สปป. ลาว 28 ต.ค.-นายกฯ หารือนายกฯ สปป. ลาว ยินดีสองประเทศร่วมกันวางศิลาฤกษ์โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 เชื่อมั่นจะเป็นอีกช่องทางให้ประชาชนไปมาหาสู่กัน เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้หารือทวิภาคีกับ นายพันคำ วิพาวัน นายกรัฐมนตรี สปป. ลาว ณ บริเวณพื้นที่โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 แขวงบอลิคำไซ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีที่ได้ร่วมเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์โครงการก่อสร้าง สะพานมิตรภาพฯ แห่งที่ 5 ซึ่งเป็นไปตามที่ได้หารือกับนายกรัฐมนตรี สปป. ลาวที่ไทย
“ผมเชื่อมั่นว่าสะพานแห่งนี้จะเป็นอีกช่องทางให้ประชาชนตามแนวชายแดนไปมาหาสู่กันได้สะดวกมากขึ้น และเชื่อว่าจะมีสะพานแห่งอื่นๆ เพิ่มอีก และขอให้ดูแลคนไทยในประเทศลาว ซึ่งคนไทยจะดูแลคนลาวในไทยเช่นกัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ด้านนายพันคำ วิพาวัน นายกรัฐมนตรี สปป. ลาว กล่าวว่า ยินดีเป็นอย่างยิ่งวันนี้ไทย-ลาว มีสะพานเชื่อมโยง แต่ถึงจะไม่มีสะพานคนไทย-คนลาวก็มีใจเชื่อมใจ ขอให้จดจำถ้อยคำ ที่แสดงถึงความสัมพันธ์ที่พึ่งพาถ้อยอาศัยระหว่างสองประเทศ “กินข้าวร่วมนา กินปลาร่วมน้ำ”
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายเชื่อมั่นว่าสะพานแห่งนี้ จะเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญที่แสดงถึงความเป็นมิตรที่ใกล้ชิด และยิ่งจะทำให้ความสัมพันธ์ของประเทศและประชาชนทั้งสองประเทศใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น และจะเป็นสะพานที่เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้แก่ทั้งสองประเทศ เนื่องจากจะเป็นทางเลือกการขนส่งระหว่างไทยกับ สปป. ลาว รวมทั้งส่งเสริมการขนส่งเส้นทางหมายเลข 8 (R8) ระหว่างไทย–ลาว–เวียดนามให้สะดวกยิ่งขึ้น
ในส่วนประเด็นเกี่ยวกับการเชื่อมต่อระบบรางของไทยกับรถไฟลาว – จีน นายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายพร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อลดอุปสรรคในการขนส่งและใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่มีให้เต็มที่ ซึ่งต้องการเห็นความคืบหน้า อำนวยความสะดวก ขจัดอุปสรรคต่างๆ
ภายหลังการหารือ นายกรัฐมนตรีสปป. ลาว กล่าวแสดงความยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มาร่วมงานที่มีความหมายเป็นสิริมงคลในวันนี้ การก่อสร้างนี้เป็นความพยายามมุ่งมั่นของรัฐบาลทั้งสองประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนทั้งสองฝั่ง การขนส่ง ส่งเสริมการค้า การลงทุน ท่องเที่ยว สนับสนุนการพัฒนาในทั้งสองประเทศเพื่อประโยชน์สูงสุด ของประเทศและประชาชน และในตอนท้ายได้อวยพรให้สองประเทศเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย