“ไทยสร้างไทย”ชู นโยบายปลดล็อกเศรษฐกิจประเทศ

โรงแรม ไฮแอท รีเจนซี่ บางกอก สุขุมวิท 10 ต.ค.- “ไทยสร้างไทย” ชู นโยบายแก้เพิ่มสร้าง ปลดล็อกเศรษฐกิจประเทศ


พรรคไทยสร้างไทย เปิดนโยบายด้านเศรษฐกิจ ภายใต้หัวข้อ“ถึงเวลา…ปลดล็อกเศรษฐกิจ” โดยมี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย น.ต. ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรค นายโภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ เข้าร่วม

นายโภคิน กล่าวว่า ปัจจุบันอำนาจนิยม ที่ไม่รับฟังเสียงประชาชน กติกาที่เป็นไปเพื่อคนใดคนหนึ่ง โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ เราจึงต้องสร้างรัฐธรรมนูญเพื่อประชาชน รวมถึงการปลดล็อคระบบรัฐราชการ ที่เป็นอุปสรรคในการทำมาหากิน และพรรคไทยสร้างไทยจึงมีเป้าหมายในการสร้างนโยบายให้ประชาชนอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี ตั้งแต่เกิดจนแก่ ดังนั้นเราต้องปลดปล่อยประชาชน Liberate และเพิ่มพลังให้กับประชาชน Empower พรรคไทยสร้างไทยจึงมีนโยบายบำนาญประชาชน 3,000 บาท เรียนฟรีจนจบปริญญาตรี หรือกองทุนคนตัวเล็ก เพื่อให้พี่น้องมีพลังและลุกขึ้นมาทำมาหากินได้อย่างเข้มแข็ง


ด้านน.ต.ศิธา กล่าวชื่นชมการต่อสู้ของนายสุพันธุ์ มงคลสุธี หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคไทยสร้างไทย ตั้งแต่เป็นคนตัวเล็กจนเติบโตขึ้นมามีฐานะทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งมั่นคง เป็นผู้มีวิสัยทัศน์ไม่ต่างไปจากคนรุ่นใหม่ ดังนั้นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจจึงเป็นตัวอย่างของคนที่สร้างงานด้วยตนเอง ถึงวันนี้ตัดสินใจเข้าสู่การเมืองร่วมกับพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจ และจะเข้ามาช่วยสร้างพรรคไทยสร้างไทย ในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ดูแลพี่น้องคนตัวเล็กต่อไป

ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า 30 ปีทำงานการเมืองมาไม่เคยเห็นประชาชนทุกข์ยากมากถึงเพียงนี้ ลงพื้นที่ประชาชนมาระบายความทุกข์ พี่น้องประชาชนไม่สามารถเดินต่อไปได้ โดยเฉพาะคนยากคนจน ผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร ซึ่งพรรคไทยสร้างไทยเห็นว่าเราไม่สามารถแก้ไขปัญหาใดๆได้ ถ้าไม่ปลดล็อคความขัดแย้งทางการเมือง โดยเฉพาะการเมือง 2 ขั้วที่ทำให้เกิดการรัฐประหาร จะ Reinventing ปลดล็อคเปลี่ยนประเทศเพื่อให้ประเทศไทยเดินต่อไปได้ โดยการปลดล็อควิกฤตการเมือง สร้างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ปลดล็อคการทุจริตคอรัปชั่นที่โกงกินบ้านเมืองมานาน

คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทยจะมุ่งส่งเสริม SMEs คนตัวเล็ก ที่เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศที่จะต้องได้รับการปลดล็อค และเป็นเป้าหมายของพรรค ที่จะส่งเสริมในทุกโอกาส เพื่อให้คนตัวเล็กเป็นคนตัวใหญ่ได้


นายสุพันธุ์ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยประสบปัญหา หลายประการตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เป็นเครื่องยนต์หลักสำคัญในการขับเคลื่อนทั้ง 4 ตัว คือ การส่งออก การท่องเที่ยว การลงทุน และ การบริโภคภายในติดลบทุกตัว พรรคไทยสร้างไทยจึงเสนอแพคเกจนโยบาย แก้เพิ่ม สร้าง คือ การแก้หนี้ เพิ่มเงินในกระเป๋า และ สร้างเศรษฐกิจโลกใหม่ เพื่อเป็นเครื่องมือใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

นายสุพันธุ์ ยังชี้ว่า ปัญหาหลักของประเทศตอนนี้ที่ต้องเร่งแก้คือปัญหาหนี้ โดยพรรคไทยสร้างไทยมีนโยบายสำคัญคือการแก้หนี้ โดยเปิดตัว 3 กองทุน คือ 1.กองทุนฟื้นฟูหนี้เสีย “ปลดล็อกเครดิตบูโรให้ประชาชน” นายสุพันธุ์ชี้ว่า หนี้เสียที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตโควิด-19 เมื่อช่วงต้นปีมีประมาณ 100,000 ล้านบาท แต่วันนี้เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 500,000 ล้านบาท จึงต้องเร่งปลดล็อกเครดิตบูโร แก้ปัญหาดอกเบี้ย และ กู้อิสรภาพในการกู้เงิน 2. กองทุน SMEs เพื่อช่วยเหลือในการทำธุรกิจ ทั้งภาคท่องเที่ยว และ วิสาหกิจชุมชน และ 3. กองทุนเครดิตประชาชนเพื่อจะแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ให้ประชาชนสามารถผ่อนชำระได้โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ดอกเบี้ยต่ำ และ ผ่อนชำระรายวันได้ ต่อมาจะเป็นการเพิ่มเงินในกระเป๋า

นายสุพันธุ์ ระบุว่าจะเน้นสิ่งที่ประเทศไทยมีจุดแข็ง พัฒนาต่อได้ ด้านแรกคือ ด้านการเกษตร และ อาหาร ที่จะต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการผลิต ระบบชลประทานที่จะต้องแก้ไข หาวัตถุดิบราคาถูก เช่น ปุ๋ย เมล็ดพันธ์ และมีการจับคู่เกษตรกรกับผู้รับซื้อผลผลิต การแบ่งโซนนิ่ง ต่อมาคือด้านสุขภาพและวิถีชีวิต ที่จะสนับสนุนให้ไทยเป็น Medical Hub ในทุกมิติ ทั้งแพทย์แผนปัจจุบัน และ แพทย์ทางเลือก การผลิตเวชภัณฑ์ เครื่องสำอาง สมุนไพรไทย และ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ให้มีความเป็น Universal Design มากขึ้น และสุดท้าย คือด้านการท่องเที่ยว ที่รัฐจะผลักดันการใช้งานแพลตฟอร์มของไทย เช่น Thai Guide หรือ ไทยเท่ ให้นักท่องเที่ยวจองที่พัก ร้านอาหาร การเดินทางได้ในราคาถูกกว่า ไม่ต้องพึ่งพาแอปของต่างชาติ รัฐโปรโมทให้ไม่ต้องเสียค่าโฆษณากับแอปพลิเคชั่นต่างชาติ

ส่วนสุดท้ายคือการสร้างเศรษฐกิจโลกใหม่ หรือ New World Economy คือการแก้ปัญหาของใหม่ๆ ของโลกในปัจจุบันด้วยวิธีการใหม่ เช่นปัญหาความมั่นคงทางอาหารที่ไทยต้องพลิกวิกฤตเป็นโอกาสโดยการส่งเสิรมอาหาร 5 ด้าน ได้แก่อาหารเเสริมสุขภาพ อาหารทางการแพทย์ อาหารอินทรีย์ อาหารทางนวัตกรรม และอาหารสำหรับตลาดเฉพาะให้มากขึ้น นอกจากนั้น ต้องสนับสนุนอุตสาหกรรมไทยให้สิทธิประโยชน์ใน BOI ลดหย่อนภาษีนักธุรกิจในประเทศ เพื่อที่จะแข่งขันกับทุนต่างชาติได้ และต้อง ปรับตัวชี้วัดและกฎเกณฑ์ต่างๆ ต้องมีการดู GDP ของ SMEs แยกออกมาอีกตัวหนึ่ง มีการดูหนี้ในระบบมาเป็นตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญเพิ่มขึ้นไปกว่าแค่ดู GDP ทั้งประเทศ

“สิ่งสำคัญทั้งในการค้าและการเมืองคือความเชื่อมั่น และวันนี้ตนเชื่อมั่นในพรรคไทยสร้างไทย และ หวังว่าประชาชนคนตัวเล็กทั้งประเทศจะเชื่อมั่นพรรคไทยสร้างไทยต่อไปด้วย“ นายสุพันธุ์ กล่าว-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ยันไทยทำถูกต้องปมรั้วลวดหนามบ้านหนองจาน

ทำเนียบ 26 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ยันกรณีล้อมรั้วลวดหนาม พื้นที่บ้านหนองจาน ไทยทำถูกต้องภายใต้ข้อตกลงหยุดยิง บอกโฆษก ทบ. แจงรายละเอียด นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กัมพูชาใช้มวลชนมากดดัน เพื่อให้ไทยรื้อลวดหนามบริเวณพื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว รัฐบาลจะมีแนวทางอย่างไร ว่า พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงแล้ว ก็เป็นไปตามนั้น ส่วนจะมีการเพิ่มมาตรการอะไรหรือไม่ นายภูมิธรรม ย้ำว่าเป็นไปตามที่โฆษกกองทัพบกได้ชี้แจงไปแล้ว เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ยังกระทบกันอยู่ ก็แก้ไขปัญหาไปตามสภาพการณ์ เรายืนยันว่าสิ่งที่เราทำถูกต้องแล้ว และทำทุกอย่างภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงที่ประเทศมาเลเซีย .-315 -สำนักข่าวไทย

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสานตอนบน-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนัก-ลมแรง

กรุงเทพฯ 26 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด และระนอง ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและลมแรง ส่วนพายุโซนร้อน “คาจิกิ” คาดอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ก่อนเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ บริเวณ จ.น่าน เย็นวันนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด และระนอง ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมแรง และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ปกคลุมบริเวณประเทศลาว ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย […]

จับตา “คาจิกิ” หลายจังหวัดภาคเหนือเตรียมรับมือน้ำท่วมดินถล่ม

25 ส.ค. – หลายจังหวัดทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเคยเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่ทั้งน่าน ชายแดนแม่สาย เชียงราย และเชียงใหม่ ต่างเร่งเตรียมรับมือพายุคาจิกิ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบชัดเจนตั้งแต่พรุ่งนี้ นอกจากเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากแล้ว บางพื้นที่ยังเสี่ยงดินโคลนถล่มด้วย โดยเฉพาะหมู่บ้านใกล้เชิงเขาที่จังหวัดน่าน ซึ่งเกิดดินสไลด์จนกระทบบ้านเรือนนับสิบหลังก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัวออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว .-สำนักข่าวไทย