รัฐสภา 15 ก.พ.- “โรม” ลั่น อภิปราย 152 “ก้าวไกล” มีหมัดเด็ด ไม่แพ้ศึกซักฟอก ขอรัฐบาลอย่าปิดปาก ด้วยการชิงสภาล่ม ย้ำ แผนสำรองคืออภิปรายนอกสภา
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามมาตรา 152 ว่า พรรคก้าวไกล จะมีผู้อภิปราย 5 คน เริ่มจาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค หลังจากนั้นจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ ต่อด้วยเรื่องการเมือง และตบท้ายด้วยเรื่องทุจริต ซึ่งตนเองจะเป็นผู้อภิปราย และต่อด้วย นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. ทั้งนี้มั่นใจว่าวันแรกจะครอบคลุมในทุกมิติ ซึ่งหมัดเด็ดสำคัญ คือ การอภิปรายครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ในแง่ของกฎหมาย คือการซักถามทั่วไป เพื่อให้รัฐบาลตอบ แต่ในเมื่ออยู่ในห้วงเวลาก่อนการเลือกตั้ง เราจะยกระดับให้จริงจังและเต็มที่ในการขุดคุ้ยข้อมูล ให้อยู่ในระดับเดียวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยตนเองเตรียมข้อมูลไว้เยอะ อาจจะใช้เวลา 1 ชั่วโมงกว่าในการซักฟอกรัฐบาล ซึ่งจะเป็นประเด็นที่เกี่ยวพันกับการทุจริตคอร์รัปชั่น การบริหารงานที่มิชอบ และความล้มเหลวของรัฐบาล
“รับรองว่ารอบนี้ ผมใช้เวลาเตรียมตัว 3-4 เดือน ค่อนข้างนาน จึงมั่นใจว่าจะมีหลักฐานที่ชัดเจน ในการเอาผิดรัฐบาล ซึ่งจะไม่จบแค่การซักฟอก เพราะเตรียมการไว้ดำเนินคดีตามกฎหมายหลังจากนี้อีกเยอะ”นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่าหากมีการอภิปรายคล้ายกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะมีการประท้วงและเสนอให้นับองค์ประชุม นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่าจะไปแบบนั้นไปทำไม เพราะที่ผ่านมาการอภิปรายทั่วไป ก็จริงจัง เหมือนการอภิปรายไม่ไว้วางใจอยู่แล้ว และเห็นไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งการทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายค้านก็เป็นประโยชน์กับประชาชน
“ถ้าไม่ยอมรับการทำงานของฝ่ายค้าน ก็เท่ากับยอมรับว่ารัฐบาลมีแผลเหวอะหวะ เต็มตัว และกลัวว่าประชาชนจะรู้ จึงพยายามปิดปากฝ่ายค้าน ดังนั้นจึงอยากให้การอภิปรายในครั้งนี้ เป็นเวทีให้กับทั้ง 2 ฝ่าย คือฝ่ายค้านไก้มีโอกาสตรวจสอบ และรัฐบาลได้มีโอกาสชี้แจง ควรเป็นเวทีและโอกาสที่ประชาชนได้รับข้อมูล หากรัฐบาลชี้แจงดี ประชาชนก็เลือกคุณ หากไม่ดีเขาก็ไม่เลือก เช่นเดียวกับหากฝ่ายค้านทำหน้าที่ได้ดีคนก็เลือก ถ้าไม่ดีคนก็ไม่เลือก”นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ตนขอวอนอย่าพยายามปิดปากการใช้เวทีนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้วใครพูดอะไรไว้ก็ต้องรับผิดชอบ ซึ่งไม่ได้หมายความว่ารัฐมนตรีจะถูกตรวจสอบและเอาผิดทุกคน แต่หากมีพยานหลักฐานชัดเจนก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย และฝ่ายค้านจะใช้เวลาทุกนาทีอย่างคุ้มค่า ดังนั้นคนที่ถูกซักฟอก มีทั้งบาดแผล และไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการที่จะบริหารประเทศ ทั้งวันนี้และต่อไปในอนาคต
เมื่อถามว่าหลายคนวิจารณ์ว่าเป็นข้อมูลเก่าที่เคยใช้ อภิปรายก่อนหน้านี้ นายรังสิมันต์ ตอบกลับทันทีว่า ให้รอดูได้เลย รัฐบาลพูดแบบนี้ทุกครั้ง แต่ทุกครั้งที่นำเสนอไม่เห็นรัฐบาลจะตอบอะไรได้ เช่น ตั๋วช้าง ตอบได้หรือไม่ กรณี พล.ต.ต. ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮีนจาที่ลี้ภัยไปต่างประเทศ ก็ไม่สามารถตอบได้ ดังนั้นหลายหลักฐานที่เราเปิด และถูกปรามาส ว่าเป็นข้อมูลเดิม สุดท้ายรัฐบาลก็หน้าชากลับไปทุกที
เมื่อถามว่าหากเกิดสภาล่ม ไม่สามารถอภิปรายได้จะดำเนินการอย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เราพยายามทำให้ไม่ล่ม ให้การอภิปรายครั้งนี้เป็นไปได้มากที่สุด แต่หากสุดท้ายต้องล่มจริงๆ ยื้อไม่ได้เราก็เตรียมแผนสำรองเอาไว้ คงต้องรบกวนสื่อมวลชนอย่าเพิ่งรีบกลับ ก็จะอภิปรายนอกสภา เพราะเราถือว่าได้ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด
ส่วนหากมีการฟ้อง เพราะไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เมื่อถึงที่สุดเราห้ามคนฟ้องไม่ได้ และไม่มีใครที่จะอยากอภิปรายนอกสภาหรอก ทุกคนอยากทำหน้าที่ในสภา และถือว่าการที่สภาล่ม จนทำให้ต้องไปทำหน้าที่นอกสภา ก็เป็นส่วนหนึ่งการทำงานของส.ส. โดยท้ายที่สุดหากต้องถูกดำเนินคดี มันก็คือการทำหน้าที่ของเรา ต้องต่อสู้คดีกันต่อไป แต่ไม่อยากให้ไปถึงจุดนั้น เพราะก็ไม่ได้อยากถูกติดคุก หรือถูกดำเนินคดี สุดท้ายก็ขอทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด .-สำนักข่าวไทย.
