“พล.อ.ประวิตร”ลงใต้ติดตามพัฒนาแหล่งน้ำเมืองท่องเที่ยว

กระบี่ 20 มี.ค.-“พล.อ.ประวิตร” ลงใต้ ติดตามการพัฒนาแหล่งน้ำเมืองท่องเที่ยว หนุนไทยเป็น “ศูนย์กลางผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพ” พร้อมผลักดัน พ.ร.บ.ปาล์มน้ำมันและมีหน่วยงานรองรับตรง


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ จังหวัดกระบี่และพังงา ติดตามความคืบหน้าโครงการฝาย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และการอนุรักษ์แหล่งน้ำในพื้นที่ มีผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่และพังงา เลขา สทนช. อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ อธิบดีกรมชลประทาน และหัวหน้าส่วนราชการต่างๆให้การต้อนรับ

โดยรับฟังการบรรยายสรุปในพื้นที่ โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองไหล ต.พรุเตียว อ.เขาพนม จ.กระบี่ พร้อมพบปะรับฟังปัญหาประชาชนในพื้นที่ภาพรวมสถานการณ์น้ำของ จ.กระบี่ปัจจุบัน ปี 61 – 65 ดำเนินการแล้ว 447 โครงการ ประชาชนได้ประโยชน์กว่า 15,000 ครัวเรือน พื้นที่รับประโยชน์กว่า 23,500 ไร่ ปี 66 อยู่ระหว่างดำเนินการ 13 โครงการ พื้นที่รับประโยชน์ 1,430 ไร่ ประชาชนได้ประโยชน์กว่า 1,000 ครัวเรือน และปี 67 เตรียมโครงการรรองรับ 148 โครงการ พื้นที่รับประโยชน์กว่า 48,000 ไร่ ประชาชนรับประโยชน์กว่า 7,100 ครัวเรือน สำหรับปี 66 คาดการณ์มีภาวะฝนทิ้งช่วง มิ.ย.- ก.ค. ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำสะสมน้องกว่าเกณฑ์ที่กำหนด


พล.อ.ประวิตร ย้ำว่า ภาพรวมในอนาคต มีความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำ เราจึงต้องเตรียมการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยรัฐบาลให้ความสำคัญและจริงจังกับทรัพยากรน้ำอย่างมาก ทั้งด้านการพัฒนา ฟื้นฟูแหล่งน้ำ การแก้ปัญหา และการขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ มุ่งสู่ระดับความมั่นคงของทรัพยากรน้ำ โดยกำชับ ขอให้ทุกส่วนราชการ ต้องให้ความสำคัญ ลดปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งในพื้นที่เสี่ยงอย่างมีพัฒนาการ และให้เร่งสำรวจแหล่งน้ำสำรองและขับเคลื่อนมาตรการรองรับฤดูแล้ง โดยให้ทำงานเชื่อมโยงกับคณะกรรมการลุ่มน้ำจังหวัด เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายตามแผนแม่บทลุ่มน้ำของภูมิภาคร่วมกัน เพื่อให้มีแหล่งน้ำสำรองรองรับการอุปโภค บริโภค ของประชาชน รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่กำลังมีปริมาณเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

พร้อมย้ำกับพี่น้องชาวสวนปาล์มถึงการพัฒนาและแก้ปัญหาปาล์มน้ำมัน ในฐานะประธาน กนป.ที่พยายามร่วมผลักดันแก้ปัญหาราคาปาล์มตกต่ำร่วมกันจาก 2 บาท จนราคาสูงขึ้นเป็น 7.8 บาทปัจจุบัน มูลค่าการเติบโตจากปีละ 3 หมื่นล้าน เป็น 1.45 แสนล้านบาท ใน 4 ปีที่ผ่านมา โดยตั้งเป้าส่งออกปาล์น้ำมันปี 66 จำนวน 1.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้น .5 ล้านตัน พร้อมทั้งมีนโยบายผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพ (SAF)จากน้ำมันปาล์ม และมี พ.ร.บ.ปาล์มน้ำมัน ที่จะขับเคลื่อนให้เกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษปาล์มน้ำมัน เน้นส่งเสริมแปรรูปมูลค่าสูงและส่งออกผลิตภัณฑ์รวม 8 ชนิด มีมาตรการดูต้นทุนช่วยเหลือชาวสวนยาง สร้างรายได้ มีหน่วยงานดูแลปาล์มน้ำมันเป็นการเฉพาะในทุกมิติ และยกระดับมาตรฐานคุณภาพเทียบเท่ามาเลเซีย เพื่อให้ปาล์มน้ำมันเป็นพืชเศรษฐกิจที่ยั่งยืนของไทย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก