นายกฯ ติดตามการใช้พื้นที่ป่าชายเลน Ratsada Green in the City

ภูเก็ต 19 มี.ค.- นายกฯ ตรวจติดตามการใช้พื้นที่ป่าชายเลน ภายใต้โครงการป่าในเมือง Ratsada Green in the City จ.ภูเก็ต กำชับดำเนินการตามระเบียบ ข้อกฎหมาย ย้ำใช้ประโยชน์ได้จริงอย่างยั่งยืน ขอชุมชนพัฒนาตนเองเต็มศักยภาพ พร้อมเป็นเมืองท่องเที่ยวแห่งความสุข


นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (19 มีนาคม 2566) เวลา 13.00 น. ณ ชุมชนบ้านกิ่งแก้ว เทศบาลตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ ตรวจติดตามการใช้พื้นที่ป่าชายเลนภายใต้โครงการป่าในเมือง Ratsada Green in the City “ท่องป่าเลน ถิ่นเกาะสิเหร่ แลลิง อิงธรรมชาติ” ที่มุ่งพัฒนาพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเลนคลองบางชีเหล้า-คลองท่าจีน ซึ่งได้รับการอนุมัติใช้พื้นที่จากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2565 เนื้อที่ 678 ไร่ ให้เป็นศูนย์เรียนรู้และเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระบบนิเวศป่าชายเลนเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การเดินทางมาราชการจังหวัดภูเก็ตในวันนี้มาในนามของนายกรัฐมนตรีคนเดิมของทุกคน ด้วยใจสู่ใจ ยืนยันว่ามาดูแลทุกข์สุขของประชาชนในสิ่งที่รัฐบาลได้ดูแลและได้ทำไปแล้ว ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลตั้งใจทำเพื่อแก้ปัญหา และบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนโดยใช้กลไกทางกฎหมายเพื่อให้ทุกคนอยู่อย่างมีความสุข ถูกกฎหมาย มีที่อยู่ที่ทำกัน มีชีวิตที่ดีขึ้น และมีความปลอดภัย พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ โดยการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติในพื้นที่ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้จริง เป็นอีกหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ดำเนินการมาโดยตลอด และต้องการเห็นพื้นที่สามารถพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ สร้างความสุข สร้างรายได้อย่างยั่งยืน


นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการปลูกไม้มีค่า 58 ชนิด เพื่อเป็นทรัพย์สมบัติเป็นมรดกให้ลูกหลาน เป็นป่าชุมชน และคนอยู่ร่วมกับป่าอย่างมีความสุข ซึ่งตอนนี้ประเทศไทยเป็นหนึ่งใน 50 เมืองท่องเที่ยวของโลก การตัดสินใจเปิดภูเก็ตแซนด์บอกซ์ช่วงสถานการณ์โควิด นับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเพื่อฟื้นฟูประเทศจากภาคการท่องเที่ยว และในวันนี้ภูเก็ตถือเป็นหน้าตาของประเทศ ขอให้ทุกคนมีรอยยิ้มเพื่อดึงดูดใจคนทั่วโลก รอยยิ้มสยามเป็นสิ่งที่แสดงออกถึงความจริงใจที่มีให้กับทุกคน ขอให้มีความรักมีความสามัคคีกัน นอกจากนี้ การเตรียมความพร้อมเป็นเจ้าภาพการจัดงานสำคัญระดับโลก ขอให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน ดูแลความสะอาดของพื้นที่ให้เรียบร้อย รักษาต้นทุนธรรมชาติที่สวยงามไว้ รวมทั้งวัฒนธรรมวัดวาอาราม โบราณสถาน และการท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติ และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพื่อทำให้เมืองภูเก็ตเจริญเติบโตต่อไป และขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลมีความตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อให้ประสบความสำเร็จ ปัญหาบางอย่างอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ รัฐบาลจะบริหารจัดการให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อไปได้ และประสบความสำเร็จในที่สุด เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงโอกาสด้วยความเท่าเทียม มีรายได้ และทำให้ประเทศชาติเข้มแข็ง ขอให้ทุกคนไม่ทะเลาะเบาะแว้งไม่ขัดแย้งกัน ยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อันเป็นสามแกนหลักของประเทศไทย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังย้ำถึงเรื่องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ที่ต้องขอความร่วมมือทุกภาคส่วนให้ช่วยกันท่ามกลางเศรษฐกิจที่ขณะนี้ยังมีความผันผวน แต่ประเทศไทยยังสามารถไปได้ ขอให้ทุกคนใช้ศักยภาพของพื้นที่ในการช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ แล้วขับเคลื่อนประเทศไปด้วยกัน ขณะนี้ประเทศก้าวหน้ามาไกลแล้วอย่าได้กลับไปที่เดิม ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่ารักทุกคน ขออวยพรให้ทุกคนปลอดภัยมีความสุข และร่วมมือกับรัฐบาลในการขับเคลื่อนประเทศต่อไปเพื่อให้ประเทศพัฒนาไปสู่ความยั่งยืนอย่างมั่นคง

สำหรับโครงการรัษฎาป่าในเมืองฯ จะมีการจัดทำเส้นทางและพัฒนาแหล่งการศึกษาระบบนิเวศป่าชายเลน เก็บข้อมูลพันธุกรรมพืชและสัตว์ในพื้นที่ พร้อมเป็นศูนย์รวมแหล่งผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น พื้นที่อนุรักษ์พันธุ์ลิง เพื่อสงวน อนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรป่าชายเลนให้คงความสมบูรณ์ พร้อมพัฒนาเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ และท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ทั้งยังสร้างการมีส่วนร่วมของภาคราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน และประชาชน ในการบริหารจัดการป่าชายเลนในเมืองให้เกิดความสมบูรณ์และยั่งยืน เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคม รองรับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และเป็นการส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป


ภายหลังตรวจติดตามโครงการฯ นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับประชาชนในพื้นที่ชุมชนบ้านกิ่งแก้ว ซึ่งเป็นรายการอาหารที่ประชาชนแต่ละหมู่บ้านร่วมมือร่วมใจกันทำเพื่อนำมารับประทานร่วมกัน เช่น ข้าวยำ เต้ากั้ว ต้มขาหมูใบชะมวง แกงหยวกไก่ แกงส้มผักรวม ปลาแดดเดียวทอด น้ำพริกยำพร้อมชุดผักสด-ผักลวก และของหวาน ได้แก่ โอ้เอ๋ว ไอศกรีมกะทิสด และผลไม้รวม โดยในระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน มีตัวแทนประชาชนในจังหวัดภูเก็ตอวยพรวันเกิดให้นายกรัฐมนตรี ขอให้นายกรัฐมนตรีมีสุขภาพแข็งแรง ก้าวข้ามปัญหาทุกปัญหาอย่างยั่งยืนขอให้นายกรัฐมนตรีไปต่อ ขอให้ทำต่อ มีสุขภาพแข็งแรงและเอาชนะปัญหาทุกปัญหา และประชาชนได้ร่วมร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้กับนายกรัฐมนตรีพร้อมมอบดอกไม้ด้วย

เสร็จแล้ว นายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต เพื่อรับฟังการนําเสนอวิสัยทัศน์ เรื่อง “อันดามันพร้อม” และมอบทิศทางอนาคตอันดามัน ต่อไป .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ทุ่นระเบิดใหม่ตอกย้ำกัมพูชาละเมิดกติกาสากล

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – วันนี้ รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูตภาคีอนุสัญญาออตตาวา ลงพื้นที่ดูปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด บนภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมเรียกร้องให้ตัดงบช่วยเหลือกัมพูชา หลังใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ผู้บริจาค ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ยืนยันเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งพบช่วงเหตุปะทะล่าสุด.-สำนักข่าวไทย

ผลถก RBC กัมพูชาเมินกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์

ตราด 16 ส.ค. – กัมพูชายังไม่ให้ความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด หลังฝ่ายไทยผลักดันในเวที “RBC ไทย-กัมพูชา” พื้นที่ชายแดนจันทบุรี-ตราด พร้อมการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ แขวนไว้หารือในการประชุมครั้งต่อไป พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า วันนี้ (16 สิงหาคม 2568) พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และพลตรี อุย เฮียง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 3 ของกองทัพบกกัมพูชา ตลอดจนคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคของทั้งสองฝ่าย จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (Regional Border Committee) หรือ RBC ณ ประเทศไทย ที่บ้านทะเลภูรีสอร์ท อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อร่วมกันหารือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และการดำเนินชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศด้วยสันติวิธี โดยได้ลงนามใน “บันทึกความตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ราชอาณาจักรไทย กับภูมิภาคที่ 3 […]

วัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะแจงดำเนินคดีอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท

กทม. 16 ส.ค.-ไวยาวัจกรฝ่ายกฎหมายวัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะชี้แจงการดำเนินคดีกับอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท ตรวจสอบประวัติย้อนหลัง 10 ปี พบปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาส 240 ครั้ง ด้านเจ้าอาวาสยอมรับเสียใจ ผิดหวังที่ไว้ใจคนใกล้ตัว ไวยาวัจกรวัดฝ่ายกฎหมาย ตั้งโต๊ะชี้แจง กรณีที่มีบุคคลภายในวัดปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหาร ไปถอนเงินออกจากบัญชีวัดกว่า 240 ครั้ง ยักยอกเงินกว่า 56 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ปี 67 ที่ผ่านมา ในส่วนการดำเนินการขณะนี้แบ่งเป็น 3 คดี คดีแรก พบการกระทำความผิดคือเมื่อเดือนเมษายน 2567 ทางวัดได้รับบริจาคจากกองทัพเรือเป็นแคชเชียร์เช็ค 1.5 ล้านบาท ลงวันที่ 10 เมษายน 2567 โดยในแคชเชียร์เช็คระบุว่ามอบให้ทางวัด จึงต้องเอาเข้าบัญชีวัด ทางเจ้าอาวาสจึงมีการมอบให้นายกฤษณ์ ที่เป็นไวยาวัจกรวัดในตอนนั้น เอาแคชเชียร์เช็คดังกล่าวไปขึ้นเงินและเอาเข้ายังบัญชีของวัด ต่อมาทางเจ้าอาวาสได้ทวงถามไปยังนายกฤษณ์ เพราะในขณะนั้นจำเป็นจะต้องบูรณะศาสนสถาน แต่นายกฤษณ์ อ้างว่าไม่ว่าง และได้มอบหมายให้นายชัยณรงค์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยไวยาวัจกรในตอนนั้นนำเงินไปเข้าธนาคาร ทางเจ้าอาวาสเลยมีการติดต่อไปยังนายชัยณรงค์ เพื่อทวงถามเรื่องเงิน แต่ก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด […]

“มาริษ” นำคณะทูตดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูต 33 ประเทศ ดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ เตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง ให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ หลังจากฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวมที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ รวม 33 ประเทศ ขึ้นไปสำรวจพื้นที่และดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ ที่อยู่ใกล้แนวปราสาทพระวิหาร เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่ขึ้นภูมะเขือ งดถ่ายภาพติดพื้นที่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ระหว่างทางขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ถูกสะเก็ดเสียหายอีก 2 หลัง โดยจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายด้วย เพื่อให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ.-สำนักข่าวไทย