ทำเนียบรัฐบาล 14 ก.ย.-โฆษกรัฐบาลเผย การค้าชายแดนของไทยฟื้นตัวต่อเนื่องหลังโควิดคลาย ประสานร่วมมือมาเลย์-สปป. ลาว พัฒนาพื้นที่ชายแดนปลอดภาษี คาดภาพรวมปี 65 เติบโตตามเป้า 5% มูลค่ากว่า 1.08 ล้านล้านบาท
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภาพรวมการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน 7 เดือนแรก (มกราคม – กรกฎาคม ) ของปี 2565 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 999,578 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.98% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564 ถือเป็นสัญญาณบวก สะท้อนการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้ การค้าชายแดนและผ่านแดนเดือนกรกฎาคม 2565 มีมูลค่ารวม 150,286 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.85% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2564 โดยมีปัจจัยหนุนมาจากค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า ช่วยให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันด้านราคาได้มากขึ้น ราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูงขึ้นและความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้น รวมถึงเศรษฐกิจประเทศเพื่อนบ้านเริ่มฟื้นตัว ส่งผลต่อการขยายตัวภาคการผลิตและการบริโภค
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ไทยเปิดด่าน 60 แห่งจากทั้งหมด 97 แห่ง คาดการณ์ว่าสถานการณ์การค้าชายแดนและผ่านแดนของไทย ในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 จะขยายตัวต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ภาพรวมปี 2565 เติบโตตามเป้าหมายที่ 5% หรือคิดเป็นมูลค่า 1.08 ล้านล้านบาท “รัฐบาลมุ่งมั่นผลักดันมูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยแนวทางการทำงานของรัฐบาลที่ต้องการสนับสนุนความร่วมมือระหว่างประชาชนในพื้นที่อย่างสร้างสรรค์ สนับสนุนเศรษฐกิจการค้าตามแนวชายแดน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเป็นส่วนแก้ไขปัญหาในพื้นที่ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งภาครัฐและเอกชนได้บูรณาการการทำงานร่วมกัน เพื่อผลักดันการส่งออกเชิงรุกและเชิงลึก ผ่านการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยบริเวณชายแดน การผ่อนคลายมาตรการเปิดจุดผ่านแดน นอกจากนี้ รัฐบาลได้หารือและทำความตกลงร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งมาเลเซีย และสปป. ลาว เพื่อพัฒนาพื้นที่ชายแดน เขตปลอดภาษี ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการค้าบริเวณชายแดนมากขึ้น” นายอนุชา กล่าว.-สำนักข่าวไทย