พรรคเพื่อไทย 13 มี.ค.-รองเลขาฯ เพื่อไทย ชี้คนจ้องยุบพรรคใช้อคติ หวังให้เป็นข่าวเท่านั้น ยัน พรรคไม่เคยทำผิดกม. “ณัฐวุฒิ” เป็นผู้ช่วยหาเสียงได้
นายชุมสาย ศรียาภัย รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีผู้ไปร้องกกต.ให้ยุบพรรคเพื่อไทย และมีผู้อ้างว่าเป็นนักกฎหมายมหาชนให้ความเห็นว่าการขึ้นเวทีปราศรัยของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย เข้าข่ายเป็นเหตุยุบพรรคตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองมาตรา 29 นั้น ตนเห็นว่าเมื่อนำข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน และระเบียบข้อกฎหมายมาพิจารณาจะทราบว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เคยต้องคำพิพากษาคดีอาญาทั่วไป ทำให้ขาดคุณสมบัติการลงสมัคร รับเลือกตั้ง ส.ส.ตาม รัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (7) เท่านั้น แต่นายณัฐวุฒิ ไม่ได้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งและศาลมีคำพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ดังนั้น สิทธิเลือกตั้งของนายณัฐวุฒิ ยังคงมีอยู่ จึงเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ได้รับการว่าจ้างจากผู้สมัครหรือพรรคการเมืองให้เข้าร่วมกิจกรรมในการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งได้ตามข้อที่ 4 ของระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียง พ.ศ.2561 ซึ่งแม้ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ก็สามารถเป็นผู้ช่วยหาเสียงได้ตามระเบียบนี้
“ตำแหน่งผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ไม่มีบทกฎหมายห้ามและไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ หรือมีความผิดใด ๆ ตามกฎหมายเลือกตั้ง นายณัฐวุฒิ จึงดำรงตำแหน่งดังกล่าวได้ ประกอบกับพรรคเพื่อไทยมีคณะกรรมการบริหารพรรค และผมเป็นกรรมการบริหารพรรค ซึ่งที่ผ่านมาพรรคไม่ได้ยินยอมให้ใครที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคควบคุม ครอบงำ ชี้นำพรรค ในลักษณะที่ทำให้พรรคหรือสมาชิกขาดความอิสระทั้งทางตรงและทางอ้อม คณะกรรมการบริหารพรรคดำเนินกิจกรรมทางการเมืองทุกมิติโดยอิสระ ดังนั้น ข้อร้องเรียนของผู้ที่ส่งไปยังกกต.และความเห็นทางกฎหมายที่บอกว่าการทำกิจกรรมของนายณัฐวุฒิ เข้าข่ายเป็นเหตุยุบพรรคได้ ไม่เป็นความจริงและผิดไปจากข้อเท็จจริง ระเบียบและกฎหมาย ทำให้ประชาชนสับสนเข้าใจผิด” นายชุมสาย กล่าว
นายชุมสาย กล่าวว่า พรรคการเมืองเป็นสถาบันทางการเมือง ซึ่งแสดงออกถึงเจตจำนงร่วมของประชาชน โดยหลักแล้วความผิดเล็กน้อยของสมาชิกพรรคบางรายไม่ควรมีโทษถึงขั้นยุบพรรคทั้งพรรค ตนไม่เคยเห็นด้วยกับการยุบพรรคด้วยสาเหตุทำนองนี้ เพราะเป็นการทำลายสถาบันทางการเมือง และบั่นทอนเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศ เว้นแต่มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าพรรคการเมืองมีการกระทำอันเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างชัดแจ้ง จึงมีน้ำหนักพอที่จะยุบพรรคได้
“ผมเข้าใจว่าผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ ต้องการเพียงทำเป็นข่าวเท่านั้น เชื่อว่ามีอคติต่อพรรคเพื่อไทย เท่าที่ผมทราบ สมาชิกพรรคไม่ได้ตื่นเต้นตกใจอะไรกับนักร้องหรือผู้ที่ให้ความเห็นผ่านสื่อต่าง ๆ การยุบพรรคไม่ใช่เรื่องสนุก ศาลรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาปัจจัยรอบด้านทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย พยานหลักฐาน พฤติการณ์ทั้งปวงและเจตนาของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยใช้ตรรกกะทั้งนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ ซึ่งล่าสุดประธานกกต.ยืนยันชัดว่าการจะยุบหรือไม่ยุบพรรคเป็นเรื่องของดุลยพินิจอิสระของศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น เป็นการตอกย้ำว่าศาลรัฐธรรมนูญยึดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเป็นหลัก ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการกระทำและคำพูดของใคร หรือแม้กระทั่งอำนาจหน้าที่ของ กกต. ตามระเบียบและกฎหมาย กกต.เป็นแต่เพียงผู้มีอำนาจหน้าที่เสนอเรื่องเท่านั้น จึงขอให้พี่น้องประชาชน มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้ทำผิดกฎหมายที่เป็นเหตุยุบพรรคได้ และพร้อมจะกลับมาเป็นรัฐบาลเพื่อพี่น้องประชาชนในครั้งต่อไป” นายชุมสาย กล่าว.-สำนักข่าวไทย