ปชป.เดินหน้า “รถโชว์ โพลิซี” ขอชาวหลักสี่หนุน

กรุงเทพฯ 30 มี.ค. – “มาดามเดียร์-ดร.เอ้” เดินหน้า “รถโชว์ โพลิซี” ปชป. ขอชาวหลักสี่สนับสนุน “ผู้การแต้ม” ย้ำคิดนโยบายคำนึงอนาคตลูกหลาน-ไม่ทิ้งภาระ


น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. พร้อมด้วย ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตหลักสี่-จตุจักร นางณัฐิดา เตาเฟ็ส ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตหนองจอก-คลองสามวา นายธีรวิทย์ ภูมิดิษฐ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตจตุจักร-บางเขน-หลักสี่ และนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกิจกรรม “รถโชว์ โพลิซี” (Roadshow Policy) เขตหลักสี่ ที่บริเวณเคหะชุมชนหลักสี่ ซอยแจ้งวัฒนะ 5

โดย ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ดำรงอยู่มาถึง 77 ปี โดยไม่มีเจ้าของ เพราะเจ้าของที่แท้จริงคือประชาชน และเชื่อว่าในอีก 20-30 ปีข้างหน้า พรรคการเมืองที่จะยังคงอยู่ก็คือพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ การเลือกตั้งที่เขาเรียกว่าผู้แทน ก็เพราะต้องเข้าไปเป็นผู้แทนให้กับประชาชน ซึ่งบทบาทแรกของผู้แทน คือ เป็นคนมีความรู้ ความสามารถ มองอนาคตของลูกหลาน และต้องดูแลแก้ปัญหาในพื้นที่ วันนี้ในพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานคร ปัญหาที่น่ากลัวที่สุด คือ ปัญหายาเสพติด ปัญหาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ดังนั้น วันนี้หากต้องเลือกผู้แทนที่จะเข้าไปแก้ปัญหาเหล่านี้ คนนั้นก็คือ “ผู้การแต้ม” ซึ่งเป็นคนที่มีอ่อนนอก แข็งใน อ่อนน้อมถ่อมตัว แต่มีความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับยาเสพติด วันนี้ตนจึงมาขอโอกาสจากทุกคน เพื่อให้ “ผู้การแต้ม” ได้เข้าไปทำหน้าที่แทนทุกคน ซึ่งการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา กทม. พรรคประชาธิปัตย์ไม่มี ส.ส.แม้แต่คนเดียว แต่ กทม.ก็ไม่ได้ดีขึ้น กลับกัน ปัญหายาเสพติดก็เพิ่มมากขึ้น ความปลอดภัยในชีวิตลดลง น้ำท่วมมากขึ้น และยังมีปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่รุนแรงจนแทบจะหายใจไม่ได้อีกแล้ว


น.ส.วทันยา ระบุว่า หากทุกคนได้ติดตามข่าวที่ผ่านมา จะเห็นว่าที่ผ่านมาเราจะเห็นข่าวสภาล่มอยู่บ่อยครั้ง ทุกคนรู้สึกผิดหวังกับนักการเมืองเหล่านั้นหรือไม่ ซึ่งในการเลือกตั้งแต่ละครั้งใช้งบประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท แต่ ส.ส.ที่เราเลือกเข้าไปกลับไม่ได้ทำหน้าที่ โดยเฉพาะหน้าที่ขั้นแรก คือ การเข้าประชุมสภาฯ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าอาย และนี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ตนต้องลาออกจากการเป็น ส.ส. รวมถึงการที่เมื่อเข้าไปเป็น ส.ส.แล้ว หลายครั้งเราไม่สามารถโหวตได้ตามสิ่งที่มีความเห็น เพราะมีเรื่องของมติพรรคเข้ามาเกี่ยวข้อง และถือว่านี่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เป็นอุปสรรคของการเมืองไทย เช่นเดียวกับเรื่องกล้วยในสภาฯ เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจอย่างมาก เป็นเรื่องที่น่าอาย แต่วันนี้คำว่ากล้วยกลับถูกนำเสนอผ่านสื่อจนเป็นเรื่องปกติได้อย่างไร ซึ่งเรื่องนี้คล้ายกับพรรคการเมืองที่เป็นระบบบริษัท จึงถามว่า ส.ส.ที่เลือกเข้าไปจะเลือกตามเสียงของประชาชน หรือเลือกตามกล้วยของเขา

“ทุกครั้งที่เราต้องเลือกตั้ง เราหวังว่าชีวิตจะดีขึ้น แต่ทำไมเมื่อเลือกตั้งผ่านไปทุกครั้ง ชีวิตเรากลับยังอยู่เหมือนเดิม ยังคงต้องปากกัดตีนถีบเหมือนเดิม” น.ส.วทันยา กล่าว

น.ส.วทันยา กล่าวต่อว่า นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์อาจจะไม่ได้หวือหวา เมื่อเทียบกับพรรคการเมืองอื่น ทั้งนี้ เพราะทุกนโยบายที่พรรคประชาธิปัตย์คิดและนำเสนอออกมานั้น จะต้องสามารถทำได้จริง และต้องคำนึงถึงอนาคต เพราะพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นพรรคการเมืองที่อยู่คู่สังคมไทยไปอีกยาวนาน เราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจที่จะทำนโยบายอะไรก็ได้โดยไม่คำนึงถึงอนาคตและผลกระทบ โดยเฉพาะนโยบายกัญชาเสรี ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนว่าไม่สนับสนุน เพราะเป็นนโยบายที่ไม่คำนึงถึงอนาคตของลูกหลาน แต่หากเป็นกัญชาเพื่อการแพทย์ เราพร้อมสนับสนุน


น.ส.วทันยา ยังกล่าวถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงแหล่งทุน โดยตนเชื่อว่า ทุกคนมีศักยภาพที่ไม่ต่างกัน แต่แตกต่างกันที่การเข้าถึงแหล่งทุน ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์จึงจะทำโอกาสที่เท่าเทียมให้กับประชาชนทุกคน เริ่มตั้งแต่ ธนาคารชุมชน ชุมชนละ 2 ล้านบาท เพื่อเป็นแหล่งที่สามารถทำให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายที่สุด ต่อมาอีกหนึ่งเศรษฐกิจที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักของประเทศ คือ ธุรกิจ SME โดยพรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายกองทุน SME 3 แสนบาท เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำไปพัฒนาธุรกิจ และสุดท้ายอีกหนึ่งนโยบายที่เราต้องปรับตัวให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป พรรคประชาธิปัตย์จึงมีนโยบาย “กองทุนไอเดียหนึ่งหมื่นล้านบาท” เพื่อให้คนที่มีความคิดสร้างสรรค์นำมาพัฒนาธุรกิจ สามารถยื่นรับเงินทุนมาพัฒนาความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างรายได้

ด้าน พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายดีๆ มากมาย ที่มีการดูแลประชาชนตั้งแต่แรกเกิด ด้านการศึกษา จนกระทั่งผู้สูงอายุ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เป็นคนริเริ่ม พรรคอื่นอาจจะมาบวกเพิ่ม เป็นนโยบายเกทับ โดยนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ เกิดมาจากโครงการ “ฟัง คิด ทำ” พบว่า ประชาชนอยากให้พรรคประชาธิปัตย์ อันดับแรก คือ เรื่อง PM 2.5 ที่ถือว่าเป็นอันตรายยิ่งกว่าโควิด-19 หากได้เป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์จะผลักดันกฎหมายอากาศสะอาดทันที ถัดมาเป็นเรื่องยาเสพติด ความปลอดภัยเมือง และการทุจริตคอร์รัปชันของหน่วยงานและคนที่รับราชการ พรรคประชาธิปัตย์จึงประกาศว่า “ไม่เอากัญชา ทำลายยาบ้า ยาเสพติด การทุจริตคือวิกฤติชาติ” เพราะประชาชนมองว่า พรรคประชาธิปัตย์ไว้ใจได้ และจะเป็นแกนนำในการแก้ไขปัญหาให้กับคนกรุงเทพมหานคร ไม่เหมือนพรรคการเมืองบางพรรค ที่ในอดีตไม่เคยทำ ปัจจุบันก็ทำเละ ถามว่าในอนาคตจะไม่เจ๊งหรือ

ดังนั้น ขอยืนยันว่า นโยบายของพรรค ต้องทำแล้วไม่ทิ้งภาระให้ลูกหลาน ต้องรับผิดชอบ เพราะเป็นพรรคที่มีอายุยืนยาวมากที่สุดถึง 77 ปี และมีอุดมการณ์ที่ทำให้กับประชาชนอย่างเดียว ไม่ได้ทำเพื่อครอบครัว ญาติพี่น้อง ที่สำคัญคือ พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคเดียวที่สะอาด ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชัน จึงขอให้เชื่อมั่นพรรคประชาธิปัตย์ และเชื่อมั่นในตัวของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะนำพาประเทศได้ และสุดท้ายขอให้เชื่อมั่นในตัวผู้สมัครของพรรค ที่ได้เปิดกว้างและคัดเลือกบุคคลที่มีคุณภาพ ยึดผลประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก และตนขอยืนยันว่า “จะทำให้หลักสี่ดีกว่าเดิม” พร้อมขอประชาชนชาวหลักสี่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งคนทั้งพรรค. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทหารกัมพูชาขุด “คูเลต” ลากยาว 650 เมตร

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- เปิดภาพ! “คูเลต” ทหารกัมพูชาขุดลากยาว 650 เมตร จากต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว จุดปะทะทหารไทย เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี หลังพบขุดคูเลต จากจุดต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว ระยะทาง 650 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา เพราะเป็นการละเมิด MOU 2543 เป็นครั้งที่ 2 แต่ทางทหารกัมพูชากับยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน โดยช่วงนี้อยู่ระหว่างการเจรจาของผู้นำในพื้นที่ทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายทหารไทยยืนยันว่าให้ทหารกัมพูชา ออกจากพื้นที่อ้างสิทธิพร้อมกัน-313 .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ ทหารไทยเข้าเจรจากลับยิงสวน ลั่นปกป้องอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 เต็มที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึง เหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา กำลังพลของกองกำลังสุรนารีได้ลาดตระเวนและพบว่า ทหารกัมพูชาขุดคูเลต เช่นเดียวกับเนิน 745 ช่องบก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา แต่ทางกัมพูชา ยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน อย่างที่เป็นข่าว สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อจากนี้ ผู้บังคับบัญชาในระดับพื้นที่กำลังพูดคุยเจรจา “ยืนยันว่าทหารไทยทำหน้าที่รักษาอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 ซึ่งในพื้นที่ทับซ้อนของทั้ง 2 ประเทศ จะมีการออกลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายล้ำเข้ามา ซึ่งทุกฝ่ายต้องยึดตาม MOU 2543”.-313.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารกัมพูชา

ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณช่องบก คลี่คลายแล้ว

กองทัพบก 28 พ.ค.-ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างรอการเจรจา พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยระบุว่าได้รับรายงานจาก กองกำลังสุรนารีเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.30 น. โดย หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้รับการรายงานว่ามีทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายไทยจึงจัดชุดประสานงานเพื่อเข้าพูดคุยเจรจาตามแนวทางการปฏิบัติที่เคยกระทำมา เมื่อถึงบริเวณดังกล่าว กำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชา ได้เข้าใจผิด และเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไป โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ต่อมาเวลา 05.55 น. พลตรี ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา ได้โทรศัพท์ประสานงานกับ พันเอก บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังบริเวณจุดปะทะ ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เพื่อจัดการกรณีอ้างสิทธิในพื้นที่ และกำหนดแนวทางร่วมกันในการปฏิบัติอย่างสันติ ตามข้อตกลงที่มีอยู่ […]

มติเอกฉันท์ สภาอนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล”

รัฐสภา 28 พ.ค.- สภาเอกฉันท์อนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล” ให้ธนาคารร่วมชดใช้ค่าเสียหายจาก “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” เร่งคืนเงินผู้เสียหาย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ วาระการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ซึ่งแบ่งเวลาในการอภิปรายฝ่ายละ 2 ชั่วโมง รวม 4 ชั่วโมง และจะเป็นการรวมพิจารณา และแยกลงมติทีละฉบับ โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอหลักการว่า เนื่องจากปัจจุบัน มี พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ยังมีมาตรการบังคับทางกฎหมายที่ยังไม่เพียงพอ กับรูปแบบอาชญากรรม กลุ่มมิจฉาชีพ จึงต้องแก้ไขปรับปรุงให้ทันสมัย เช่น การเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหาย, การอาญัติบัญชีม้า, การกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และมาตรการการโอนเงินผิดกฎหมาย ผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล จากนั้น ได้เปิดโอกาสให้ สส.อภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยนายจุติ […]

ข่าวแนะนำ

จับแล้ว “เกม” มือยิงยัดถังถ่วงอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ

นครสวรรค์ 29 พ.ค. – เมื่อสัปดาห์ก่อน เกิดเหตุสะเทือนขวัญ พบศพถูกยัดใส่ถังพลาสติกขนาด 200 ลิตร โยนทิ้งในอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ จ.นครสวรรค์ วันนี้จับผู้ต้องหาได้แล้ว จากเหตุสยองอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ เมื่อมีผู้พบศพชายปริศนา ถูกยัดอยู่ภายในถังพลาสติกขนาด 200 ลิตร ลอยอยู่ใกล้กับตลิ่ง เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ตำรวจ สภ.ตะคร้อ ต้องทำงานกันอย่างหนัก เพื่อหาคำตอบให้กับเหตุการณ์อันโหดเหี้ยมนี้ เบื้องต้นสามารถยืนยันได้ว่าชายดังกล่าวเสียชีวิตมาแล้ว 3-5 วัน และมีร่องรอยถูกยิงด้วยปืนลูกซอง จากการตรวจสอบในถังพลาสติกยังพบก้อนหินขนาดใหญ่ ถุงปุ๋ย และกระเป๋าสะพายข้าง ไปจนถึงโทรศัพท์มือถือ ทำให้สามารถค้นหาและทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายจุฑาเพชร หรืออ้วน อายุ 44 ปี ที่รับจ้างทำไร่ในพื้นที่ อ.โคกเจริญ จ.ลพบุรี จากการสืบสวนและแกะรอยจากกล้องวงจรปิดมานานกว่า 1 สัปดาห์ ทำให้พบว่านายปารวี หรือเกม อายุ 35 ปี เป็นผู้ก่อเหตุ เมื่อตรวจสอบรถกระบะและห้างนาของนายเกม ยิ่งพบหลักฐานสำคัญที่ยืนยันได้ว่านายเกมคือคนร้าย […]

ตั้ง 2 ประเด็น เหตุบุกยิง ครู-อส. งานแข่งตะกร้อ

นราธิวาส 29 พ.ค. – เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานเหตุคนร้ายยิงถล่ม สภ.จะแนะ จ.นราธิวาส คาดผู้ก่อเหตุมีไม่ต่ำกว่า 10 คน ด้านภรรยาตำรวจที่เสียชีวิต ร่ำไห้ทำใจไม่ได้ ส่วนเหตุบุกยิง ครู-อส. กลางงานแข่งตะกร้อ จนท.ตั้ง 2 ปมก่อเหตุ “ปัญหาส่วนตัว-ความมั่นคง” จากเหตุคนร้ายลอบยิงตำรวจขณะเข้าแถวเคารพธงชาติ ที่สถานีตำรวจภูธรจะแนะ ต.จะแนะ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส และยิงใส่ป้อมรักษาการประตู กระทั่งเกิดการยิงตอบโต้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงประมาณ 15 นาที จนกลุ่มผู้ก่อเหตุหลบหนีไป หลังเกิดเหตุ ส.ต.อ.อับดุลเลาะ มะกาเซ็ง อายุ 30 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และสิบตำรวจเอก เจษฎา พรหมรัตน์ อายุ 33 ปี บาดเจ็บสาหัส เมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านตำรวจที่เสียชีวิต เป็นสถานที่จัดงานให้ชาวบ้านมาร่วมทำบุญและแสดงความเสียใจกับครอบครัว หลังนำร่าง ส.ต.อ.อับดุลเลาะ ประกอบพิธีฝังศพที่กูโบร์บ้านบาเร๊ะบาโร๊ะ เมื่อคืนที่ผ่านมา (28 พ.ค.) นางสาวนุชฮูดา […]

ทางออก 3 ข้อ ไทย-กัมพูชา ตกลงร่วมคลี่คลายสถานการณ์ช่องบก

อุบลราชธานี 29 พ.ค. – สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา เช้าวานนี้ (28 พ.ค.) บริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ขณะนี้เข้าสู่วันที่ 2 แม้ไม่มีการปะทะเพิ่มเติม แต่เจ้าหน้าที่ยังตรึงกำลังแน่นหนา ส่วนชาวบ้านในพื้นที่เริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับการอพยพ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน แต่การแก้ปัญหาที่สำคัญคือ ผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองประเทศได้คุยกันแล้ว เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เบื้องต้นได้ข้อสรุป 3 ข้อ.-สำนักข่าวไทย

จับแล้ว! “สามีภรรยา” คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง

29 พ.ค.- จับแล้ว! สองสามีภรรยา คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง มือคุมบัญชีประมูลร้านค้างานประจำปี – ร้านค้าสวัสดิการ หลังศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับ วันนี้ ( 29 พ.ค.68) เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุม สองสามีภรรยา คนสนิทนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับ ในความผิดฐาน ข้อหาฟอกเงิน และ เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อหรือการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบังหรือทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” โดยสามารถจับกุมตัวทั้งสองได้ภายในค่ายลูกเสือพระพุทธศาสนา มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มาสอบปากคำยัง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ขณะเดียวมีรายงานว่า นอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับอดีตพระลูกวัดคนสนิท ทิดแย้ม ซึ่งถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดย พนักงานสอบสวน เตรียมประสานไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ […]