พรรคเพื่อไทย 2 ก.พ.-พรรคเพื่อไทยเตรียมบุก “ภูเก็ต-พังงา” 5 ก.พ. นี้ “ณัฐวุฒิ” รับเป็นมวยรองในพื้นที่ภาคใต้ แต่มั่นใจปักธงได้ มองยุทธศาสตร์ รทสช. วาง “พล.อ.ประยุทธ์” อยู่ฝั่งอนุรักษ์นิยม ทับไลน์ปชป.
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย เปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทยเตรียมลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและพังงา ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้ นำโดยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยช่วงเช้าคณะพรรคเพื่อไทยจะลงพื้นที่อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เพื่อพบปะพูดคุยรับฟังปัญหา จากผู้ประกอบการท่องเที่ยว ทั้งภาคเอกชน และองค์กร จากภูเก็ต พังงา และกระบี่ เนื่องจากถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวของภาคใต้ ก่อนที่จะนำมาจัดทำเป็นนโยบาย เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้มีประสิทธิผล ทั้งในแง่เศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต
“คณะจะพบปะประชาชนที่สะพานสารสิน อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เพื่อสื่อสารนโยบาย ความมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาของพรรค ส่วนช่วงเย็น จะเปิดเวทีปราศรัย ที่อุทยานพระนารายณ์ จังหวัดพังงา และเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ซึ่งการลงพื้นที่ของพรรคเพื่อไทยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ชาวภาคใต้ และมั่นใจว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้จะได้รับการตอบรับจากประชาชนในพื้นที่ แม้จะไม่ได้ส.ส.พื้นที่ภาคใต้มานานถึง 20 ปี แต่ไม่ขอประกาศเป็นตัวเลขว่าจะได้กี่ที่นั่ง พรรคเพื่อไทยเปรียบเสมือนเป็นมวยรองในพื้นที่ แต่จะทำงานอย่างหนัก เพื่อทำให้ประชาชนไว้วางใจให้ได้ และมั่นใจว่าจะปักธงได้ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม” นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ ตั้งข้อสังเกตการขับเคลื่อนทางการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ยุทธศาสตร์ของพรรคเลือกยืนอยู่ขวาสุด คือ นำเสนอตัวเป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยม พร้อมยกเหตุการณ์การปรากฎตัวของพล.อ.ประยุทธ์ที่สำนักข่าวแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่เคยเห็นนายกรัฐมนตรีคนไหนทำเช่นนี้มาก่อน รวมถึงการประกาศเป็นบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 สะท้อนว่าพยายามจะเป็นตัวเลือกให้ประชาชน เชื่อว่าพรรคที่จะได้รับผลกระทบคือบพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยยืนอยู่จุดขวาสุดนั้นมาก่อน จึงน่าสนใจว่า หลังจากนี้สภาพการณ์ของทั้งสองพรรคจะเป็นอย่างไร
“การขยับตัวของพล.อ.ประยุทธ์ การกำหนดสถานะ และจุดยืนของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นไปได้สูงว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นทั้งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี บัญชีรายชื่อลำดับ 1 หัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่ทำมาแล้ว 8 ปี เมื่อเอามาเทียบกันต้องดูว่า ประชาชนจะตัดสินใจอย่างไร แต่พรรคเพื่อไทย จะเดินหน้าด้วยนโยบาย ที่เป็นจุดแข็งของพรรค ทำได้จริง ได้รับการยอมรับจากประชาชน ไปเป็นตัวนำต่อสู้ในสนามเลือกตั้ง สิ่งที่รอขณะนี้คือจะยุบสภาเมื่อไหร่ เพื่อพรรคจะได้เปิดนโยบายชุดใหญ่อีกครั้ง” นายณัฐวุฒิ กล่าว.-สำนักข่าวไทย