รัฐบาล ย้ำความสำเร็จ EEC 4 ปี ขับเคลื่อนเกิดผลเป็นรูปธรรม

กทม. 28 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล ย้ำความสำเร็จ EEC 4 ปี ภายใต้การขับเคลื่อนรัฐบาลปัจจุบันเกิดผลเป็นรูปธรรมชัดเจน เป็นส่วนหนึ่งให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำถึงความสำเร็จการขับเคลื่อนโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันซึ่งขณะนี้มีความก้าวหน้าไปมากพอสมควรและเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ โดยความสำเร็จ 4 ปี ของ EEC เกิดการเติบโตที่ดีครบทุกมิติ เกิดผลประโยชน์โดยตรงถึงประชาชนทุกกลุ่ม และเกิดการบูรณาการด้านงบประมาณกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ โดยปัจจุบันได้มีการผลักดันโครงการร่วมลงทุนรัฐและเอกชนจนเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยได้เซ็นสัญญาครบ 4 โครงการแล้ว ได้แก่ 1) โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน 2) โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก 3) โครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด และ 4) โครงการท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวทำให้เกิดเม็ดเงินลงทุนกว่า 650,000 ล้านบาท โดยรัฐได้ผลตอบแทนสูงถึง 210,000 ล้านบาท ซึ่งทุกโครงการคาดว่าจะทยอยแล้วเสร็จในปี 2568 เป็นต้นไป ถือเป็นการสร้างต้นแบบให้ประเทศไทยก้าวสู่การพึ่งพาตนเองและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ สร้างงานให้คนไทย และสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้กับภาครัฐ


ขณะที่ด้านการลงทุนในพื้นที่ EEC เกิดการลงทุนรวมที่ได้อนุมัติงบลงทุนสูงถึง 1.8 ล้านล้านบาท เกินเป้าหมาย 1.7 ล้านล้านบาทใน 5 ปีที่เป็นแผนแรกของอีอีซี โดยก้าวต่อไป EEC ได้วางแผนการลงทุนระยะที่ 2 ในอีก 5 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2566-70) เพื่อขับเคลื่อนต่อยอดและเร่งรัดการลงทุนโดยการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมและวิจัย อีกทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยวางเป้าการลงทุนไว้ที่ 2.2 ล้านล้านบาท ซึ่งเกิดมูลค่าการลงทุนใน EEC เพิ่มขึ้นประมาณปีละ 400,000-500,000 ล้านบาท โดย EEC น่าจะขยายตัวได้ 7-9% ต่อปี ซึ่งจะเป็นการเสริมเศรษฐกิจไทยให้เติบโตเต็มศักยภาพ ทำให้ประเทศไทยขยายตัวได้ประมาณ 5% ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ EEC ยังได้เร่งขยายและพัฒนาโครงข่าย 5G ให้การใช้ 5G เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมตั้งแต่ระดับชุมชน โดยเริ่มพัฒนาต้นแบบที่บ้านฉางและเมืองพัทยา ก้าวสู่ชุมชนอัจฉริยะและต่อยอดสู่ภาคการผลิต ภาคธุรกิจ และหน่วยงานต่าง ๆ พร้อมทั้งสร้างแนวทางส่งเสริมการลงทุนใหม่ ได้แก่ อุตสาหกรรมดิจิทัล ยานยนต์ไฟฟ้า EV การแพทย์สมัยใหม่ และการขนส่งโลจิสติกส์ ภายใต้เศรษฐกิจสีเขียวหรือ BCG ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและก้าวสู่พื้นที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในอนาคตที่ EEC มุ่งมั่นให้เกิดการลงทุนที่ยั่งยืน


นายอนุชา กล่าวอีกว่า นอกจาก 4 ปีของความสำเร็จในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยแล้ว EEC ยังได้ดำเนินการพัฒนาพื้นที่และสังคม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน โดยผลักดันแผนพัฒนาภาคเกษตร เป็นต้นแบบใช้การตลาดนำการผลิต ใช้เทคโนโลยีเพิ่มผลผลิตให้เข้าถึงตลาดสินค้ามูลค่าสูง กำหนด 5 คลัสเตอร์ที่มีศักยภาพ ได้แก่ ผลไม้ ประมง พืชชีวภาพ สมุนไพร และเกษตรมูลค่าสูง เพื่อสร้างรายได้เกษตรให้เทียบเท่ากลุ่มอุตสาหกรรมและบริการ รวมทั้งได้จับมือกับธนาคารออมสินเสริมสภาพคล่องทางธุรกิจ ช่วยให้พ่อค้า แม่ขาย สามารถประกอบกิจการได้โดยเร็ว และร่วมกับสถาบันการเงินชั้นนำให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ SME คู่กับการสนับสนุนสินค้าชุมชน ยกระดับสินค้าโอทอป สร้างรายได้ให้ชุมชน อีกทั้ง EEC ยังสร้างระบบการพัฒนาบุคลากรตำแหน่งงานใหม่รายได้ดี เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนบุคลากรที่ทำงานกับนวัตกรรมใหม่ ตั้งเป้าหมายกว่า 475,000 ตำแหน่ง ผ่านการศึกษาในรูปแบบสร้างงานให้ตรงตามความต้องการของอุตสาหกรรม โดย อบรมไปได้แล้ว 16,114 คน สิ้นปี 66 จะดำเนินการได้ 100,000 คน และเร่งดำเนินการให้ได้ตามเป้าหมาย พร้อมยกระดับด้านสาธารณสุขให้ชุมชนเข้าถึงระบบประกันสุขภาพอย่างทั่วถึง รวมไปถึงยกระดับแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้กลับมาท่องเที่ยวในพื้นที่ และยังได้ริเริ่มแนวคิดการปล่อยสัตว์ทะเล เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่ชุมชน พร้อมรักษาระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม บริหารจัดการขยะแบบครบวงจรเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อมและสร้างความยั่งยืนในพื้นที่ EEC

“การทำงานตลอด 4 ปีที่ผ่านมาความสำเร็จของ EEC ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทุกภาคส่วน ทำให้วันนี้ EEC สามารถก้าวสู่การเป็นต้นแบบการพัฒนาเชิงพื้นที่ของประเทศ ความสำเร็จดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก และเป็นคำตอบสำหรับอนาคตให้คนไทยทุกคน” นายอนุชา กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก