“ธีระชัย-ม.ล.กรกสิวัฒน์” หนุนทีมเศรษฐกิจ พปชร.

พปชร. 15 มี.ค. – “บิ๊กป้อม” ต้อนรับ “ธีระชัย-ม.ล.กรกสิวัฒน์” หนุนทีมเศรษฐกิจ พปชร. เชื่อทำงานร่วม “มิ่งขวัญ” รับรองดีแน่นอน ปัดตอบดีลจับขั้วการเมือง หลังมีภาพกินข้าว “อนุทิน-ศักดิ์สยาม”


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แถลงเปิดตัว ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน และนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อมาร่วมเป็นทีมเศรษฐกิจของพรรคพลังประชารัฐ

พล.อ.ประวิตร กล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีที่จะทำงานร่วมกันในพรรคพลังประชารัฐ และนำประโยชน์ให้กับประชาชนเป็นสำคัญ พร้อมขอบคุณทั้งสองคนที่ตกลงใจมาอยู่กับพรรค ซึ่งพรรคยินดีที่จะต้อนรับทั้งสองท่านด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง


นายธีระชัย กล่าวว่า สาเหตุที่ตัดสินใจตอบรับเพราะเห็นว่าบ้านเมืองกำลังเผชิญปัญหาใหญ่ในอีกสามถึงสี่ปีข้างหน้า ส่วนหนึ่งปัญหามาจากภูมิรัฐศาสตร์ของโลก ซึ่งจะเป็นคลื่นลูกใหญ่กับประเทศไทยทางด้านเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อีกทั้งปัญหาเศรษฐกิจโลกที่เริ่มแสดงอาการ ทั้งตลาดเงินในสหรัฐและยุโรป

“การบริหารประเทศต้องมีนโยบายที่เน้นทำให้ประชาชนมีความเข้มแข็งในตัวเอง ใช้ศาสตร์ของพระราชาอย่างแท้จริง ไม่ใช่การที่จะรอให้มีนายกรัฐมนตรีที่เด่นดังเสมือนว่าคนเดียวจะสามารถคิดวิธีแก้ปัญหาให้กับทุกชุมชนได้ จึงถึงเวลาที่รัฐบาลจะเปลี่ยนวิธีบริหารไปกระตุ้นให้ประชาชน เพิ่มช่องทางให้กับตัวเองรับผิดชอบ ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของประเทศดีขึ้น” นายธีระชัย กล่าว

นายธีระชัย กล่าวอีกว่า การบริหารประเทศไม่ทำให้เกิดความสมดุลระหว่างผลประโยชน์ของผู้บริโภคกับนายทุนเอกชนต้องแก้ไข เพราะประชาชนถูกเอาเปรียบ  ขณะเดียวกันยังจะต้องเพิ่มนโยบายที่ขจัดความขัดแย้ง เปิดรับฟังปัญหาและความคิดเห็นของประชาชนอย่างแท้จริง พร้อมมองว่าการจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้พรรคการเมืองจะต้องเปิดกว้างให้นักวิชาชีพมืออาชีพเข้ามาร่วมงานพรรคการเมือง ต้องมีการบริหารโดยให้เกิดความสมดุลแก่ประโยชน์ของประชาชนมากขึ้น พรรคการเมืองต้องสามารถบริหารความขัดแย้งในสังคมได้ และมองว่านโยบายเศรษฐกิจมีผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชน คือ สาขาพลังงาน และผู้ที่ยกร่างนโยบายพลังงานที่ครอบคลุมในทุกแง่มุมคือ นายสนธิรัตน์ รมว.พลังงาน ที่ได้เป็นคนเชิญตนเองและ ม.ล.กสิวัฒน์ มาร่วมงาน และมองว่าการทำงานจะต้องก้าวข้ามตัวบุคคล ก้าวพ้นสีเสื้อ ก้าวเพื่อประชาชน ซึ่งการเลือกตั้งในครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ชูธงนำในการก้าวข้ามความขัดแย้ง จึงตัดสินใจเข้ามาในพรรค เพื่อจะเสนอนโยบายที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ทำได้จริง สร้างสมดุลกับประชาชน นายทุน ที่ปราศจากผลประโยชน์ครอบครัวของเจ้าของ และเป็นนโยบายที่มองกว้างไกลเพื่อให้เป็นทางเลือกแก่ประชาชน


ด้าน ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า เหตุผลที่ตัดสินใจเข้ามาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะมีความสนใจติดตามเรื่องปัญหาพลังงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับภาคประชาชนเคลื่อนไหวให้เกิดความเป็นธรรมในการจัดการพลังงานไทยมาตั้งแต่ปี 2551 รวมกว่า 15 ปี ซึ่งไม่เคยได้ยินพรรคการเมืองใดพูดถึงประโยชน์ในเรื่องนี้ จนกระทั่งได้ยินนายสนธิรัตน์ได้กล่าวบนเวทีจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการพูดคุยกัน ซึ่งผู้ใหญ่ในพรรคเองได้ติดตามและเห็นความสำคัญจึงให้ตนเองได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร จึงได้รู้ว่าพรรคพลังประชารัฐมีความตั้งใจ ไม่ใช่แค่ลดราคาพลังงานแบบฉาบฉวย ได้มีการพูดคุยกันนาน ใจกว้างรับฟังความเห็นที่ตนเสนอ และพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนอย่างเต็มที่ ทำให้ตนเองเชื่อมั่นว่านโยบายด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านพลังงานจะถูกคัดกรองมาว่าจะเป็นนโยบายที่แก้ปัญหายังยืนหยุดประโยชน์สูงสุดของประชาชนเป็นที่ตั้ง

“หาก พล.อ.ประวิตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ท่านจะเป็นตำแหน่งประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เชื่อมั่นว่านโยบายของพรรคด้านพลังงานจะต้องถูกผลักดันให้สำเร็จจงได้ เชื่อมั่นว่าหากพลังประชารัฐได้เป็นนโยบายจะมีผลเปลี่ยนแปลงให้ชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนดีขึ้น เนื่องจากพลังงานเป็นของประชาชนเพื่อประชาชนตามที่พรรคมีเจตจำนง ขอบคุณ พล.อ.ประวิตร และทุกภาคส่วนที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น”ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าว

ด้าน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า สื่อมวลชนคงได้รับทราบว่าพรรคมีทีมเศรษฐกิจจำนวนมาก พร้อมที่จะแก้ไขปัญหาให้กับบ้านเมือง สามารถที่จะให้มีกินมีใช้ ยกระดับความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น ดังนั้น ขอฝากสื่อมวลชนประชาสัมพันธ์ว่าพรรคมีทีมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง พร้อมที่จะทำงานให้กับบ้านเมือง

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้จับมือ 2 ทีมเศรษฐกิจที่เข้ามาร่วมงานของพรรคพลังประชารัฐ

เมื่อถามว่าเรื่องทีมนโยบายเศรษฐกิจของพรรคจะออกมาเป็นอย่างไร พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ขอให้ออกมาก่อนแล้วค่อยถาม เดี๋ยวพรรคจะมีทีมงานเศรษฐกิจที่จะออกมาเอง ตนคิดคนเดียวไม่ได้ ทำคนเดียวทำไม่เป็น พรรคมีทีมงานเยอะแยะที่จะทำงานเรื่องเศรษฐกิจ นโยบายของพรรคจะทยอยออกมาเรื่อยเรื่อย

ส่วนจะสามารถร่วมงานกับนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ทีมเศรษฐกิจอีกคนหนึ่งของพรรคได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า สามารถที่จะทำงานร่วมกันได้ไม่มีปัญหา เพราะทั้งสองท่านมีความรู้ด้วยกันทั้งคู่ เดี๋ยวจะคุยกันว่าจะทำอย่างไร รับรองว่าดีอยู่แล้ว ดีแน่นอน 

เมื่อถามว่าจะมีทีมเศรษฐกิจมาเพิ่มอีกหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า แค่นี้ก็มากพอแล้ว

เมื่อถามว่าจะสู้กับทีมเศรษฐกิจของพรรคอื่นได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า จะไปสู้กับใคร ตนจะสู้กับความยากจนของประชาชนเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ให้ได้รับความเป็นธรรมเท่าเทียมกันทุกคน ส่วนกรณีมีภาพปรากฏกินข้าวกลางวันกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย นั้น พล.อ.ประวิตร ตอบกลับว่า “กินไม่ได้เหรอ”

เมื่อถามว่าจะเป็นการจับขั้วการเมืองใหม่หรือไม่ ระหว่างพลังประชารัฐกับภูมิใจไทย  พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ตนไม่รู้ คุณคิดเองทั้งนั้น” เมื่อถามว่ามีโอกาสจะไปกินข้าวกับพรรคอื่นเพิ่มหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ก็เรื่องของตน ตนจะไปกินอะไร ทำไมถึงอยากรู้กันนัก”.-สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ครม.แบ่งงาน​ 6 รองนายกฯ​ “บวรศักดิ์​” คุม​ยุติธรรม​-​คดีพิเศษ-​พศ.

ทำเนียบฯ 24 ก.ย. – ครม. แบ่งงาน​ 6 รองนายกฯ​ มอบ​ “บวรศักดิ์​” คุม​ยุติธรรม​ -​ คดีพิเศษ -​ สำนักพุทธฯ​ ขณะที่ “เอกนิติ​” คุมพาณิชย์​ -​ สำนักงบฯ ด้าน “ธรรมนัส​” คุมท่องเที่ยว​ -​ เกษตร​ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี​นัดพิเศษ นายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย​ มีมติแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรี​ 6 คน​ ประกอบด้วย นายพิพัฒน์​ รัชกิจประการ​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ดูแลกระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน​ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์​แห่งชาติ​ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒฒาพิเศษ​ภาคตะวันออก​ (อีอีซี) นายโสภณ​ ซารัมย์​ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลด้านสังคม​ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ​ (ส​ทนช.) […]

ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างหน้าวชิรพยาบาล แนะเลี่ยงเส้นทาง

24 ก.ย.- ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างบริเวณหน้าวชิรพยาบาล จนท.เร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วย-ประชาชนใกล้เคียง ออกนอกพื้นที่เสี่ยง แจ้งเตือนหลีกเลี่ยงเส้นทางอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจร ช่วงประมาณ 07.13 น. ศูนย์วิทยุพระราม199 รางานเหตุถนนทรุดตัวเป็นบริเวณกว้างใกล้เคียงอาคารของโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยสามเสน ถึงที่เกิดเหตุ ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นถนนทรุดตัวขนาดใหญ่ เป็นหลุมกว้าง 30 x 30 เมตร ลึก 50 เมตร ทรุดตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบริเวณหน้าโรงพยาบาลและหน้าสถานีตำรวจสามเสน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและประชาชนใกล้เคียง ออกจากจุดที่เกิดเหตุ ล่าสุดสำนักงานเขตดุสิต แจ้งปิดการจราจรแยกวชิรพยาบาล – แยกซังฮี้ และบริเวณใกล้เคียงโดยรอบ เนื่องจากเหตุผิวจราจรทรุดตัวส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณูปโภคโดยรอบ และอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจรใกล้เคียงได้ -สำนักข่าวไทย

ครม. ตั้ง “ไตรศุลี” นั่งเลขาธิการนายกฯ อายุน้อยที่สุด

ทำเนียบ24 ก.ย. – ครม.นัดพิเศษ ตั้ง “ไตรศุลี ไตรสรณกุล” เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่อายุน้อยที่สุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ วันนี้ (24 ก.ย.) มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม ครม. มีมติแต่งตั้งให้นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หรือเรียกกันว่า “นายกฯ น้อย” ถือเป็นตำแหน่งสำคัญ ต้องคอยสนับสนุนการทำงานของนายกรัฐมนตรี รวมถึงการบริหารจัดการงานทั่วไป และประสานงานให้กับนายกรัฐมนตรีโดยตรง นอกจากนี้ ยังเป็นตำแหน่งที่จะต้องรวบรวมวิเคราะห์ และกลั่นกรองข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำเสนอความเห็นประกอบการพิจารณา และการสั่งการของนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม นางสาวไตรศุลี ถือเป็นผู้ที่รับตำแหน่ง เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่อายุน้อยที่สุด ปัจจุบันนางสาวไตรศุลี อายุ 35 ปี และเป็นลูกสาวของ นายวิชิต ไตรสรณกุล นายก อบจ.ศรีสะเกษ จบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเริ่มต้นการทำงานทางการเมืองด้วยการดำรงตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี […]

เจ้าของห้องคอนโด ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด

23 ก.ย. – เจ้าของห้องคอนโด ย่านพระราม 9 ที่ถูกคู่กรณี ก่อความวุ่นวายทำลายทรัพย์สิน ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด ตอนนี้ไม่ต้องการคำขอโทษ หนุ่มเจ้าของห้องคอนโด ย่านพระราม 9 ที่ถูกคู่กรณี ก่อความวุ่นวาย ทำลายทรัพย์สิน รวมถึงใช้อาวุธมีดมาเคาะประตูเชิงข่มขู่กลางดึก เปิดใจว่าขณะเกิดเหตุตกใจกลัวมาก หากประตูพังอาจเกิดเหตุไม่คาดคิด ต้องวิ่งไปหลบในห้องนอนและเอาของมาวางกั้นไว้ แต่ก็ยังโทรฯ หาตำรวจและแจ้งนิติบุคคลคอนโด แต่ก็ไม่มีใครขึ้นมา ตอนนี้ต้องย้ายที่อยู่ชั่วคราวและลางาน เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย โดยมีหลายคนที่เจอเหตุการณ์เหมือนกับตนเอง ส่วนทางคู่กรณี ตนอยากจะบอกว่า ถ้าหากมีอาการจิตเวชจริงก็ขอให้เข้ารับการรักษา ตอนนี้ไม่ต้องการคำขอโทษเพราะเกินเวลานั้นมานานแล้ว ยืนยันจะดำเนินการตามกฎหมาย เพราะสุดท้ายแล้วเชื่อว่ากฎหมายจะให้ความเป็นธรรมกับตนได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

นายกฯ พบตลาดทุนไทยชื่นมื่น กลไกสร้างการเติบโตทางศก.

ตลาดหลักทรัพย์ฯ 25 ก.ย.- นายกฯ พบตลาดทุนไทยชื่นมื่น เหมือนได้พบกัลยาณมิตร เป็นแหล่งระดมทุน สร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นางศุภจี สุธรรมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง หารือร่วมกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ในหัวข้อ “ข้อเสนอจากตลาดทุน เพื่อเสริมพลังภาครัฐ” นายอนุทิน​ กล่าวก่อนเริ่มประชุมว่า​ วันนี้ตั้งใจมาพบทุกท่านถึงอาคารตลาดหลักทรัพย์​ ขอบคุณทุกท่านที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ตื่นเต้นนอนไม่หลับ​ มาตั้งแต่ 09.00 น. เพราะทราบดี​ ​จะได้มาพบกับกัลยาณมิตร​ที่ดี​ เพื่อนที่หวังดีต่อกันตลอดเวลา​ และความสัมพันธ์ของเราก็พัฒนาไป แต่ละคนก็มีหน้าที่ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง​ แม้จะอยู่ในภาคเอกชน​ ตลาดทุน​ แต่พวกเราในฐานะรัฐบาลก็มีหน้าที่ในการสนับสนุน และให้ความช่วยเหลือในทุกทาง ที่จะทำให้ท่านประสบความสำเร็จมากที่สุด​ “ท่านเป็นแหล่งระดมทุนให้กับประเทศ เป็นกลไกในการสร้างการเจริญเติบโตกับทางเศรษฐกิจ​ ว่าประเทศไทยมีความมั่นคงมั่งคั่งในระดับไหน เป็นตัวสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ในต่างประเทศ” นายอนุทิน กล่าว -สำนักข่าวไทย

ที่ปรึกษาสภาวิศวกรรมฯ ยันใช้ถุงทรายอุดช่องว่างในอุโมงค์เหมาะสมสุด

กรุงเทพฯ 25 ก.ย.- ที่ปรึกษาสภาวิศวกรรมฯ ชี้แจงงานกู้ถนนสามเสนยุบคืบหน้า น้ำตามท่อในหลุมหยุดไหลตั้งแต่เวลา 02.00 น. แผนใช้ถุงทรายอุดช่องว่างเป็นวิธีที่ดีมีความยืดหยุ่น และการดำเนินงานเดินมาถูกทางแล้ว ผศ.ดร.ธเนศ วีระศิริ ที่ปรึกษาสภาวิศวกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ไขเหตุถนนทรุดบริเวณสร้างรถไฟใต้ดินขนาดใหญ่ ว่า ขณะนี้น้ำที่เคยไหลตามท่อได้หยุดไหลแล้วตั้งแต่เวลา 02.00 น. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีของการทำงาน จากนี้ทีมงานจะดำเนินการปิดช่องว่างในอุโมงค์ด้วยการปล่อยถุงทรายลงไป เพื่อปิดช่องทางที่ยังมีอยู่ ยืนยันแผนการใช้ถุงทรายอุดหลุมเป็นแผนที่เหมาะสมกว่าการใช้ชีทพาย เนื่องจากถุงทรายมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวเข้ากับรูปร่างของพื้นที่ได้ดีกว่า และการใช้ทรายที่บรรจุในถุงจะช่วยป้องกันไม่ให้ทรายไหลไปกับน้ำ ทำให้เกิดเป็นลักษณะของกำแพงเพื่อยับยั้งการไหลของดิน ซึ่งเป็นวิธีการที่เคยใช้แม้กระทั่งในเหตุการณ์แผ่นดินไหว คันกั้นน้ำแตก ส่วนอาคาร สน.สามเสน ที่ได้รับผลกระทบ แม้ตามหลักการเสาเข็มหลักของอาคารอาจมีโอกาสที่จะทรุดตัวลงไปอีกได้ แต่ในทางปฏิบัติอาคารยังคงตั้งอยู่ได้ เนื่องจากมีการถ่ายเทน้ำหนักไปยังเสาเข็มอื่น ๆ ซึ่งคล้ายคลึงกับกรณีรถตู้คอนเทนเนอร์ชนอาคารที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ส่วนการตัดสินใจว่าจะรื้อถอนอาคารหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับเจ้าของและผู้รับเหมาเป็นหลัก ส่วนอาคารอื่น ๆ โดยรอบยังคงอยู่ในสถานะที่ปลอดภัยและไม่เข้าข่ายความเสี่ยงไม่ถึงขั้นต้องทุบทิ้ง ส่วนที่มีข้อกังวลของประชาชนเกี่ยวกับพื้นที่ที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าและหลังสร้างเสร็จจะปลอดภัยหรือไม่นั้น ในขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างพื้นที่เหล่านี้อาจไม่มีความมั่นคง แต่เมื่อก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์จะมีความมั่นคง ปลอดภัย และต้องมีการทดสอบความปลอดภัยเรียบร้อยแล้วถึงเปิดให้บริการ.-416-สำนักข่าวไทย

นายกฯ ส่งหนังสือแจ้งพร้อมแถลงนโยบาย 29 ก.ย.เป็นต้นไป

รัฐสภา 25 ก.ย.- “นายกฯ อนุทิน” ส่งหนังสือแจ้ง “ประธานรัฐสภา” พร้อมแถลงนโยบายรัฐบาล 29 ก.ย.นี้ เป็นต้นไป เตรียมส่งเล่มนโยบาย-คำแถลงรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ต่อรัฐสภาวันนี้ ว่าที่ร้อยตำรวจตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือด่วนส่งมายังนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เรื่องการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา โดยในวันนี้ (25 ก.ย.) รัฐบาลจะส่งเล่มนโยบายจำนวน 1 เล่ม มายังรัฐสภาพร้อมกับคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้กำหนดวันพร้อมที่จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2568 เป็นต้นไป .-316 -สำนักข่าวไทย

ทภ.1 แจ้งเลื่อนการประชุม RBC สมัยพิเศษ

25 ก.ย. – กองทัพภาคที่ 1 แจ้งเลื่อนการประชุม RBC สมัยพิเศษ ไปเป็น ต.ค. 68 เหตุข้อมูลทั้งสองฝ่ายยังไม่สมบูรณ์ ขณะที่ทหาร ตำรวจ อส. เตรียมรับสถานการณ์ชายแดนสระแก้ว ย้ำกองกำลังไทยมีความพร้อมเผชิญทุกสถานการณ์ เพจเฟซบุ๊กกองทัพภาคที่ 1 โพสต์ข้อความว่า กองทัพภาคที่ 1 ขอเลื่อนการประชุม RBC สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1 ด้าน ทภ.1 และ ภท.5 ในห้วง 25-27 กันยายน เป็นเดือนตุลาคม แต่ยังไม่ได้กำหนดวัน เนื่องจากรายละเอียดในการประชุมของทั้งสองฝ่ายยังไม่สมบูรณ์ ยังต้องมีการจัดทำให้ครบถ้วน จึงมีความเห็นร่วมกันทั้งสองฝ่ายให้เลื่อนการประชุมออกไป กำลังพล 3 ฝ่าย พร้อมรับสถานการณ์ชายแดนสระแก้วขณะที่กำลังพล 3 ฝ่าย คือ ทหาร ตำรวจ อส. เตรียมรับสถานการณ์ชายแดนสระแก้ว พร้อมติดตามการสร้างถนนเชื่อมชุมชน ย้ำกองกำลังไทยมีความพร้อมเผชิญทุกสถานการณ์ ขณะที่ผู้ว่าฯ ระบุหลังวันที่ 10 […]