แพร่ 9 เม.ย. – “เศรษฐา” ควงผู้สมัคร ส.ส.แพร่ เดินตลาดทุ่งโฮ้ง ดูแหล่งผลิตผ้าม่อฮ่อม เล็งต่อยอด-ส่งออก พร้อมพูดคุยกับเกษตรกร รับฟังปัญหาด้านการเกษตร
นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย นพ.ทศพร เสรีรักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ เบอร์ 4 เขต 1 นพ.นิยม วิวรรธนดิฐกุล ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ เบอร์ 7 เขต 2 และนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ เบอร์ 5 เขต 3 เดินตลาดทุ่งโฮ้ง เพื่อทักทายพ่อค้าแม่ค้า และพี่น้องประชาชนที่มาเดินซื้อผ้าม่อฮ่อม และผ้ามัดย้อม ซึ่งตลาดทุ่งโฮ้ง ถือเป็นแหล่งผลิตผ้าม่อฮ่อมและผ้ามัดย้อมที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ นับเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่แข็งแกร่งเสมอมาของ จ.แพร่ โดยนายเศรษฐา และคณะได้พากันสวมเสื้อม่อฮ่อม เพื่อทำกิจกรรมที่ จ.แพร่ ในวันนี้ด้วย
นายวรวัจน์ กล่าวว่า ในอดีตเมื่อครั้งสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ตลาดทุ่งโฮ้งเคยผลิตผ้าม่อฮ่อมจำนวนมาก ทั้งเพื่อจำหน่าย และการส่งออก แต่ปัจจุบันจำนวนการผลิตลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง ทำให้การจำหน่ายในประเทศลดลง และรัฐบาลไม่ได้ผลักดันสินค้าอันเป็นเอกลักษณ์นี้ไปยังต่างประเทศเท่าที่ควร พรรคเพื่อไทยจึงเป็นความหวังของพี่น้องชาวเมืองแพร่ที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น และเข้ามาพัฒนาต่อยอดสินค้า รวมไปถึงส่งเสริมการส่งออกสินค้าประจำจังหวัดให้มากขึ้น
นายเศรษฐา ระบุว่า หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราจะเป็นนายหน้านำสินค้า และซอฟต์ พาวเวอร์ (Soft Power) ของไทยไปเจรจาค้าขายกับต่างชาติ นายกฯ จากพรรคเพื่อไทย จะเป็นเซลส์แมน นำสินค้าของพี่น้องประชาชนไปขายกับต่างประเทศ
สำหรับบรรยากาศระหว่างที่นายเศรษฐา และผู้สมัคร ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย เดินตลาดอยู่นั้น พ่อค้าแม่ค้าตามร้านค้าต่างๆ ได้ให้กำลังใจพรรคเพื่อไทย ขอให้ได้เป็นรัฐบาล และขอฝากเรื่องปัญหาปากท้อง เพราะกลุ่มคนค้าขายคือคนที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก นอกจากนี้ มีประชาชนจากต่างจังหวัดที่มาเลือกซื้อของได้เข้ามาขอถ่ายภาพกับแกนนำพรรคเพื่อไทย พร้อมระบุว่า “แลนด์สไลด์แน่นอน”
จากนั้น นายเศรษฐา ลงพื้นที่สวนทุเรียน อ.วังชิ้น จ.แพร่ ร่วมรับฟังปัญหาจากเกษตรกรกลุ่มต่างๆ ของ จ.แพร่ อาทิ กลุ่มชาวสวนทุเรียน กลุ่มชาวสวนกล้วย กลุ่มชาวสวนส้มเขียวหวาน กลุ่มผู้ปลูกถั่วลิสง กลุ่มชาวสวนส้มโอ เกษตรกรปลูกยางพารา และกลุ่มชาวนา
โดยตัวแทนกลุ่มชาวสวนทุเรียน ได้สะท้อนปัญหาว่า เรื่องผลผลิตไม่มีปัญหา แต่มีปัญหาเรื่องเอกสารสิทธิ พื้นที่อุทยานฯ เข้ามากินพื้นที่เรื่อยๆ และเรื่องน้ำ เราใช้น้ำธรรมชาติจาภูเขา ไม่ได้กั้นน้ำ ทำให้น้ำไม่เพียงพอ
ขณะที่ตัวแทนเกษตรกรชาวสวนส้มและส้มโอ สะท้อนปัญหาว่า ในการปลูกส้มมีปัญหาเรื่อง 1. เชื้อราที่ต้น และปัญหาเรื่องแมลง 2. เรื่องของตลาด ส้มมีผลผลิตจำนวนมาก แต่ราคาถูก และปัจจุบันส้มราคาดิ่งเหลือกิโลกรัมละเพียง 3 บาทเท่านั้น ทั้งที่รสชาติดีมาก 3. เรื่องการพัฒนาการแปรรูปที่ยังขาด 4. เรื่องเอกสารสิทธิในที่ดินที่ใช้เพาะปลูก และ 5. เรื่องการขนส่งผลผลิตที่มีต้นทุนสูง
ด้านตัวแทนกลุ่มชาวนา สะท้อนปัญหาว่า ข้าวราคาถูก ขณะที่ต้นทุน ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ย หรือน้ำมันที่ใช้ทำนา และใช้ขนส่งผลผลิต ราคาสูง เช่นเดียวกับตัวแทนกลุ่มผู้ปลูกยางพารา ที่สะท้อนปัญหาราคายางพาราที่ถูกมากๆ
นายเศรษฐา ระบุว่า ประเด็นเรื่องเชื้อรา และโรคที่เกิดกับต้นผลไม้ชนิดต่างๆ พรรคเพื่อไทย ร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ หาแนวทางแก้ไขเรื่องนี้ โดยการฉีดยาเข้าไปที่ราก ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างถาวร ส่วนเรื่องตลาด พรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่จะทำการขยายตลาด เราจะไปเปิดตลาดใหม่ในต่างประเทศ เราจะไปเจรจาขอโควตาส่งทุเรียน ส้ม ส้มโอ ฯลฯ ไม่ใช่กับเพียงญี่ปุ่น จีน อียู แต่ต้องเปิดตลาดในทวีปแอฟริกา ซึ่งมีความต้องการทางด้านอาหารสูงด้วย นอกจากนี้ เราจะมีการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม ขยายถนน ขยายรถไฟรางคู่ ทำการคมนาคมให้ดีแน่นอน ขณะที่ปัญหาเรื่องต้นทุนพลังงาน เช่น ค่าน้ำมัน ฯลฯ ประเทศไทยเรามีพลังงานทดแทนจำนวนมากที่จะดึงมาใช้ เราอาจจะมีมาตรการงดเว้นภาษีพลังงานบางจำพวก เพื่อให้ต้นทุนถูกลง และพรรคเพื่อไทยเรามีนโยบายลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้พี่น้องอยู่แล้ว สำหรับปัญหาเรื่องน้ำ พรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่จะบริหารจัดการน้ำ เพื่อให้น้ำไม่ท่วมในช่วงที่มีน้ำมาก และไม่แล้งในช่วงฤดูแล้งด้วย และหากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล แน่นอนว่าเราจะต้องทำให้พี่น้องประชาชนมีสิทธิในที่ดินทำกิน
“วันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า พวกผมมาหาเสียง มาขอเสียงให้กับพรรคเพื่อไทย เราไม่ได้เสแสร้งใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งต้องบอกว่า หากอยากให้นโยบายของพรรคเพื่อไทยเป็นจริง ขอเสียงให้นายวรวัจน์ เบอร์ 5 ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ ผูกพันกันมานาน อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรคพลังประชาชน มาจนพรรคเพื่อไทย เป็นกำลังสำคัญของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอดจากอดีตถึงปัจจุบัน เราตั้งใจแก้ปัญหาให้พี่น้องเกษตรกรชาวเมืองแพร่อย่างจริงจัง จึงต้องได้ ส.ส.แพร่ ยกจังหวัด เลือกพรรคเพื่อไทยให้ถล่มทลาย เพื่อได้นายกฯ จากพรรคเพื่อไทย” นายเศรษฐา กล่าว
ขณะที่ชาวบ้านอวยพรว่า “ขอให้เจ้าป่าเจ้าเขาอวยพร และช่วยให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลด้วย” – สำนักข่าวไทย