ทำเนียบรัฐบาล 30 ม.ค. 66 – “พล.อ.ประวิตร”สั่งปราบโกงออนไลน์ ให้สิ้นซาก เอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้องการกระทำความผิดอย่างเฉียบขาด
พล.ต.อ.ดร.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เร่งติดตามการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากภัยออนไลน์รูปแบบใหม่ โดยเฉพาะขบวนการที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการประทุษร้ายต่อเหยื่อ ที่มีผู้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ทั้งในรูปแบบของการเงินนอกระบบ (เช่น แชร์ลูกโซ่ การเล่นแชร์และการขายตรง ) การพนันออนไลน์ การหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์ และที่ประชุมได้ร่วมพิจารณาและให้ความเห็นชอบมาตรการเร่งด่วน ในการแก้ไขปัญหาการฉ้อโกงประชาชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเสนอมาตรการป้องกันปราบปราม มาตรการสืบสวนปราบปราม รวมทั้งการการปรับแก้กฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องและกำหนดอัตราโทษสูงขึ้นเพื่อดูแลคุ้มครองประชาชน ซึ่งการประชุม ครม. ในวันที่ 24 ม.ค.นี้ ได้เห็นชอบร่างพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. …. ซึ่งเป็นผลจากการผลักดันของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.)
ที่ผ่านมาภายใต้การกำกับของ พล.อ. ประวิตรฯ ได้มีการปราบปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการจับกุม ปราบปราม อย่างเข้มงวดจริงจัง ภายใต้การควบคุมดูแลของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.โดยมีสถิติการจับกุมและดำเนินการทั้งหมด จำนวน 22 ประเภทคดี นับตั้งแต่ 1 มี.ค. 65 โดยแบ่งเป็นการรับแจ้งความสามอันดับสูงสุด ได้แก่ 1. การหลอกลวงซื้อขายสินค้า จำนวน 60,236 คดี 2. หลอกให้โอนเงินเพื่อหารายได้จากกิจกรรม จำนวน 25,544 คดี และ 3. หลอกให้กู้เงินแต่ไมได้รับเงิน จำนวน 21,353 คดี นอกจากนี้ได้มีการอายัดบัญชี จำนวนทั้งสิ้น 64,438 บัญชี โดยอายัดยอดเงินได้ทั้งหมด จำนวน 436.6 ล้านบาท
รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงาน กสทช. สำนักงาน ปปง. และสมาคมธนาคารไทย ครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 พ.ย. 65 เพื่อเร่งรัดการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากการฉ้อโกงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และได้มีการประชุมต่อเนื่องเป็นประจำติดต่อกันเพื่อออกมาตรการเร่งด่วนต่างๆ ให้ทันต่อสถานการณ์ โดย พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างจริงจัง ให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรม และมอบหมายให้ พล.ต.อ.ดร.ธรรมศักดิ์ และ พล.อ.สุชาติ ผ่องพุฒิ คณะทำงานรองนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมขับเคลื่อนงานกันอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งรายงานผลให้ทราบทุกสัปดาห์ ที่สำคัญทุกหน่วยงานต้องกำกับดูแลไม่ให้มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะผู้ที่เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนกระทำการลักลอบนำข้อมูลไปขายให้กับขบวนการหรือเป็นตัวการกระทำความผิดเสียเอง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รัฐถูกดำเนินคดีก่อนหน้านี้ ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเฉียบขาด
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อการข่มขู่หรือเชิญชวนลงทุนต่างๆ และอย่าให้ข้อมูลส่วนตัวกับผู้อื่นโดยง่าย และหากตกเป็นผู้เสียหายให้รีบแจ้งความที่สายด่วน 1441 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีตลอด 24 ชั่วโมง – สำนักข่าวไทย