“อ๋อม-สกาวใจ” สวมเสื้อเพื่อไทย ชิงเก้าอี้สะพานสูง

พรรคเพื่อไทย 6 ก.พ. – “เพื่อไทย” เปิดตัว “อ๋อม-สกาวใจ” ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตสะพานสูง-ประเวศ ลั่น มาเพื่อชนะ ไม่ได้มาเพื่อแพ้ ด้าน “มาดามนครบาล” มั่นใจ เพื่อไทยแลนด์สไลด์ กทม.ครบ 33 เขต

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรค และผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) พรรคเพื่อไทย และแกนนำพรรคเพื่อไทย เข้าร่วมแถลงข่าวเปิดตัวผู้ซึ่งประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ภาคตะวันออก และ กทม.พรรคเพื่อไทย


การ

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีความภาคภูมิใจเปิดตัวผู้ซึ่งประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. จันทบุรี ซึ่งถือเป็นพื้นที่ศักยภาพสูง มีความโดดเด่นด้านเกษตรกรรม ท่องเที่ยวและประมง เป็นพื้นที่หมุดหมายของพรรคเพื่อไทยในการส่งเสริมศักยภาพให้กลายเป็นเมืองแห่งผลไม้และอัญมณี จึงขอเปิดตัวผู้ซึ่งประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. จันทบุรีในวันนี้ และเปิดตัวผู้ซึ่งประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง กทม.อีก 3 คน ทำให้ กทม.เปิดตัวผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ครบทั้ง 33 เขตแล้ว พร้อมย้ำเป้าหมายของพรรคเพื่อไทย ต้องชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ ต้องได้ ส.ส.มากกว่า 251 ที่นั่งขึ้นไป เพื่อปิดกั้นอำนาจเก่า

“กทม.เป็นหัวใจของประเทศไทย เป็นศูนย์การการเมืองการปกครอง เป็นศูนย์กลางทางมิติสังคม สะท้อนทุกอย่างภายในประเทศ เป็นพื้นที่ที่เพื่อไทยให้ความสำคัญมาก เรามั่นใจว่า ส.ส. ว่าที่ผู้สมัคร และ ส.ส.ในอนาคต จะตอบโจทย์พี่น้องประชาชนทุกมิติ ฝากชาว กทม.ช่วยกันพิจารณาสร้างโอกาสร่วมกับพรรคเพื่อไทย เพื่ออนาคตของ กทม.และประเทศชาติ เพื่อไทยยึดมั่นถือประชาชนเป็นหัวใจ ร่วมชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ให้ถล่มทลาย” นพ.ชลน่าน กล่าว


ด้านนายประเสริฐ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยทำงานต่อเนื่องเพื่อประชาชน โดยวานนี้(5ก.พ.)ที่ได้ลงพื้นที่ภูเก็ตและพังงา ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมากที่ให้การตอบรับเป็นอย่างดี และในฐานะของ ส.ส.นครราชสีมาผู้แทนของคนโคราช ขอขอบคุณชาวโคราชที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยทั้งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ส.ส.แบ่งแขตและบัญชีรายชื่อ จากโพลนิด้าล่าสุด ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยขอเปิดตัว ผู้ซึ่งประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ภาคตะวันออก 2 คน และ กทม.อีก 3 คน ได้แก่

-ภาคตะวันออก 2 คน จากจังหวัดจันทบุรี คือ 1. นายวันทิตย์ ตั้งรักษาสัตย์ และ 2. นายนิติรุจน์ ศิระวิเชษฐ์กุล
-กทม.3 คน ได้แก่ 1.นางสาวสกาวใจ พูนสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตสะพานสูง ประเวศ 2.นายเอกภาพ หงสกุล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตสายไหม 3.นางสาวกมลพัฒน์ ปุงบางกระดี่ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตบางขุนเทียน

นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า พื้นที่ กทม.ในขณะนี้ มีความพร้อมทุกด้าน เพราะมีว่าที่ผู้สมัครครบทั้ง 33 เขต ทั้ง ส.ส.ปัจจุบัน และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทุกคนล้วนมีความรู้ความสามารถ ลงพื้นที่ต่อเนื่อง เข้าใจถึงปัญหาในพื้นที่พร้อมรับใช้ชาวกรุงเทพฯ มีความพร้อมเรื่องนโยบาย ทุกนโยบายของพรรคเพื่อไทย และนโยบายของ กทม. กลั่นกรองมาจากปัญหาของประชาชนในพื้นที่ เช่นเดียวกับนโยบายของ ส.ก.ที่ทำได้จริง ด้วยนโยบายที่ คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน ทุกนโยบายทำได้จริง และความพร้อมของพรรคเพื่อไทยในการเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ เพราะตลอดระยะเวลา 8 ปี ที่ผ่านมา ภายใต้การนำของรัฐบาลปัจจุบัน ประเทศประสบกับวิกฤติมากมาย โดยเฉพาะวิกฤติด้านเศรฐกิจ ปากท้อง การแพร่ระบาดของโรค ยาเสพติด และการทุจริตในวงกว้าง ทุกอย่างล้วนสะท้อนถึงล้มเหลวโดยสิ้นเชิงของการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้


“ถึงเวลาแล้ว ที่ต้องเปลี่ยนรัฐบาลที่มีความรู้ความสามารถ เข้ามาแก้ไขวิกฤติของประเทศ พรรคเพื่อไทย ขออาสา มาแก้ไขวิกฤติของประเทศ โดยนำ ส.ส.ที่มีคุณภาพ นโยบายดีๆที่สามารถทำได้จริง และเคยสำเร็จมาแล้วในอดีต ให้กลับมาพลิกฟื้นประเทศในครั้งนี้ ดิฉันขอโอกาส จากพี่น้อง กทม. และพี่น้องทั้งประเทศ โปรดใช้สิทธิ์ของท่าน ร่วมกันพลิกฟื้นประเทศ โดยเลือกพรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ เราจะก้าวข้ามอดีต และร่วมกันสร้างอนาคตของประเทศไปด้วยกัน” นางพวงเพ็ชร กล่าว

จากนั้น อ๋อม สกาวใจ  ให้สัมภาษณ์เปิดใจถึงการเข้าร่วมงานกับพรรค เพื่อไทย ว่า การลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในครั้งนี้ถือเป็นการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต เนื่องจากตนอยู่ในวงการบันเทิงมา 30 กว่าปี  มีรายได้เลี้ยงชีพและเป็นที่รู้จัก เพราะประชาชนมอบชื่อเสียงให้มา  จะเป็นอ๋อม สกาวใจในวันนี้ไม่ได้เลย หากไม่ให้รับแรงสนับสนุนจากประชาชน  จึงอยากตอบแทนบุญคุณพี่น้องประชาชนที่รักและเอ็นดู  เพราะการเมืองเป็นเรื่องของทุกคนตั้งแต่ตื่นจนหลับ  ภาษีที่เสียไปหลากหลายรูปแบบ ถูกใช้ไปอย่างคุ้มค่าหรือไม่  แม้ที่ผ่านมาได้ออกมาพูดถึง (call out) ปัญหาของบ้านเมืองมาโดยตลอดผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ทั้งอินสตาแกรมและเฟซบุ๊ก แม้ได้รับการแก้ไข แต่เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ  เพราะปัญหาได้เกิดขึ้นแล้ว  การแก้ปัญหาที่ยั่งยืนต้องแก้ที่ต้นเหตุด้วยการนำเอานโยบายดีๆ เสนอเข้าสู่สภาตามระบอบประชาธิปไตย จึงจะสามารถนำพาประเทศก้าวไปข้างหน้าได้ 

สำหรับเหตุผลที่เลือกพรรคเพื่อไทย เนื่องจากที่ผ่านมาตนเลือกอยู่ฝั่งประชาธิปไตยมาเป็นอันดับหนึ่ง  หากจะเลือกลงการเมืองกับพรรคใดจะต้องเป็นพรรคที่เข้าถึงปัญหาและต้องยึดโยงผู้แทนกับประชาชน ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีความชัดเจน  จึงทำให้อุ่นใจ นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยยังเป็นองค์กรการเมืองที่เข้าถึงประชาชน นับตั้งแต่พรรคไทยรักไทยจนมาถึงเพื่อไทย ซึ่งตนได้เห็นผลงานมาโดยตลอด พรรคเพื่อไทยสามารถตอบโจทย์นโยบายที่หาเสียงได้ทุกครั้ง เป็นพรรคเดียวที่คิดนโยบายและทำได้จริง  จึงมีความมั่นใจเลือกพรรคเพื่อไทย


                 น.ส.สกาวใจ ยังกล่าวว่า ตนเองมีนายพลภูมิ วิวัติภูมิประเทศ  ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เป็นเพื่อนสนิท เป็นที่ปรึกษาและได้ทำงานเชิงพื้นที่ร่วมกัน  และผู้ใหญ่ที่เคารพรักอย่างนายวิชาญ มีนชัยนันท์ และนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด และอีกหลายคนในพรรคที่ได้เข้าไปพูดคุย ปรึกษาปัญหาปากท้อง เศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน  การที่ตนเองมีชื่อเสียง อายุ 40 กว่าปี มาจากประชาชน และจากนี้ไปจะเข้ามาตอบแทนบุญคุณพี่น้องประชาชน  เข้ามาแก้ปัญหาที่โครงสร้าง แก้นโยบายในภาพใหญ่ และแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน  ทั้งนี้ ในการลงสมัคร ส.ส.เขตสะพานสูง ประเวศ เพราะใช้ชีวิตครอบครัวในพื้นที่นี้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก อยู่ในหมู่บ้านนักกีฬามานานหลายปี สิ่งที่เห็นในวันนี้ควรพัฒนาให้มีความเจริญมากกว่านี้

น.ส.สกาวใจ กล่าวอีกว่า ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีเรื่องแปลกที่พรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.อันดับหนึ่ง แต่ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล  หากรัฐบาลเป็นพรรคเพื่อไทย  ประเทศคงไปได้ไกลกว่านี้  จึงอยากสอบถามประชาชนว่า วันนี้เราตื่นขึ้นมา  กับ8 ปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่  มีเพียงบางโครงการที่เดินต่อไปเท่านั้น  ขณะที่สภาพเศรษฐกิจย่ำแย่ ค่าแรงเท่าเดิม  นักเรียน นักศึกษา มองไม่เห็นอนาคต ผู้ใหญ่ไม่ฟังเด็ก  เชื่อว่าตราบใดที่ยังมีรถถังออกมาเพ่นพ่านแบบนี้ ไม่มีทางที่ประเทศไทยจะหลุดพ้นจากประเทศกำลังพัฒนาได้ “อ๋อมตัดสินใจไม่ผิด อ๋อมไม่ได้มาเพื่อแพ้  อ๋อมมาเพื่อชนะ ประเทศต้องก้าวไปข้างหน้า  อ๋อมมั่นใจในตัวเอง มั่นใจในทีมงาน และมั่นใจในพรรคเพื่อไทย” นางสาวสกาวใจ กล่าว.-สำนักข่าวไทย.

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]