นายกฯ บอกอยุธยามีเสน่ห์ โวรัฐบาลนี้ทำอะไรก็เป็นที่ 1 ทุกเรื่อง

พระนครศรีอยุธยา 3 มี.ค.- นายกฯ บอกอยุธยามีเสน่ห์ มุ่งผลักดันการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ โวรัฐบาลนี้ทำอะไรก็เป็นที่ 1 ทุกเรื่อง บอกเจ็บมือ แต่ไม่เจ็บใจ สู้ทุกอย่าง ไม่ยอมแพ้ใครทั้งสิ้น ปัดมาหาเสียง


พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางมายังวัดใหม่หญ้าไทร ตำบลลาดบัวหลวง อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อตรวจติดตามการดำเนินโครงการปรับปรุงระบบชลประทานเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก โดยมี นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนายชูชาติ รักจิตร รองอธิบดีกรมชลประทาน รายงานสรุปการดำเนินโครงการปรับปรุง ระบบชลประทานเจ้าพระยาฝั่งตะวันตกและการเตรียมความพร้อมรับมือน้ำท่วมและภัยแล้ง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เข้ากราบสักการะพระประธาน และนมัสการเจ้าอาวาสวัดใหม่หญ้าไทร

นายกรัฐมนตรี กล่าวกับประชาชนว่าเห็นใจชาวพระนครศรีอยุธยาที่ต้องเดือดร้อน เพราะเป็นพื้นที่รับน้ำ แต่รัฐบาลก็ยังคงเดินหน้าแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ แม้ว่าจะใช้งบประมาณมหาศาลแต่ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการมาโดยตลอด ไม่ใช่แค่ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเท่านั้น ยังจะต้องดูแลอีก 76 จังหวัด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความร่วมมือของพี่น้องประชาชน ในการเป็นพื้นที่รับน้ำ ซึ่งก็รู้ว่าประชาชนเดือดร้อนแต่ก็ดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาต่อไป


นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า มาที่จังหวัดอยุธยาหลายครั้ง ก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น วันนี้ไปมาหลายวัด ตนอธิษฐาน ขอให้บ้านเมืองชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน มีความสุขมีรายได้มากขึ้น และขอให้ตนสามารถทำงานได้สำเร็จ สุขภาพแข็งแรงครอบครัวปลอดภัย

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือเรื่องความเท่าเทียมของโอกาส ในการเชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกัน ไปมาหาสู่สะดวก ขนส่งสินค้าได้ง่าย ลดเวลา ลดค่าใช้จ่าย นั่นคือความเท่าเทียมทางโอกาส และกฎหมายเดียวกัน รวมทั้งเรื่องความเป็นธรรม ดูแลผู้มีรายได้น้อย ก็พยายามอย่างค่อยเป็นค่อยไป สิ่งสำคัญที่สุด ต้องหาเงินให้ประเทศ โดยต้องมีโครงการขนาดใหญ่ ให้คนมาลงทุนในประเทศให้ได้มากขึ้น ที่ผ่านมาเจอหลายปัญหา แต่รัฐบาลก็ทำให้ปลอดภัยจากโควิดจนได้รับคำชื่มชมจากชาวต่างชาติ รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานที่ดีที่สุดในอาเซียน โครงสร้างด้านดิจิทัลการให้บริการต่างๆ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พยายามจะทำให้ดีที่สุด และให้มากขึ้น ยืนยันไม่ได้มาหาเสียง แต่มาพูดในฐานะนายกรัฐมนตรี ต้องดูคนทั้งประเทศ และดูคนในทุกช่วงวัย สิ่งสำคัญคืออนาคตของลูกหลาน การศึกษาต้องมีงานทำ คนสูงวัยที่มีจำนวนมาก ขาดแรงงานในอนาคต ส่วนสุขภาพดูแลอย่างเต็มที่ ทำทุกอย่างให้ดีกว่าเดิม นอกจากนี้แก้ไขปัญหาความยากจน โดยให้ทุกคนเข้าถึงการบริการภาครัฐ จะทำตรงนี้ให้มากขึ้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยุธยามีเสน่ห์ ประวัติศาสตร์ยาวนาน สิ่งสำคัญทำข้าวให้มีคุณภาพ เพราะสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ ต้องทำข้าวที่ปลอดภัย เป็นข้าวรักษ์โลก ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม รัฐบาลพยายามทำให้เป็นตามกรอบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต ทำให้เศรษฐกิจฐานรากมีรายได้ สินค้าโอทอป ต้องออกแบบใหม่ เพราะบางอย่างเป็นอัตลักษณ์ ต้องปรับปรุงให้เป็นสินค้าทั่วโลก เพื่อสร้างจุดขาย สร้างรายได้ให้ประชาชน


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องทำให้พื้นที่ของเราเป็นพื้นที่น่าสนใจ เราอาจจะชินกับโบราณสถานในสายตาของเรา แต่จะทำอย่างไรให้ชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวรู้สึกตื่นเต้น ซึ่งจากการพูดคุยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติรู้สึกดีใจ ที่ได้เจอกับนายกฯและได้มาเที่ยว ประเทศไทยเพราะต่างประเทศอากาศหนาว เมืองไทยเป็นเมืองที่หลบหนาว ดังนั้นเราต้องให้ความอบอุ่น และต้อนรับด้วยรอยยิ้มไม่ใช่มาทะเลาะเบาะแว้งกัน เพราะเราเป็นประเทศไทยมีรอยยิ้มสยาม ยิ้มสู้ไปเดี๋ยวก็ดีขึ้นอย่างน้อยใจเราก็ดีขึ้น ไม่โกรธไม่เกลียดไม่ชังกัน

“อโหสิให้กันเถอะครับทุกเรื่อง ไม่ได้ด่า ไปแช่ง ไปอะไรกับใคร ให้อะไรมา ก็อโหสิไปแล้วกัน อย่าไปสร้างบาปต่อกัน เพราะว่าเราเป็นไทยพุทธ และไทยอื่นๆก็อยู่ด้วยกันได้อยู่แล้ว” พลเอกประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การท่องเที่ยวของจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ได้รับรางวัลเป็น 1 ใน 50 เมืองทั่วโลกที่ควรเดินทางเยือนหลังจากการระบาด โควิด-19 และยังเป็น 1 ใน 8 แห่งของทวีปเอเชีย ซึ่งเป็นที่หนึ่งทุกเรื่อง วันนี้รัฐบาลนี้ทำ ที่หนึ่งทั้งนั้น วันนี้พูดในนามนายกฯ ไม่เป็นไร ไม่ได้ด่าใคร ดังนั้นเราต้องมุ่งผลักดันการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ที่ เป็นซอร์ฟพาวเวอร์ของเรา

“อย่าไปเครียดๆ ถ้าเครียด จะนึกอะไรไม่ออก บางอย่างเป็นเรื่องที่ต้องสู้ ต้องทำ ต้องเห็นใจรัฐบาล ถือว่ามีลูก 70 ล้านคน เหนื่อย แต่ทำ พอบ่นว่าเหนื่อย เดี๋ยวบอก ก็ออกไปสิ ใช่มั้ย ก็พูดได้แค่นี้แหละ ก็ทำ ผมก็จะทำจนถึงสุดท้ายที่จะทำให้ได้ เพราะฉะนั้นทุกคนก็คอยดูแล้วกัน ว่าในอนาคตเขาจะทำได้บ้างหรือเปล่า ไม่รู้ แต่ผมยืนยันว่าในตอนนี้เวลาที่เหลือก็ไม่มากนัก ผมก็จะทำให้ จะวางพื้นฐาน ต่อไปถ้ามันเป็นไปได้ เพราะอยู่ในขั้นตอนการเสนอแผนงานโครงการงบประมาณในปีหน้า ปี 67 แล้วต่อไปเรามีแผน การเงินระยะปานกลาง 67 68 69 70 เราต้องวางเค้าโครงของงบประมาณว่ามีเท่าไหร่ รายได้มาจากไหนก็รายจ่ายมาจากไหน ตรงไหนมากตรงนี้น้อย ซึ่งต้องมีทางการลงทุนและการดูแลประชาชน ถ้าเราดูแลทั้งหมดประเทศก็อยู่ที่เดิมแย่กว่าเดิมไปเรื่อยๆก็ขอความเห็นใจด้วยแล้วกัน” พลเอกประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยากให้ทุกคนช่วยกันดูแลพิทักษ์ ชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์ของเรา นั่นคือสิ่งที่เป็นแกนหลักของ ประเทศไทยมายาวนาน ส่วนเรื่องการศึกษาทำอย่างไรจะให้มีงานทำ วันนี้ถ้าใครเรียนไม่ถึงปริญญาให้ไปอาชีวะ เพราะโรงงานที่มาตั้งในประเทศไทยต้องการแรงงานกลุ่มนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เป็นอะไรไม่รู้เจ็บมือ เจ็บมือ แต่ไม่เจ็บใจ ปลื้มใจ พอเห็นหน้าทุกคน ยิ้มแย้มแจ่มใส วันนี้ก็คิดว่าจะเจออะไรบ้าง ไปไหนจะเจออะไรบ้าง

“แต่สู้ สู้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเจออะไรก็ตาม เพราะนี่คือผม ไม่ยอมแพ้ใครทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน จะต้องดูแลให้ดีที่สุด ในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้“ พลเอกประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ารู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งเมื่อเกิดปัญหาน้ำท่วม หรือน้ำแล้งประชาชนมีความเดือดร้อน วันนี้สิ่งที่ทำได้ก็คือทำให้น้ำระบายเร็วขึ้นให้ขังท่วมให้น้อยลงและ ให้ใช้ค่าใช้จ่ายเงินเยียวยาให้ลดลง ซึ่งวันนี้ทำตรงนี้ได้แล้วเพราะฉะนั้นน้ำท่วมอาจจะมีอยู่แต่จะทำอย่างไรให้ท่วมให้สั้นที่สุด จะไม่ให้ท่วมเลย อย่าไปฟัง โม้ ใครจะทำได้ ตอนนี้ยังไม่ได้แน่นอน แต่ต่อไปจะต้องได้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศ ทำให้เกิดผลกระทบเรื่องของน้ำท่วมน้ำแล้งซึ่งทุกคนต้องเรียนรู้และเตรียมการให้พร้อม

นายกรัฐมนตรี ได้ชี้ป้ายของตัวเอง พร้อมกล่าวว่า วันนี้เรามาเดินทางกันมาไกลมากแล้ว รู้ใช่หรือไม่ ไกลแล้ว นานแล้วด้วย หาให้เจอว่าตนนั้นทำอะไร หลายอย่างดำเนินการเสร็จไปแล้ว หลายอย่างกำลังดำเนินการอยู่ หลายอย่างต้องทำให้แล้วเสร็จ เพื่อให้ทุกคนมีรายได้ มีอาชีพ มีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะ

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวติดตลกกับประชาชนว่า ขอให้ไปดูในทีวีบ้าง ถ้าวันไหนที่นายกรัฐมนตรีไม่ค่อยหล่อ แปลว่าวันนั้นหงุดหงิด แต่ไม่ได้หงุดหงิดกับประชาชน แต่หงุดหงิดกับคำถาม ปกติเป็นคนใจดี แต่ถ้าถามเมื่อไหร่จะหงุดหงิดเมื่อนั้น เพราะถามในสิ่งที่ไม่ควรตอบ

ในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า วันนี้ได้มา เมืองพระ เมืองโบราณ บรรพบุรุษรักษาแผ่นดินผืนนี้ไว้ กว่าจะได้มา เราปฏิเสธไม่ได้ แต่ท่านคงไม่อยากได้น้ำมากขนาดนี้ เรารักษาแผ่นดินนี้ไว้ได้เพราะเรามีน้ำ เมืองหลวงจึงไม่ถูกเขายึดไป เว้นแต่ตอนมีไอ้คนเลว คนทรยศ คนเลวมีทุกระยะ ไม่ต้องไปกลัว และอย่าไปส่งเสริมคนเลว คนเลวคือคนที่ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ได้ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างสุจริตใจ อย่างนี้เค้าเรียกว่าเลว นายกยังไม่รู้ว่าดีหรือเลว อยู่ที่ประชาชนจะตัดสินใจ แต่ยืนยันว่าจะทำให้ สุจริตและบริสุทธิ์ใจมากที่สุด พร้อมย้ำว่าวันนี้ไม่ได้มาหาเสียง

สำหรับบรรยากาศการพบปะประชาชน นายกรัฐมนตรีได้ เดินรับดอกไม้จากประชาชนที่มาให้กำลังใจ และถ่ายภาพเซลฟี่ โดยมีช่วงหนึ่ง นายกรัฐมนตรี ไม่สามารถรับดอกไม้ได้ เนื่องจากมือขวามีอาการบวมและเจ็บ จึงให้ทีมงานรับดอกไม้แทน และเป็นที่น่าสังเกตว่านายกรัฐมนตรีพยายามเลี่ยงที่จะให้ประชาชนสัมผัสที่มือขวา .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่

ทำเนียบ 21 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่ ย้ำวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต ไม่มีข้อเท็จจริง ต้องรับผิดชอบ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมอบอำนาจทนายความยื่นฟ้อง นายธนพร ศรียากูล ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมือง ฐานความผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ถ้า นายธนพร ขอโทษ จะเลิกแล้วต่อกันหรือไม่ว่า แล้วแต่ทนายความตนได้มอบหมายไปแล้วเมื่อวานนี้ (20 ส.ค.) ส่วนจะฟ้องเฉพาะนายธนพร หรือจะมีบุคคลอื่นด้วยหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า อะไรที่เกินเลยเป็นการพูดที่ไม่รับผิดชอบทำลายเกียรติยศ เกียรติภูมิ ของผู้อื่น ก่อให้เกิดความสับสนเป็นภัยต่อปัญหาของประเทศก็คงฟ้อง เมื่อถามว่าที่ผ่านมาก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันแต่ไม่เคยมีการส่งฟ้องกันใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่จริง มีการฟ้องกันมาเยอะแล้ว ถ้าไปทำลายเกียรติภูมิของเขาหรือครอบครัวเขาก็ฟ้องกันทั้งนั้น ถ้าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตไม่ผิดอะไร แต่ถ้าวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จอันนี้เป็นเรื่องที่ควรรับผิดชอบ และต้องถามผู้ที่วิจารณ์ว่า วิจารณ์ไปโดยที่ไม่มีข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ ทำอย่างนี้ได้หรือเปล่า ต้องย้อนไปถามผู้ทำผิดอย่ามาย้อนถามผู้เสียหาย.-316.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! มือยิง “กำนันเล้น” หนีกบดานเกาะลันตา

กระบี่ 21 ส.ค. – ไล่ล่าเกือบ 20 วัน จับได้แล้วมือยิง “กำนันเล้น” กำนันคนดัง จ.ตรัง หนีกบดานเกาะลันตา จ.กระบี่ เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกดดัน 3 วัน 3 คืน สุดท้ายไม่รอด เจ้าหน้าที่บุกจับ นายธวัชชัย อายุ 33 ปี ผู้ต้องหายิง นายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา คดีนี้อุกอาจและสะเทือนขวัญคนในพื้นที่มาก เพราะคนร้ายไปรอดักยิงกำนันถึงหน้าบ้าน ขณะที่กำนันกำลังขับรถเข้าบ้าน และใช้อาวุธสงคราม M16 ในการก่อเหตุ ซึ่งกำนันเล้น เป็นกำนันคนดังในจังหวัด และเป็นประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด หลักฐานสำคัญในตอนนั้น คือ ภาพจากกล้องวงจรปิด โดยคนร้ายใส่ชุดดำ สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า บุกไปก่อเหตุหน้าบ้านกำนัน […]

“ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43-44

รัฐสภา 21 ส.ค.- งงทั้งห้องประชุม! “ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43 และ 44 ด้านประธานวิปรัฐบาลบอกไม่รู้เรื่อง ยันไม่ได้ส่งสัญญาณให้ปิดประชุม ขณะที่ “ไชยา” อ้างเป็นข้อตกลง 2 วิปขอปิดประชุมเอง การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ภายหลังจากการพิจารณากระทู้ถามสด และกระทู้ถามทั่วไป เสร็จสิ้นแล้ว จึงเข้าสู่วาระพิจารณารับทรารายงานการประชุม เรื่องรายงานประจำปี 2567 ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยมีการตกลกระหว่างวิปรัฐบาลกับวิปฝ่ายแล้วว่า หลังจากจากเสร็จสิ้นวาระรับทราบการประชุมแล้ว จะเข้าสู่การประชุมลับ เพื่อพิจารณาญัตติด่วนเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาบันทึกข้อตกลง MOU 43 และ 44 ของนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย แต่ปรากฏว่าภายหลังที่ประชุมรับทราบรายงานการประชุมกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว นายไชยากล่าวต่อที่ประชุมว่า ใช้เวลาการประชุมมาพอสมควรแล้ว และสั่งปิดประชุมดื้อๆ ในเวลา 14.59 น. สร้างความงุนงงให้กับสส. เพราะตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่า จะพิจารณาญัตติด่วนเรื่อง MOU 43 […]

นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง

ศาล รธน. 21 ส.ค.-“แพทองธาร” นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 11.34 น ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้กลับมาเผยแพร่โทรทัศน์วงจรปิดอีกครั้ง หลังจากไต่สวนนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พยานในคดีปมคลิปเสียงสนทนา ระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เสร็จสิ้นโดยใช้เวลาไต่สวนนายฉัตรชัย ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นได้เบิกตัวนางสาวแพทองธาร มาไต่สวนต่อ โดยเริ่มจากการกล่าวสาบานตน ก่อนให้การ ซึ่งเป็นที่สังเกตว่านางสาวแพทองธาร ได้พกยาดมสีเหลืองวางไว้ใกล้มือด้วย โดยหลังสาบานตนเสร็จก็ได้มีการตัดสัญญาณถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ อีกครั้ง.-319.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ศาลยกฟ้อง “ทักษิณ” คดี ม.112 – พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

กทม. 22 ส.ค.-ศาลชั้นต้นยกฟ้อง “ทักษิณ” คดี ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เจ้าตัวยิ้มและกล่าวคำพูดแรกขอบคุณทีมทนายความ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ เห็นว่าคลิปเสียงที่โจทก์นำมาเป็นหลักฐานไม่มีการพิสูจน์ว่าเป็นคลิปที่มีการตัดต่อหรือไม่ และศาลเชื่อว่าบทสัมภาษณ์น่าจะมากกว่าความยาวของคลิปดังกล่าว จึงพิพากษายกฟ้อง หลังฟังคำพิพากษา นายทักษิณ ยิ้มและกล่าวคำพูดแรกขอบคุณทีมทนายความ หลังจากนี้จะได้ทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่.-สำนักข่าวไทย

เริ่มแล้ว ประชุม RBC ฝั่งกองทัพภาคที่ 1

สระแก้ว 22 ส.ค.-เริ่มแล้ว ประชุม RBC ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 รอผล “กัมพูชา” ตอบรับ 3 ข้อ เวลา 10.00 น. ที่สโมสรสรนายทหาร มณฑลทหารบกที่ 19 เริ่มแล้วสำหรับการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ในระดับแม่ทัพ ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 ฝ่ายไทยนำโดย พลโทอมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 ขณะที่ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พลเอกแอก ซอมโอน ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 5 โดยจะใช้เวลาการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งในช่วงต้นได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ ก่อนเชิญออกเพื่อเข้าสู่วาระการประชุม ทั้งนี้ รายงานข่าวยืนยันว่า ในวงประชุมวันนี้ จะเป็นการหารือ 13 + 3 ข้อตกลง คือ 13 ข้อจากเดิม GBC เพื่อนำสู่การปฏิบัติ และข้อเสนอใหม่ ของฝ่ายไทย 3 […]

“ทักษิณ” ผูกเนกไทเหลือง มาฟังคำตัดสินคดี ม.112

กทม. 22 ส.ค.-“ทักษิณ” มาก่อนเวลา สวมสูท-ผูกเนกไทเหลือง มาฟังคำตัดสินคดี ม.112 ก่อนสวมกอด “พินทองทา” และโบกมือทักทายสื่อฯ-มวลชนเสื้อแดง ก่อนขึ้นห้องพิจารณาที่ 902 ด้านตำรวจ สน.พหลฯ จัดกำลังดูแลความเรียบร้อยตามความเหมาะสม ต่อมาเวลา 09.20 น. นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนกลางนายทักษิณชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงศาลอาญารัชดา โดยจอดรถบริเวณด้านข้างอาคารศาลอาญา จากนั้นในเวลาไล่เลี่ยกันนายทักษิณ เดินทางมาถึงศาลอาญาด้วยรถยนต์ส่วนตัว โดยมาด้วยชุดสูทสีกรมท่า เสื้อเชิ้ตสีขาวผูกเนกไทสีเหลือง ก่อนจะสวมกอดกับลูกสาว และเดินเข้าไปบริเวณด้านในอาคารศาลอาญารัชดาทันทีเพื่อเข้าสู่ห้องพิจารณาคดีที่ 902 ในเวลา 10.00 น. ตามที่ศาลนัดพิพากษาตัดสินคดีวันนี้ ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัย พันตำรวจเอกมารุต สุดหนองบัว ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ให้ข้อมูลว่า ในวันนี้เจ้าหน้าที่ศาลอาญาได้ประสานขอกำลังสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ให้เข้ามาช่วย ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งตำรวจสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ทั้งในและนอกเครื่องแบบได้เข้ามาช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยภายในพื้นที่โดยมีการวางกำลังเสริมกับตำรวจศาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลตามความเหมาะสม โดยก่อนหน้านี้ทางกลุ่มแกนนำมวลชนเสื้อแดงได้มีการประสานกับฝ่ายสืบสวนว่าจะเข้ามาจัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ให้กำลังใจ และจับภาพรวมการข่าวก็ยังไม่พบอะไรที่น่าเป็นกังวล ขณะเดียวกันพบมีมวลชนจำนวนหนึ่งเดินทางมาปักหลักที่บริเวณลานจอดรถของศาลอาญาพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีแดง และสกรีนข้อความให้กำลังใจพร้อมรูปของนายทักษิณ เป็นการให้กำลังใจเดินทางมาให้กำลังใจนายทักษิณเดินทางมาจากในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ซึ่งตำรวจศาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลอาญาได้มีการกันพื้นที่ เพื่อให้กลุ่มมวลชนอยู่ พื้นที่ที่จัดเตรียมไว้ให้เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชน และเจ้าหน้าที่ที่เดินทางมาที่ศาลอาญา.-420.-สำนักข่าวไทย

ประชุม RBC ระดับเลขาฯ ไม่ยกเลิก หลังมีข่าวส่อแววล่ม

สระแก้ว 21 ส.ค.- ไม่ล่ม! การประชุม RBC ระดับเลขานุการ ยังไม่ยกเลิก กระบวนการหารือยังคงดำเนินต่อไป แม้ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวส่อล่ม เนื่องจากฝ่ายกัมพูชายังไม่เดินทางมาเข้าร่วม ภายหลังการประชุม คณะกรรมการร่วมชายแดนในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ถูกเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 27 สิงหาคม 2568 หลายฝ่ายจับตาไปที่การประชุมของกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (22 ส.ค.) แต่ปรากฏว่าวันนี้ เมื่อถึงเวลาประชุม RBC ระดับเลขานุการ ทางฝ่ายกัมพูชายังไม่ได้เดินทางมา บรรยากาศที่สโมสรนายทหาร มณฑลทหารบกที่ 19 จ.สระแก้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย – กัมพูชา (RBC) สมัยวิสามัญ ซึ่งตามกำหนดในเวลา 14.00 น. จะมีการประชุม กองทัพภาคที่ 1 นำโดย พลตรี สุรวิชญ์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 เป็นประธานคณะทำงาน ฝ่ายไทย ขณะกัมพูชา นำโดย พลโท ซอ […]