รทสช. มีผู้สมัครพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งเกิน 100 %

รัฐสภา 18 ม.ค.-“เขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์” สมัครสมาชิกรวมไทยสร้างชาติแล้ว เผยเป็นทีม “ลุงตู่-พี่ขิง” พร้อมชิง ส.ส.กทม. ด้าน “เอกนัฏ” ระบุมี ส.ส. พร้อมลงสนามเลือกตั้งครั้งใหม่เกิน 100%


นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลัง มาเขียนใบสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมีนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรคให้การต้อนรับพร้อมรับใบสมัครการเป็นสมาชิกพรรคของนายเขตรัฐ

นายเอกนัฏ กล่าวว่า สำหรับภาพรวมการเข้ามาสมัครสมาชิกพรรคของนักการเมืองต่าง ๆ ในขณะนี้คือมี ส.ส. ที่ลาออกจากพรรคเดิมและผู้สมัครใหม่ทยอยมาเขียนใบสมัคร ซึ่งถ้าเป็นส.ส.ปัจจุบันตามที่ได้คุยกันไว้ก็ยังอยากให้ทำหน้าที่ ส.ส. ไปก่อน เพื่อให้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่ในกรณีของนายเขตรัฐ เนื่องจากเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ การลาออกจึงไม่กระทบการทำงานของ สภาฯ สามารถลาออกมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคได้


“ในส่วนของกทม.จะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ เพราะถ้าจะไปลงสมัครในระบบเขตทุกคนต้องมีเวลาลงพื้นที่ ซึ่งคนที่พรรคจะส่งสมัครในฐานะตัวแทนของพรรครวมไทยสร้างชาติ หลายคนรู้ตัวกันอยู่แล้ว และในวันพรุ่งนี้ (19 ม.ค.) จะประชุมว่าที่ผู้สมัครทั้งหมดของกทม.กว่า 30 คน เพื่อทำความเข้าใจในการทำงาน อย่างไรก็ตาม บางพื้นที่จำเป็นต้องรอความชัดเจนของการแบ่งเขต แต่สำหรับว่าที่ผู้สมัครที่มีความชัดเจนแล้วจะแนะนำตัวเพื่อให้ทำงานในพื้นที่ได้เลย เมื่อทุกอย่างพร้อม พรรคจะประกาศตัวผู้สมัครอย่างเป็นทางการทันที รวมถึงการประกาศนโยบายของพรรคที่จะเริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์นี้ด้วย” นายเอกนัฏ กล่าว

ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติจะมีนโยบายเกี่ยวกับสวัสดิการของประชาชนเช่นเดียวกับพรรคอื่นๆ ที่ประกาศไปแล้วหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า มีแน่นอน โดยแนวคิดของพรรคคือจะต้องดูสถานะของประเทศก่อน โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจที่กำลังจะฟื้นหลังจากปัญหาโควิด ซึ่งหากดูจากภาพรวมเห็นได้ว่าตัวเลขจีดีพีกำลังไปในเชิงบวก ถ้าเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านถือว่าประเทศเราไปได้ดี ซึ่งทั้งหมดเป็นผลงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาที่กอบกู้สถานการณ์มาแล้ว หลังจากนี้ต้องเก็บเกี่ยวโอกาสใหม่ ๆ

“ส่วนการจะไปแข่งเรื่องการลด แลก แจกแถม เห็นว่าเป็นการใช้เงินบิดเบือนกลไกการตลาด ไม่ทำให้เกิดความยั่งยืน ผมเชื่อว่าจากผลงานของรัฐบาลชุดนี้ หากส่งเสริมการลงทุนหรือการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการพัฒนานวัตกรรมต่างๆ การพัฒนาธุรกิจบริการการสาธารณสุขที่สามารถมาส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยว สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้ และจะทำให้เศรษฐกิจโตขึ้น ประเทศมีรายได้ ทำให้ตลาดการจ้างงานโตขึ้นด้วย ที่เขาพูดกันเรื่องประกันค่าแรง 600 บาทในความรู้สึกผม ถ้าทำได้ดี ไม่ต้องไปประกัน ผมว่าอีก ปีสองปีเราก็สามารถทำให้ค่าแรงเพิ่มขึ้นได้ และไม่ใช่เฉพาะในส่วนของค่าแรงอย่างเดียว แต่รายได้กับคนที่ทำอาชีพอื่นด้วย ไม่ใช่การรับจ้างอย่างเดียว จะเป็นเกษตรกร เจ้าหน้าที่ พนักงาน เป็นคนที่อยู่ในออฟฟิศก็จะไปด้วยได้”  นายเอกนัฏ กล่าว


นายเอกนัฏ กล่าวว่า สิ่งที่ควรต่อยอดจากรัฐบาลชุดนี้คือเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ที่พัฒนาถนนหนทาง ท่าอากาศยานเตรียมพร้อมสำหรับการเชื่อมโยงประเทศไทยกับภูมิภาค และประชาคมโลกไว้ได้ดีมากแล้ว ขณะเดียวกันต้องมีสวัสดิการที่ต่อยอด สร้างความเท่าเทียมเรื่องของโอกาส การสร้างสังคมที่เป็นธรรม ไม่ได้ดูแลเฉพาะบุคคล แต่เป็นการดูแลไปถึงครอบครัว

“จากนี้ไปเราได้รับนักการเมืองไม่ว่าจะเป็น ส.ส. ปัจจุบันหรือนักการเมืองหน้าใหม่ที่เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคจำนวนมาก เตรียมขับเคลื่อนพรรครวมไทยสร้างชาติไปด้วยกัน ผมเชื่อว่าเรามีโอกาสในอนาคตที่จะพัฒนาให้พรรคเป็นสถาบัน หน้าที่ของเราคือจะต้องขับเคลื่อนสู้ศึกการเลือกตั้งนี้ให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพื่อจะขับเคลื่อนนโยบายของเราไปให้ได้ แต่ทั้งหมดจะต้องมีความรับผิดชอบในฐานะพรรคการเมืองด้วย” นายเอกนัฎ กล่าว

ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในนามพรรค นายเอกนัฏ กล่าวว่า กระบวนการคัดเลือกแคนดิเดตนายกฯ ต้องเป็นไปตามกฎหมาย แต่เมื่อพล.อ.ประยุทธ์สมัครเป็นสมาชิกพรรคแล้ว ดังนั้น 1 ใน 3 จะต้องมี พล.อ.ประยุทธ์ อยู่แล้ว แต่จะมีขั้นตอนกระบวนการที่อาจจะไม่ต้องพูดถึงเรื่องพิธีกรรมอะไรมาก เพราะส่วนใหญ่ก็รู้กันอยู่แล้ว

นายเอกนัฎ กล่าวถึงกำหนดการการพบปะประชาชนของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า จะเกิดขึ้นสิ้นเดือนนี้ คาดว่าถ้าเป็นไปตามกำหนดจากนี้ไป พล.อ.ประยุทธ์ สวมหมวกสองใบ เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกันก็เป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย หลังจากที่จัดงานไปเมื่อวันที่ 9 มกราคม มีเสียงเรียกร้องจากสมาชิกพรรคอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ ไปพบ ดังนั้น ตั้งแต่ปลายเดือนนี้เป็นต้นไปจะออนทัวร์ ไปตามภูมิภาคต่าง ๆ โดยจะเลือกจุดที่ง่ายต่อการเดินทาง ซึ่งเป็นจุดหลักในภูมิภาค

 ส่วนกรณีที่พล.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐลงพื้นที่ จ.ราชบุรี ก่อนการเดินทางไปของพล.อ.ประยุทธ์ นายเอกนัฎ กล่าวว่า คงไม่มีผลอะไร เป็นเรื่องธรรมดาของการปฏิบัติราชการหรือการทำงานการเมือง ขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์มีหมวกสองใบ การจะออกไปปฏิบัติราชการต่างจังหวัดเป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว ส่วนในฐานะสมาชิกพรรคเป็นการทำงานนอกเวลาราชการ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเย็น ช่วงวันหยุด เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์จะใช้เวลาให้คุ้มค่าในการทำหน้าที่ของสมาชิกพรรค เพื่อขับเคลื่อนพรรคไปพร้อมกับสมาชิกพรรคและผู้บริหารคนอื่น ๆ ด้วย

เมื่อถามถึงกลุ่มรัฐมนตรีจากกลุ่มพรรคเพื่อประชาชนที่สนใจจะมาร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติมีความชัดเจนอย่างไร นายเอกนัฏ กล่าวว่า ในทางการเมือง ความชัดเจนที่เห็นขณะนี้ถือว่าชัดมากแล้ว และที่คุยกันไว้มีอีกจำนวนมาก บางคนยังไม่สามารถบอกได้ เพราะต้องรักษามารยาททางการเมือง แต่ยืนยันได้ว่า ณ เวลานี้ จะมีกลุ่มนักการเมือง ส.ส. ปัจจุบัน รัฐมนตรี ขณะเดียวกันมีนักการเมืองดาวฤกษ์รุ่นใหม่ คนใหม่ ที่ได้รับการสนับสนุนจากบ้านใหญ่ มีศักยภาพเป็นดาวฤกษ์ในตัวเองที่ตั้งใจมาลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรครวมไทยสร้างชาติกว่า 100 คน

“มีเสียงเรียกร้องให้พรรคประกาศตัวผู้สมัครเลย ซึ่งจริง ๆ เรามีอยู่แล้ว ทำพรรคการเมืองเราก็รู้ ช้าสุดก็ต้องเลือกตั้งอีกไม่นาน ดังนั้น ตัวผู้สมัครหลายภาค อย่าบอกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ เกินร้อยเปอร์เซ็นต์ดีกว่า หลายเขตเลือกตั้งมีผู้มาแสดงความประสงค์จะลง ส.ส. มากกว่าหนึ่งคนก็ต้องคัดเลือกคนที่ดีที่สุดในสายตาประชาชน นั่นคือเกณฑ์สำคัญของเราอยู่แล้ว วันนี้เรื่องตัวผู้สมัคร เราพร้อม กรุงเทพฯ ภาคกลาง ภาคใต้ แม้กระทั่งอีสาน เหนือ ทุกภาคพร้อม อาจจะมีบางคนที่ตัดสินใจไปพรรคอื่นแล้วเปลี่ยนใจมาที่นี่ก็ได้ คนที่ไม่คิดจะมาก็มา เมื่อวานก็มีมาเพิ่มอีก แต่ถ้าเป็นส.ส.อยู่ก็อยากให้ทำงานไปก่อน ยังไม่ต้องรีบลาออก อันนี้ก็ถือประกาศไปเลย แต่บัญชีรายชื่อไม่เป็นไร” นายเอกนัฏ กล่าว

นายเอกนัฏ กล่าวว่า สำหรับนายเขตรัฐ เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อก็จริง แต่วันนี้ตั้งใจจะมาลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งกรุงเทพฯ ก็เลยลาออกมา แต่ไม่ทำให้สภาฯ ต้องเสียหาย ขณะเดียวกันคุณเขตรัฐจะลงพื้นที่ด้วย เป็นคนรุ่นใหม่มีศักยภาพ มีประสบการณ์ เราเองก็ดีใจที่มีบุคลากรที่เป็นแบบคุณเขตรัฐมาช่วยงานพรรคแล้วมีมากกว่านี้ เพราะเราเน้นผสมผสานคนทุกรุ่นทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นใหม่ด้วย

ด้านนายเขตรัฐ กล่าวว่า ที่ตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติเพราะติดตามการทำงานของพรรค และการทำงานของแกนนำและหัวหน้าพรรค ทำให้เชื่อมั่นว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะเป็นพรรคที่เป็นสถาบัน ที่จะเป็นเสาหลักของประเทศได้ รวมทั้งมีความน่าเชื่อถือ จนกระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาสมัครสมาชิกพรรค ซึ่งตนเป็นทีม “ลุงตู่” และทีม “พี่ขิง” ด้วย จึงไม่ต้องมีอะไรให้ตัดสินใจมาก เงื่อนไขไม่ต้องตั้ง ความชัดเจนสำคัญที่สุด วันนี้จึงมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อจะได้เริ่มทำงานเลย ทั้งนี้ ไม่ได้คุยกับบิดาเลย เพราะตอนนี้บิดากำลังเดินทางกลับจากประเทศอังกฤษ คราวที่แล้วก็เข้าพรรคก่อน ครั้งนี้ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไร อยากให้ติดตามต่อไป.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]