กทม. 4 ก.พ. – “องอาจ” หวัง กกต. แบ่งเขตเลือกตั้งเป็นธรรม “มาดามเดียร์” บอก สภาเล่นเกมการเมืองทำ กม.อากาศสะอาด ค้างสภา ด้าน “สุชัชวีร์” ชี้ฝุ่น PM 2.5 เป็นเรื่องระดับโลก เผย ปชป. เตรียมลุยกม.อากาศสะอาดต่อ
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง และนายอภิมุข ฉันทวานิช ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตยานนาวา-บางคอแหลม ลงพื้นที่ตลาดริมคลองเจริญกรุง 103 เขตบางคอแหลม พบปะพี่น้องประชาชน พ่อค้าแม่ค้า รับฟังปัญหาความเดือดร้อนเพื่อนำไปพัฒนาเป็นนโยบายสู่การแก้ปัญหา
นายองอาจ กล่าวถึงการลงพื้นที่เขตยานนาวา-บางคอแหลม เพื่อแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในวันนี้ ว่า ความพร้อมของพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนี้มีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ครบทุกเขตแล้ว ซึ่งขณะนี้รอเพียงการแบ่งเขตที่ชัดเจนจากทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยเบื้องต้น ทาง กกต. กทม. ได้มีการประกาศรูปแบบเขตเลือกตั้งทั้ง 5 แบบมาเพื่อขอความคิดเห็นจากประชาชนแล้ว คาดว่าไม่เกินสิ้นเดือนกุมภาพันธ์น่าจะเรียบร้อย และเชื่อว่าเมื่อมีการประกาศเขตการเลือกตั้งเสร็จแล้ว พรรคประชาธิปัตย์จะประกาศตัวว่าที่ผู้สมัครในแต่ละเขตต่อไป
ส่วนข้อกังวลเรื่องของการแบ่งเขตที่ไม่เป็นธรรมนั้น นายองอาจ มองว่า พื้นที่กรุงเทพฯไม่ค่อยได้มีประเด็นนี้ เพราะประชากรมีจำนวนที่หนาแน่น จึงอยากขอร้องให้ กกต. ดูจำนวนประชากรในแต่ละเขตให้ใกล้เคียงกับมาตรฐานที่กำหนดไว้ คือ ประมาณ 166,000 คน ซึ่งอาจจะมีบวกลบบ้าง แต่ก็ไม่ควรให้ห่างกันมากหรือน้อยมากเกินไป และขณะนี้จะไปตำหนิ กกต.ยังไม่ได้ เพราะได้ออกแบบรูปแบบเขตมา 5 แบบแล้ว ซึ่งอยู่ที่ทุกคนจะช่วยกันให้ความเห็นเพื่อเอาความเห็นจากพรรคการเมืองและประชาชนไปปรับใช้
ด้าน นายสุชัชวีร์ กล่าวถึงปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในตอนนี้ ว่า เป็นเรื่องที่น่าตกใจและไม่อยากให้ประชาชน กทม. ถือว่าเป็นเรื่องปกติเพราะระดับนี้ เป็นระดับโลกแล้วเพราะฝุ่นพิษเป็นอันตรายถึงชีวิตจริงๆ ประเด็นสำคัญคือต้องเอาความจริงมาพูดกันว่าวิธีแก้ปัญหาแบบเดิมๆทำแบบเดิมๆไม่มีทางที่จะช่วยได้ จะทำให้ความรุนแรงมากขึ้นทุกวัน ดังนั้น นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ใน กทม. คือ ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมของคนกรุงเทพฯ ทั้งเรื่องน้ำและเรื่องอากาศวันนี้พรรคประชาธิปัตย์มุ่งมั่น อยากให้พี่น้อง กทม.ได้เลือก ส.ส. ประชาธิปัตย์ให้เยอะที่สุด เพราะพรรคประชาธิปัตย์จะออกกฎหมายอากาศสะอาดซึ่งค้างอยู่ในสภานานมาก ซึ่งเป็นกฎหมายที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคน กทม.ได้จริงๆ เพราะจะมีการคุมเข้มรถที่เข้ามาใน กทม. คุมเข้มเกี่ยวกับเรื่องการก่อสร้างที่ไร้ความรับผิดชอบ และสำหรับผู้ประกอบการที่ดูแลเรื่องฝุ่นสามารถมาเคลมเป็นค่าใช้จ่ายลดภาษีได้ ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ยอมให้ PM 2.5 รุนแรงไปกว่านี้
ขณะที่ น.ส.วทันยา กล่าวถึงปัญหาสภาล่มและนายกรัฐมนตรีก็ยังเมินเฉยที่จะยุบสภาตามคำเรียกร้องของ ส.ส.ว่า ปัญหาสภาล่มชัดเจนว่าเป็นปัญหาของนักการเมืองที่เล่นเกมในสภา อย่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ที่ยังค้างอยู่ในสภา จนไม่ยังไม่สามารถนำขึ้นมาพิจารณาได้ ซึ่งอากาศสะอาดเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนที่ควรจะได้รับ โดยเฉพาะฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่เข้าสู่ร่างกายอันตรายยิ่งกว่าไวรัสมีผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว ซึ่ง พ.ร.บ.อากาศสะอาดได้รับการเสนอจากหลายพรรครวมถึงภาคประชาชนแล้วด้วย แต่กลับกลายเป็นว่าพ.ร.บ.อากาศสะอาดยังไปไม่ถึงไหน และค้างอยู่ในวาระที่บรรจุอยู่ในสภาฯ เพราะปัญหาจากการเล่นเกมการเมือง จึงอยากวอนไปถึงรัฐบาลผู้บริหารที่รับผิดชอบแม้บรรยากาศการเลือกตั้งจะใกล้เข้ามาทุกทีแต่ภารกิจในการบริหารบ้านเมืองในการบริหารทุกข์ประชาชนยังเป็นลำดับแรกที่รัฐบาลผู้บริหารควรที่จะพึงให้ความรับผิดชอบและตระหนักแต่กลายเป็นว่าทุกคนกลับมุ่งเน้นในเรื่องของการหาเสียง หน้าที่รับผิดชอบลดลง และวิงวอนไปถึงผู้บริหารให้ออกมาตรการนโยบายที่จะกำกับดูแล PM 2.5 .-สำนักข่าวไทย