ส.ว.คว่ำญัตติเสนอ ครม.ทำประชามติยกร่าง รธน.ใหม่พ่วงเลือกตั้ง

รัฐสภา 21 ก.พ.-วุฒิสภา คว่ำญัตติสภาฯ เสนอ ครม. ให้ทำประชามติถามความเห็นยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส.ว.เสียงแตก เห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย หวั่นตกเป็นเครื่องมือการเมืองหากไม่หนุน ส่วนฝ่ายไม่ส่งชี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง

ผู้สื่อ่าวรายงานว่า การประชุมวุฒิสภาวันนี้ (21 ก.พ.) มีพล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง เป็นประโนการประชุม ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบผลการลงมติของสภาผู้แทนราษฎรในญัตติ ขอให้สภามีมติส่งเรื่องที่มีเหตุสมควรจะให้มีการออกเสียงประชามติให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการ พร้อมกับรายงานของคณะกรรมาธิการสามัญพิจารณาญัตติขอให้สภามีมติส่งเรื่องที่มีเหตุสมควรจะให้มีการออกเสียงประชามติให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการ ที่เสนอโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.พรรคก้าวไกล และ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย


นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ รายงานผลการศึกษาที่พบว่า เหตุผลที่เสนอให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะมีที่มาจากการทำรัฐประหาร ยังไม่เป็นเหตุผลอันสมควร เนื่องจากรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับของประเทศไทยมีที่มาต่างกัน แต่สุดท้ายก็มีผลบังคับใช้เหมือนกัน และสามารถแก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหาในฉบับเดิมให้มีความเหมาะสมได้ และในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ก็ไม่มีบทบัญญัติเกี่ยวกับ ส.ส.ร.  อีกทั้งญัตติที่เสนอไม่ได้ระบุกรอบ ขอบเขต ที่ชัดเจน มีลักษณะมุ่งเพียงการตั้งคำถามแต่ไม่ได้มีสาระสำคัญที่แสดงถึงข้อบกพร่องเกี่ยวกับเนื้อหาของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน จึงอาจกระทบหลักการปกครอง และโครงสร้างของประเทศไทย  ทั้งนี้การจัดทำประชามติ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ มีกรอบคือไม่เร็วกว่า 90 วัน และไม่ช้ากว่า 120 วัน ดังนั้นจึงมีโอกาสน้อยที่การทำประชามติจะสามารถดำเนินการไปพร้อมกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นได้ แม้ว่ากฎหมายไม่ได้ห้าม  และหากต้องดำเนินการทำประชามติต้องทำถึง 3 ครั้ง ครั้ง 3,500 ล้านบาท รวมแล้วต้องใช้งบประมาณมากกว่าหมื่นล้านบาท 

นายสมชาย กล่าวว่า กรรมาธิการฯไม่ได้มีความขัดข้อง หากสังคมต้องการที่จะทำประชามติ และหากต้องการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็สามารถทำได้ แต่ต้องพิจารณาถึงความถูกต้องมิให้ขัดหรือแย้งกับข้อกฎหมาย


ขณะที่การอภิปราย โดยสมาชิกมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับผลการศึกษาของกรรมาธิการฯ โดย นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา ยืนยันจะรับญัตติ ที่เสนอมาจากสภาผู้แทนราษฎร พร้อมระบุเหตุผลว่า ญัตติดังกล่าวเป็นเพียงการสอบถามไม่ใช่การระบุถึงรายละเอียดและขั้นตอนตามที่กรรมาธิการฯได้สรุปรายงานมา ซึ่งสภามีหน้าที่ในการแจ้งเรี่อง และสุดท้ายคณะรัฐมนตรีเป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ ดังนั้นขั้นตอนยังมีอีกมากโดยบทสรุปยังไม่ได้ชัดเจนว่าจะต้องมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาแทน

เช่นเดียวกับนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ที่เห็นว่าควรจะส่งให้คณะรัฐมนตรี เพราะ ไม่มีความจำเป็นต้องขัดขวาง หากส.วไม่เห็นด้วย อาจเป็นการเปิดโอกาสให้ฝ่ายการเมืองนำไปหาเสียงใส่ร้ายป้ายสี ส.ว. อ้างว่า ไม่เห็นเงาประชาชน มาจากเผด็จการสืบทอดอำนาจ ไม่ให้ความสำคัญประชาชน จะนำเหตุนี้ไปกล่าวอ้างช่วงหาเสียง นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น เขากำลังเอาเราเป็นเครื่องมือไปหยิบยกให้เขาสร้างคะแนนเสียง พร้อมย้ำเตือนว่า ญัตตินี้เป็นเพียงแค่ข้อเสนอทำประชามติเท่านั้น จะทำได้จริงหรือไม่อยู่ที่ ครม. เป็นผู้พิจารณา แต่เรากลับคิดแทนเขาไปหมดแล้ว หากไม่เอาด้วยกับฝ่ายค้านก็จะถูกหยิบยกไปโจมตีอีก แต่ผลสุดท้ายคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังอีกยาวไกล เวลา 5 ปีผ่านมา สมควรแล้วที่เราจะรับเรื่องนี้ไว้ แล้วส่งต่อให้  ครม. พิจารณาต่อไป

ส่วนนายวันชัย สอนศิริ ส.ว. เห็นด้วยต่อมติของสภาฯ เพราะอำนาจการให้ทำประชามติ เป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร หรือ ครม. ที่จะทำหรือไม่ทำ ไม่เกี่ยวกับรัฐสภา และต้องยอมรับว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ใช้มา5 ปี สถาบันพระปกเกล้า นักวิชาการ และกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองของวุฒิสภาเห็นควรว่ามีหลายประเด็นที่ต้องแก้ไข ถ้าไม่ทำประชามติจะเริ่มนับหนึ่งได้อย่างไร ขณะที่ส.ว. จะหมดวาระอีกปีกว่า ควรมีส่วนร่วมในการแก้ไข  ที่สำคัญ หากวุฒิสภาเห็นด้วยก็ไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหาย แต่ถ้าไม่เห็นด้วยจะเสีย ภาพพจน์ของวุฒิสภาและเสีย โอกาสครั้งสุดท้ายในเวลา1 ปีที่เหลือ


ด้านกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา เห็นด้วยกับรายงานของกรรมาธิการที่ไม่ให้ส่ง ครม.เนื่องจากมองว่า การขอแก้ไขทำไปเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองที่ต้องการปลดล็อกจุดแข็งของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน คือการปราบโกง และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งของประชาชนรอบใหม่หากส่งรายงานดังกล่าวไปให้คณะรัฐมนตรี

พลตำรวจโท ศานิตย์ มหถาวร สมาชิกวุฒิสภา ได้กล่าวถึงหลักเกณฑ์การที่จะทำประชามติมีถึง 7 หลักเกณฑ์ แต่หลักเกณฑ์สำคัญ 1 ข้อคือ สิ่งที่แก้ไขจะต้องเป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชนไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ในตัวบุคคล/ธุรกิจการเมืองและถ้ามีการแก้โดยตั้งส.ส.ร.ก็ไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นและจะแก้ไขอะไรรวมทั้งค่าใช้จ่ายซึ่งมีถึง 1 หมื่นล้านบาทจะคุ้มหรือไม่

ดังนั้นถ้ามีการแก้ไขต้องไม่ให้เสียงบประมาณ ไม่ให้เสียหลักการและให้เห็นผลเป็นรูปธรรมก็ควรแก้ในมาตรา 256 หมวด1/ 2

พลอากาศตรี เฉลิมชัย เครืองาม สว. กล่าวถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ว่ารัฐสภาไม่อาจทำนอกกรอบรัฐธรรมนูญ เพราะต้องผูกพันกับรัฐธรรมนูญฉบับเดิม ต้องการยึดโยงรัฐธรรมนูญเพราะไม่มีถ้อยคำว่าส.ส.ร.ไม่มีคำว่าเลือกตั้งโดยตรง ซึ่งจะขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ จะเกิดความขัดแย้งในแผ่นดิน ขอให้นึกถึงกาลเทศะเป็นเรื่องที่สำคัญจะกลายเป็นระเบิดเวลาของความขัดแย้งทางการเมืองในแผ่นดินและหลังจากนี้จากมีการเสนอเรื่องต่างๆเข้ามาเป็นจำนวนมากจะเกิดความขัดแย้ง สภาวะเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะต้องใช้เงินถึงหมื่นล้านบาทที่ยังไม่เห็นผล ที่สุดแล้ว วุฒิสภา ลงมติ เห็นด้วย12 ไม่เห็นด้วย 157 ผลปรากฏว่ามติดังกล่าวถือว่าตกไปเพราะวุฒิสภาไม่เห็นชอบ เนื่องจากตามกฎหมายประชามติใหม่ ต้องให้ 2 สภาเห็นชอบ. สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

อยุธยาอ่วม! มัสยิด-บ้านริมน้ำเจ้าพระยา ถูกน้ำท่วมสูง

อยุธยา 22 ก.ย. – จ.พระนครศรีอยุธยา อ่วม! น้ำท่วมขยายวงกว้างครอบคลุม 8 อำเภอ ชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะมัสยิด ระดับน้ำเพิ่มสูงต่อเนื่อง ขณะที่เขื่อนป่าสักชลฯ เตรียมปรับเพิ่มการระบายน้ำอีกตั้งแต่ 24 ก.ย.นี้ เตือนน้ำล้นตลิ่งพื้นที่ลุ่มต่ำท้ายเขื่อน สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.พระนครศรีอยุธยา ขยายวงกว้างครอบคลุม 8 อำเภอ 103 ตำบล 626 หมู่บ้าน รวมกว่า 31,227 ครัวเรือน ได้รับผลกระทบ โดยพื้นที่ ต.ภูเขาทอง อ.พระนครศรีอยุธยา ชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะมัสยิดดารุซซุนนะห์ ซึ่งอยู่นอกคันกั้นน้ำ ถูกน้ำเอ่อท่วมและระดับน้ำยังเพิ่มสูงต่อเนื่อง ชาวบ้านสัญจรลำบาก บางจุดต้องใช้เรือ ต้องเดินลุยน้ำเข้า-ออกบ้านและมัสยิด ขณะที่องค์การบริหารส่วนตำบลภูเขาทอง เร่งนำไม้มาทำสะพานชั่วคราว ให้ประชาชนเดินเข้ามัสยิดเพื่อประกอบพิธีละหมาดได้ พร้อมเร่งตัดต้นไม้และกำจัดวัชพืช ให้เรือสัญจรได้สะดวก และเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำใกล้ชิด เนื่องจากระดับน้ำเจ้าพระยายังมีแนวโน้มสูงต่อเนื่อง นายธีรยุทร อายุ 43 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า บ้านถูกน้ำท่วมเกือบถึงเอว ลำบากมาก […]

ร่างแถลงนโยบายรัฐบาลเสร็จแล้ว นายกฯ ลุกแจงเอง-ไร้องครักษ์

พรรคภูมิใจไทย 22 ก.ย.- ร่างคำแถลงนโยบายรัฐบาล “อนุทิน” เสร็จแล้ว มี 8 หน้า นายกฯ ลุกขึ้นชี้แจงเอง-ไม่มีองครักษ์ หลังเพื่อไทยจัด 4 ขุนพลเตรียมชำแหละ แหล่งข่าวจากพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเตรียมร่างคำแถลงนโยบายของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่า ขณะนี้ร่างคำแถลงนโยบายรัฐบาลเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีจำนวนทั้งหมด 8 หน้า โดยนโยบายทั้งหมดจะเน้น 4 ด้าน ประกอบด้วย เศรษฐกิจปากท้อง ความมั่นคงและชายแดน ปัญหาสังคม ภัยธรรมชาติและการเยียวยา โดยนโยบายด้านเศรษฐกิจ จะเน้นเรื่องการลดค่าครองชีพแก่ประชาชน เช่น นโยบายคนละครึ่ง ซึ่งขณะนี้เรื่องระบบการใช้-วงเงินอยู่ระหว่างการพูดคุย การลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เช่น ลดค่าทางด่วน รวมถึงอาจจะมีการปรับนโยบายที่พรรคภูมิใจไทยเคยหาเสียงไว้ เช่น โซลาร์รูฟท็อป เป็นโซลาร์ชุมชน 1,500 เมกะวัตต์ เพื่อให้เข้ากับการทำงานของอายุรัฐบาล 4 เดือน นอกจากนี้จะมีการหยิบนโยบายของพรรคเพื่อไทย มา เช่น หวยเกษียณ โดยอาจจะมีการปรับรูปแบบ ส่วนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย […]

“มทภ.2” เผยเขมรไม่มีท่าทีถอนอาวุธหนัก ลั่นเลิกคุยหากยังยั่วยุ

22 ก.ย.- “มทภ.2” ขอบคุณนายกฯ ไฟเขียวแก้ปัญหาชายแดน เผยเขมรไม่มีท่าทีถอนอาวุธหนัก มีแต่เพิ่มกำลัง ลั่นเลิกคุยหากยังยั่วยุ บินโดรน-ฝังทุ่นระเบิด ขณะที่กองทัพภาคที่ 1 ถก RBC สัปดาห์นี้ ส่วนด้านจันทบุรี – ตราด ยังไม่กำหนดวัน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า การนำผลประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา (GBC) เมื่อ 10 ก.ย.68 ไปสู่การปฏิบัติ โดยที่ประชุมกำหนด ให้มีการถอนอาวุธหนัก และยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดน กลับสู่ที่ตั้งปกติ โดยฝ่ายเลขานุการจีบีซี และอาร์บีซี จะหารือกันภายใน 3 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนดำเนินการ และเริ่มเคลื่อนย้ายกำลังตามกรอบเวลาที่กำหนด โดยให้คณะผู้สังเกตการณ์ (IOT) มาร่วมสังเกตการณ์ ล่าสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยความคืบหน้าการนัดประชุมคณะกรรมชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) จัดทำแผนดำเนินการถอนอาวุธหนัก และยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดนว่า ฝ่ายกัมพูชายังไม่มีท่าทีที่จะดำเนินการ มีแต่จะเพิ่มกำลังในพื้นที่ ซึ่งยังไม่ชัดว่าจะสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้หรือไม่ และยังไม่ได้มีการกำหนดการประชุมRBC คาดว่าจะเป็นต้นเดือน ต.ค.นี้ […]

“อนุทิน” ขนทีมเศรษฐกิจถกสมาคมธนาคารไทย

สมาคมธนาคารไทย 22 ก.ย.- “อนุทิน” ขนทีมเศรษฐกิจถกสมาคมธนาคารไทย ชี้เป็นหัวใจระบบเศรษฐกิจ บอกเคยเป็น Banker มาก่อน ระบุความเห็นเอกชนเป็นประโยชน์ภายใต้เป้าหมายเดียวกันคือดันไทยก้าวสู้ศูนย์กลางอาเซียน-ภูมิภาค นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ประกอบด้วย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมหารือกับสมาคมธนาคารไทย โดยมีนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ให้การต้อนรับ จากนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างการหารือในหัวข้อ “ฝ่าวิกฤต พลิกอนาคตเศรษฐกิจไทย ด้วยพลวัตใหม่” ว่า วันนี้ตนและทีมงานเศรษฐกิจต้องขอบคุณกับการต้อนรับที่อบอุ่น ตั้งใจมาพบกับทุกท่านหลังจากที่มีความชัดเจน ในการจัดตั้งรัฐบาล และตนได้ใช้ความพยายามเป็นอย่างยิ่ง ในการคัดสรรบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ มาบริหารงานด้านเศรษฐกิจในรัฐบาลของตน ซึ่งพวกท่านน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว และวันนี้มีความจำเป็นต้องพบปะ สถาบันหลัก ทางเศรษฐกิจโดยสัปดาห์ที่แล้วได้เดินทางไปที่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย เพราะตนก็ออกจากวงการนี้ไปนาน เมื่อไปถึงสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ก็ได้พบกับผู้ประกอบการ ที่เป็นมืออาชีพ […]