่งเป็นเงื่อนไขเบื้องต้น แต่ถ้าจะบอกว่าเป็นรัฐอิสระ แยกออกไป ขอย้ำว่า แผ่นดินไทยแยกไม่ได้ ก็ต้องคุยตรงนี้ให้ชัด แต่เรายอมรับสังคมพหุนิยม วัฒนธรรมพหุนิยม ส่วนรายละเอียดที่จะยุติค่อยมาว่ากัน ตนยังไม่มีตัวเลขที่ตายตัวว่าจะเป็นอย่างไร แต่เขาต้องพิสูจน์ให้เห็นว่า หนทางที่จะไป มันเป็นไปได้ เพราะตนได้รับการติดต่อมาหลายทาง ก็รับฟังและนำมาขบคิด พร้อมยืนยันว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เรื่องภาคใต้ตอนนี้ 7 วัน ให้เขารายงานเข้ามา ก็หวังว่าจะเกิดสิ่งที่ดี และนี่เป็นคำสั่งการ ไม่ใช่ขอร้อง สั่งการให้ดำเนินการ ให้ได้ตามเป้าประเมิน


เมื่อถามว่าที่จะมีการยกเลิกกฎอัยการศึก ในพื้นที่ 4 อำเภอ จะต้องชะลอไปก่อนหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่จำเป็นต้องชะลอเพราะโดยภาพรวมแล้วยังไม่เป็นปัญหา อะไรที่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนก็ให้ดำเนินการไปก่อน

พร้อมกันนี้ นายภูมิธรรมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ตนพยายามและให้ความมั่นใจ ว่าเราต้องการสร้างความมั่นใจให้ประชาชน และเราจะดูแลคุ้มครองทุกคน ให้เต็มที่ที่สุด ที่เราพึงจะกระทำให้ได้.-313.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

กัมพูชายืนยันไม่รับแผนที่ 1 : 50,000

15 มิ.ย. – กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU43 เท่านั้น พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยด้วยกลไกทวิภาคี ยกเว้น 4 จุดที่นำขึ้นศาลโลก เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานภายหลังเสร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ ว่า ฝ่ายกัมพูชาแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ Khmer Times อ้างตามเอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุม JBC ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย […]

“ลูกหมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ 13 มิ.ย. – “ลูกหมี รัศมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ด้าน “ทนายเดชา” เผยหาก 30 วัน ไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นเรื่องยึดทรัพย์-ฟ้องล้มละลาย นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีลูกหนี้ ซึ่งเป็นอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวน 2 ล้านบาท โดยไม่ยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้คุณลูกหมีฟ้องลูกหนี้ในความผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน โดยเงินต้นจำนวน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาว่า สัญญากู้เงินต้น 2 ล้านบาท เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด […]

อิสราเอลและอิหร่านโจมตีตอบโต้กันในระลอกใหม่

เทลอาวีฟ 15 มิ.ย. – อิสราเอลและอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้กันอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ซึ่งจุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ขยายการโจมตีอิหร่าน ด้วยการโจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์ที่สหรัฐเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังถือว่าไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับสิ่งที่อิหร่านจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การโจมตีของอิหร่านล่าสุดเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังเวลา 23:00 น. ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกัล 03.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในนครเยรูซาเลมและเมืองไฮฟา ทำให้ผู้คนราวหนึ่งล้านคนต้องรีบเข้าไปในสถานที่หลบภัย หน่วยบริการพยาบาลกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กวัย 10 ขวบและหญิงสาววัยราว ๆ  20 ปีรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 140 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สื่ออิสราเอลรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 35 คน หลังจากที่ขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่เมืองบัตยัม ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ โฆษกหน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคาร 8 ชั้นในเมืองนั้น และในขณะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะนี้่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอาคารกี่หลังที่ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 ราย นับตั้งแต่อิหร่านเปิดฉากโจมตีตอบโต้อิสราเอลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

สื่อเกาะติด! นายกฯ เข้าบ้านพิษณุโลก ถกผลประชุม JBC

บ้านพิษณุโลก 16 มิ.ย.- นายกฯ เข้าบ้านพิษณุโลก เรียกถกหน่วยงานความมั่นคง หารือผลประชุม JBC กำหนดแนวทางแก้ปัญหาข้อพิพาทพื้นที่ชายแดน ท่ามกลางสื่อมวลชนเกาะติดสถานการณ์ใกล้ชิด ความเคลื่อนไหวของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เช้าวันนี้ (16 มิ.ย.) ได้แจ้งเลื่อนภารกิจการให้ นางสาวสุชาตา ช่วงศรี Miss World 2025 และคณะ Miss World เข้าคาราวะ ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 10.00 น. ไปเป็นวันพรุ่งนี้ (17 มิ.ย. 68) โดยนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมด่วนหน่วยงานด้านความมั่นคง ถึงกรณีผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 หรือ The Sixth Meeting of The Cambodian-Thai Joint Commission on Demarcation for […]

‘รองแม่ทัพภาค 2’ โพสต์ 5 หมายเหตุ สะท้อนปมชายแดน

16 มิ.ย.- ‘รองแม่ทัพภาค 2’ โพสต์หมายเหตุ 5 ข้อ สะท้อนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจรจา JBC พร้อมตั้งคำถาม “คุยกันดีๆ แล้วทำไมต้องฟ้องศาลโลก?” พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 โพสต์หมายเหตุ 5 ประเด็น สะท้อนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

กต.แถลงผิดหวังกัมพูชาไม่ร่วมมือไทย ขาดความตั้งใจแก้ปัญหา

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – กต.แถลงผิดหวังกัมพูชาไม่ร่วมมือไทย แก้ปัญหาลดความตึงเครียด ขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคี บนพื้นฐานเพื่อนบ้านที่ดี พร้อมโต้ทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหา เมื่อ 22.30 น. กระทรวงการต่างประเทศของไทย ออกแถลงการณ์ผลการประชุม JBC ทั้งที่เดิมนัดสื่อเเถลงวันนี้ (16 มิ.ย.) ระบุว่าการหารือมีความคืบหน้าสำคัญ 4 เรื่อง ซึ่งหลักๆ ทั้ง 4 เรื่องในคำเเถลงออกมาตรงกัน ซึ่งการรับรองผลการประชุม JTSC ครั้งที่ 4 สองฝ่ายเห็นตรงกันต่อตำแหน่งที่ตั้งของหลักเขตถึง 45 หลัก และเห็นชอบให้นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำภาพถ่ายทางอากาศเพื่อความรวดเร็วในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ซึ่งในการเห็นชอบให้เเก้ไขแผนแม่บทว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา จัดทำขึ้นเมื่อปี 2546 (TOR 2003) ก็นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศเช่นกัน ส่วนในข้อ 4 เห็นชอบให้มีการจัดทำข้อกำหนดทางเทคนิคการเดินสำรวจในพื้นที่ตอนที่ 6 ไทยลงรายละเอียดว่า เป็นพื้นที่จากเขาสัตตะโสม จนถึงหลักเขตแดนที่ 1 ช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมอบหมาย JTSC […]

อุตุฯ เผยไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 40%

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส .-สำนักข่าวไทย